“เรียกลุงอีกแล้ว” คิ้วดกหนาขมวดนิ่ว แววตาดุกร้าวขึ้นเมื่อได้ยินคำแสลงหู “บอกแล้วไงไม่ให้เรียกฉันแบบนี้ ฉันไม่ได้แก่จนเป็นลุงเธอ”
“ไม่ให้เรียกก็ปล่อยสิคะ” ร่างบางหมุนกายหันมาเผชิญหน้า มือน้อยดันแผงอกหนาให้ถอยห่าง “คุณโดมินิก ได้โปรดให้เกียรติฉันบ้าง ไหนคุณบอกว่าไม่อยากหมั้นไม่อยากแต่งกับฉัน ก็อย่ามาฉวยโอกาสรังแกกัน”
สรรพนามเรียกขานอย่างเป็นทางการกับน้ำเสียงของเธอ ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ชอบใจ ท่อนแขนแข็งแรงรัดร่างบางแน่นขึ้น ดึงรั้งให้ร่างนั้นแนบชิดมากกว่าเดิม จนสาวน้อยหน้าเหยเก
“เธอเลือกเองนะ อยากเป็นคู่หมั้นคนแก่แบบฉัน ก็ต้องยอมให้ฉัน...” เขาใช้มืออีกข้างเชยคางมนให้มองสบตาคมดุ “จับ กอด หอมแก้มแบบนี้”
มือหนาบีบคางให้เชิดขึ้น ก้มลงไปกดจมูกบนแก้มนวลหอมแรงๆ ทั้งซ้ายขวา แล้วกอดรัดร่างน้อยแน่นเหมือนตอกย้ำให้เธอสยบยอมศิโรราบให้เขา ไม่สนใจว่าตรงนั้นจะมีคนอื่นมองเห็น นอกจากอยากแกล้งให้เธออับอายเล่น
เผียะ !!!
ฝ่ามือน้อยๆ ฟาดเข้าใส่เต็มแก้มหนาจนหน้าสะบัด ก่อนคนตัวเล็กกว่าจะใช้แรงทั้งหมดผลักคนตัวโตจนล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้นทราย แล้วหมุนกายวิ่งหนีไปยังห้องพักของตัวเอง ท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่ได้เห็น
“อย่าหนีนะยายตัวแสบ!”
โดมินิกตะโกนลั่น ร่างหนาขยับลุกขึ้นปัดทรายที่เปื้อนร่างกายแล้ววิ่งตามสาวน้อยไปทันที ปล่อยให้เพื่อนๆ มองตาม ฉากไล่ล่าที่ฝ่ายหนึ่งวิ่งหนีสุดชีวิตอีกฝ่ายก็เร่งสปรีดเต็มฝีเท้าติดตามไป
“สงสัยคู่นี้จะดูหนังแขกมากไป ถึงได้วิ่งไล่จับกันแบบนี้” โอลิเวอร์ยังมีอารมณ์ขัน เขาโอบไหล่ภรรยาสาวแล้วหันมายิ้มให้เธอ
“ไปว่าเขา เราควรจะห่วงน้องฟ้ามากกว่า ไปตบคุณโดมแบบนั้นเขาคงโกรธมาก”
วาสินีไม่ขำด้วย นึกห่วงสาวน้อยขึ้นมา เธอรู้ดีว่าเวลาผู้ชายตัวโตๆ โมโห น่ากลัวแค่ไหน เธอเคยสัมผัสฤทธิ์ร้ายของความโมโหจากคนข้างกายมาแล้ว ไม่อยากให้เหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นกับสาวน้อยอย่างนภัสรดาจนเป็นความทรงจำเลวร้ายไปตลอดชีวิต
“อย่าห่วงเลยน่า ถึงไอ้โดมมันจะขี้โมโห แต่มันไม่ได้ใจร้ายแบบน้องชายผมหรอก” เอริกเปรยขึ้น เขาพาภรรยาและลูกสาวเดินมารวมกลุ่มกับน้องชาย
“ไปว่าพี่โอลิเวอร์ คุณเองก็ร้ายน้อยเสียที่ไหน” โรสิตาเหน็บสามี เธอหันไปมองสองร่างที่วิ่งไล่กวดกันอย่างหวั่นใจ “แล้วเราจะปล่อยสองคนนั้นเขาไปแบบนั้นเหรอคะ บอกคุณลุงคุณป้าก่อนดีไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก คู่นั้นเขาไม่ฆ่ากันตายหรอก” เอริกวาดแขนโอบไหล่ภรรยา ยิ้มให้เธอคลายใจ
