เช้าวันรุ่งขึ้นบิดามารดาของนภัสรดาก็มาถึงเกาะล้อมรัก ด้วยเครื่องบินเจทส่วนตัวของครอบครัวกอนซาเลสที่ส่งไปรับมา ผู้ใหญ่ทั้งสองมีสีหน้าปลาบปลื้มเมื่อทางคุณมาเรียกับคุณนิโคไลน์แจ้งไปว่าต้องการหมั้นหมายลูกสาวอย่างเป็นทางการ และดูจะเป็นการเร่งด่วนด้วยเพราะลูกชายตัวดีพาสาวน้อยเข้าห้องไปเมื่อค่ำวาน แม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่ทำอะไรเกินเลยแต่คุณมาเรียก็ไม่ได้ยอมปล่อยให้โดมินิกลอยนวล การหมั้นหมายจึงดำเนินการขึ้นอย่างเร่งด่วนพร้อมกับกำหนดการจัดงานแต่งงานที่จะมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า มัดมือชกลูกชายตัวดีจนดิ้นไม่หลุด
พิธีการจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายโดยสวมแหวนต่อหน้าผู้ใหญ่ของสองฝ่าย หลังจากทำพิธีเสร็จก็มีงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ ครอบครัวเมดิสันต่างพากันมาร่วมยินดีกับสองหนุ่มสาว เอริกกับโอลิเวอร์แยกตัวมานั่งดื่มกับ โดมินิกซึ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่ระเบียงหน้าวิลล่า ปล่อยผู้หญิงและเด็กๆ ให้สนุกอยู่กับการปิ้งบาร์บิคิวตรงลานหน้าบ้านพัก
“คู่หมั้นแกออกจะสวยน่ารัก ทำไมทำหน้าเหมือนริดสีดวงกำเริบแบบนั้นฮะโดม” เอริกละสายตาจากภรรยาและลูกสาว หันมาเอ่ยแซวเพื่อน
“นั่นสิ หนูฟ้าออกจะน่ารักน่าเอ็นดู”
โอลิเวอร์ หันไปมองว่าคู่หมั้นหมาดๆ ของเพื่อนแล้วหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย กดยิ้มมุมปากเมื่อเห็นโดมินิกถอนหายใจเฮือกๆ บ่งบอกว่างานหมั้นหมายครั้งนี้เจ้าตัวไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อย
“แกสองคนไม่เป็นฉัน แกไม่รู้หรอก”
โดมินิกสาดเหล้าเข้าคอจนหมดแก้ว วางกระแทกแก้วในมือเสียงดัง ใบหน้าไม่คลายจากความเคร่งเครียด ใครจะนึกว่ามารดาของเขาจะมาเจอตอนเขาพายายเด็กแสบเข้าห้อง สภาพของนภัสรดาในยามที่มารดามาเห็น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสาวน้อยโดนเขารังแกไปหมาดๆ ปากอิ่มแดงบวมเจ่อขนาดนั้น ดีที่เขาไม่เผลอตัวคลุกวงในไม่อย่างนั้นคงแก้ตัวไม่ขึ้น
“อย่าคิดมากน่า น้องเขาก็น่ารักดี แกน่าจะเปิดใจบ้างนะโดม อย่าให้อดีตมาทำลายปัจจุบันสิ” เอริกเอ่ยเตือนเพื่อนสนิท
เมื่อหกปีก่อนโดมินิกถูกคนรักคือ ไลลา เคอร์แมน หลอกจนแทบเสียผู้เสียคน วันหนึ่งโดมินิกไปพบไลลากำลังมีสัมพันธ์สวาทกับคู่ขา เขาเสียใจจนแทบคลั่งและบอกเลิกกับไลลา หญิงสาวยังตอกย้ำความเจ็บช้ำด้วยการขโมยแบบรถบิ๊กไบค์รุ่นล่าสุดที่โดมินิกคิดค้นเอาไปขายให้คู่แข่งของโดมินิก หญิงสาวหลอกให้โดมินิกรักแล้วใช้ความใกล้ชิดนั้นขโมยข้อมูลสำคัญของเพื่อนเขาไป ที่น่าเจ็บใจคือ ไลลา ร่วมมือกับคู่ขาซึ่งเป็น เลสเบี้ยน ลอบตัดสายเบรกจนรถของโดมินิกเกิดอุบัติเหตุ เพื่อนของเขาเกือบหมดลมหายใจและเกือบสูญเสียการมองเห็น กว่าจะผ่าตัดและกลับมาปกติได้อย่างปัจจุบันก็ใช้เวลาเป็นปี หลังจากนั้นโดมินิกกลายเป็นคนไร้หัวใจ ไม่เคยเชื่อใจผู้หญิงคนไหนอีก เช่นเดียวกับเขาที่มีอคติกับพวกเลสเบี้ยนจนทำให้เข้าใจผิดกับโรสิตา เอริกหันกลับไปมองภรรยาและลูกสาวตัวน้อย ผ่อนลมหายใจออกอย่างตื้นตันใจเมื่อตอนนี้เขากำลังมีความสุขกับครอบครัว โดมินิกก็ควรได้รับความสุขแบบเดียวกับที่เขามี เอริกเบนสายตาไปมองคู่หมั้นสาวน้อยของเพื่อน เขาระบายยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเจ้าหล่อนแอบลอบมองเพื่อนของเขาอยู่เช่นกัน หากโดมินิกตัดอคติในใจออก เพื่อนของเขาจะมองเห็นบางอย่างในแววตาของนภัสรดาอย่างที่เขากำลังมองเห็นอยู่
“อีกสามเดือน แม่ฉันจะให้ฉันแต่งงานกับยายเด็กแสบนั่น เฮ้อ...”