“คนอย่างไอ้โดมหากไม่รักไม่สน หางตามันก็ไม่แล หนูฟ้าเป็นผู้หญิงคนแรกในรอบหกปี ที่ทำให้มันหันมาสนใจและกำลังเปลี่ยนคนใจน้ำแข็งอย่างมัน ให้รู้จักความรักอีกครั้ง เราอย่าไปแทรกแซงสองคนนั้นเลย แค่ดูและให้กำลังใจอยู่แบบนี้ก็พอแล้ว เชื่อผมสิทุกอย่างจะดีเอง”
เอริกมองไปยังสองร่างที่วิ่งห่างออกไป ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเพื่อนและสาวน้อยอย่างคนที่รู้ดีว่า ทั้งสองมีบางสิ่งที่เชื่อมโยงกันอยู่ ขอเพียงเวลาให้เพื่อนจอมดื้อรั้นของเขายอมเปิดใจยอมรับนภัสรดา ยามนั้นโดมินิกจะปลดล็อกสิ่งที่หัวใจปิดกั้นออกมา และเขาก็จะได้เห็นเพื่อนมีความสุขอีกครั้ง...
“โดมินิก ไปตามหัวใจแกให้พบนะเพื่อน...” เอริกบอกเพื่อนในใจ
นภัสรดาวิ่งหนีโดมินิกไปยังวิลล่าของตัวเอง แต่คนตัวโตวิ่งตามมาแบบกระชั้นชิดจนสาวน้อยไม่ทันหนีเข้าห้อง ก็โดนจับได้เสียก่อน ร่างบางโดนเขาตะครุบได้ตรงชายหาดหน้าวิลล่านั่นเอง
“วิ่งเร็วเหมือนกันนะยายเด็กแสบ”
เสียงหอบหายใจของคนสูงวัยกว่าดังข้างหู ในยามที่ร่างบางถูกท่อนแขนแข็งแรงรัดเอวไว้แน่น ร่างหนาโถมตัวนั่งคุกเข่าคร่อมร่างเล็กไว้จับกดอีกฝ่ายไว้บนพื้นทราย
“ปล่อยหนูนะ ตาลุงบ้าบอกให้ปล่อยไง”
หมัดน้อยๆ ระดมทุบไปบนแผงอกหนาตุ๊บตั๊บ แรงเท่ามดไม่ทำให้คนตัวเท่ายักษ์เจ็บปวดได้เท่าไหร่ เขาจับข้อมือเล็กนั้นรวบจับกดไว้เหนือศีรษะของเธอด้วยมือเดียว หนีบเข่าล็อกข้างลำตัวเล็กไม่ให้ดิ้น
“ยังฤทธิ์มากอีกหรือไง”
โดมินิกสูดลมหายใจแรงๆ นานแล้วที่เขาไม่ได้วิ่งไล่กวดใครแบบนี้ เขาไม่คิดว่าจะได้มาไล่ล่าตามจับผู้หญิงตัวเล็กเท่ามดให้เหนื่อยแรง ยายเด็กแสบตบเขาหลายครั้งหลายหน แบบที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยทำมาก่อน ขนาดเป็นแค่คู่หมั้นเขายังโดนหยาม หากเป็นสามีของเจ้าหล่อน เธอไม่ขึ้นขี่คอเขาหรือไง
“ปล่อยนะ หนูจะร้องให้คนช่วยแล้วนะ อยากโดนรุมสกรัมเหรอ”
คนพูดหันไปมองรอบๆ หาคนช่วย แต่ชายหาดส่วนตัวในโซนวีไอพี ไร้เงาของผู้คนเพราะเป็นเขตหวงห้าม แม้แต่พนักงานของรีสอร์ตก็ต้องโทรเรียกถึงจะกล้าเข้ามาในบริเวณนี้
“พ่อแม่ของฉันพาพ่อแม่เธอไปคุยกับผู้เฒ่าการ์ซูนู่น แถวนี้ก็ไม่มีมนุษย์คนไหนเข้ามาหรอก พวกพี่น้องเมดิสันก็คงไม่ตามมาขัดจังหวะคู่หมั้นหมาดๆ อย่างเราหรอก”
โดมินิกยื่นหน้าเข้าไปหา กระตุกยิ้มร้ายให้คนเห็นหวั่นหวาดเล่น ดวงตาคมกวาดมองใบหน้าอ่อนใสที่วันนี้แต่งแต้มสีสันจนดูเป็นสาวกว่าอายุจริง ปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีชมพูกลีบกุหลาบ ชวนให้คนมองอยากลองลิ้มชิมรสหวาน ชุดเดรสสีชมพูหวานแบบเกาะอก รัดรูปร่างระหง ทรวงอวบเกินตัวดันออกมาจากเกาะอกเมื่อเจ้าของดิ้นไปมา ยั่วสายตาจนคนเห็นร้อนฉ่าไปทั้งตัว
“อย่า อย่าทำอะไรหนูนะ” เสียงเล็กๆ สั่นพริ้ว
นภัสรดาหลบสายตาวาววามอย่างตื่นตระหนก ด้วยรู้ว่าสายตาของเขามันกำลังมองเธอด้วยอารมณ์ไหน ริมฝีปากอิ่มขบเม้ม ใจเต้นรัวแรงเบือนหน้าหลบสายตาเขา เผลอนึกถึงจุมพิตเมื่อวันวานจุมพิตของเขาทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก มันน่าหวั่นหวาด และน่าค้นหา เขาขโมยจูบแรกของเธอไป หากปล่อยให้เขาทำแบบนั้นซ้ำๆ อีกครั้งในที่สุดเธอจะพ่ายแพ้เขา เธอจะไม่ยอมตกเป็นทาสรักทาสสวาทผู้ชายคนนี้เด็ดขาด
“คิดว่าฉันจะทำอะไรเด็กดื้ออย่างเธอล่ะ ฮึ”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม ขณะยื่นหน้ามาจนชิด ละมือข้างหนึ่งมาจับปลายคางมนให้หันมาสบตา แววตาระริกไหวของเธอทำให้เขาแย้มริมฝีปากกว้าง ทำเป็นอวดเก่งสุดท้ายก็กลัวจนตัวสั่น แบบนี้มันต้องแกล้งให้เข็ด จะได้รู้เสียทีว่าอย่าริอ่านมากระตุกหนวดเสืออย่างเขา ยายเด็กน้อย
“คุณโดมินิก ได้โปรดยกโทษให้หนูเถอะค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจตบคุณนะคะ”
นภัสรดาเอ่ยขอโทษพร้อมกับอ้อนวอนให้เขายกโทษให้ ซึ่งมันไร้ผลเมื่อสิ่งที่เธอทำมันหยามเกียรติคู่หมั้นหนุ่มจนยากจะยอมให้อภัยง่ายๆ
“ไม่ตั้งใจแต่ตบซะแก้วหูลั่นเปรี๊ยะ เธอบอกไม่ตั้งใจตบ เพราะฉะนั้น ฉันก็จะ... ไม่ตั้งใจจูบเธอเหมือนกัน”
“อย่านะ อ๊ะ”
เขาก้มลงประทับริมฝีปากอิ่มกดจูบหนักหน่วงจนเธอร้องไม่ออก สาวน้อยพยายามต่อต้านแต่ก็ไม่อาจต้านทานความเชี่ยวชาญของชายหนุ่มได้ สุดท้ายจากที่ขัดขืนกลายมาเป็นจูบตอบอย่างไม่ประสา ปลุกเร้ากระตุ้นความปรารถนาของเขาให้ลุกโพลงเกินต้านไหว มือหนาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างนุ่มนิ่ม ใบหน้างามถูกบังคับให้แหงนเงยรับจุมพิตร้อนแรง ปลายลิ้นร้อนซอกซอนดูดซับความหวานหอมของริมฝีปากอิ่มอย่างไม่รู้อิ่ม ดูดกลืนเรียวลิ้นเล็กสลับกับดูดกลีบปากอิ่มแดงทั้งบนและล่าง กว่าเขาจะผละ ริมฝีปากออกให้เธอได้หายใจคล่องปอด สาวน้อยก็หอบหายใจสะท้านปรือตามองเขาด้วยแววตาฉ่ำเยิ้ม