โดมินิกรินเหล้าใส่แก้วแล้วสาดลงคอไปอึกใหญ่ ระบายลมหายใจออกแรงๆ อย่างกลัดกลุ้ม เขาหันไปมองคู่หมั้นต่างวัยก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาที่เขาเช่นกัน ดวงตาสองคู่ประสานกันแล้วนภัสรดาเป็นฝ่ายเบนหลบ แล้วแสร้งหันไปสนใจบรรดาของปิ้งย่างบนเตา ขณะที่คนอื่นพากันยกของที่สุกแล้วไปนั่งกินที่โต๊ะ ชายหนุ่มหันกลับมามองเพื่อนที่นั่งร่วมวง เอริกดูเหมือนจะให้ความสนใจกับภรรยาสาวและลูก สายตาทอดมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาอ่อนโยน ผิดจากที่เคยเป็นก่อนหน้า ซึ่งโดมินิกเคยตั้งฉายาให้เพื่อนของเขาว่าจอมมารหน้านิ่ง เพราะเอริกทั้งเก๊กทั้งฟอร์มจัด เขามองโอลิเวอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่ชายแล้วถอนหายใจพรืด อีกฝ่ายอาการไม่แตกต่างกันเลย ดูเหมือนจะมองภรรยาสาวแทบไม่คลาดสายตา แถมแววตามันยังเยิ้มๆ ออกแนวหื่นไม่เลือกเวลา สงสัยในสมองคงจินตนาการไปสุดกู่ โดมินิกอดค่อนแคะเพื่อนทั้งสองไม่ได้
“จะไปหาเมียกับลูกก็ไปเหอะ ฉันนั่งดื่มคนเดียวได้” โดมินิกโบกมือไล่
เอริกย่นคิ้วมองหน้าคนไล่แกมรำคาญ “เออ อยู่คนเดียวได้ก็ดี ฉันไปละ” เขาไม่สนใจเพื่อนน่ารำคาญคนนี้อีก เดินลิ่วตรงไปหาลูกเมีย ปล่อยน้องชายนั่งอยู่ตรงนั้น
“แกไม่ไปบ้างเหรอ” โดมินิกถามโอลิเวอร์
อีกฝ่ายส่ายหน้า “ไปทำไม ดูนั่นสิ เมียฉันกับลูกเดินมาหาแล้ว ยกของกินมาด้วย” เขาชี้ให้ดูภรรยาสาวกับลูกชายตัวน้อย ที่ช่วยกันยกถาดใส่บาร์บีคิวมาให้
“ถ้าอย่างนั้นแกก็อยู่กับลูกเมียแกไปนะ ฉันจะไปเดินยืดเส้นยืดสายสักหน่อย เริ่มมึนๆ”
โดมินิกขยับลุกขึ้นเมื่อวาสินีและน้องเอื้อพากันมาถึงโต๊ะ เขาพูดคุยกับภรรยาเพื่อนสองสามคำตามมารยาท แล้วปลีกตัวเดินไปหาคู่หมั้นสาว ร่างหนาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ร่างเล็กที่กำลังสาละวนพลิกของบนเตา
“หิว หาอะไรให้กินหน่อยสิ”
เขาขยับมายืนซ้อนด้านหลังคู่หมั้นสาว เกยคางบนไล่มน ทำท่ายื่นหน้าไปมองของบนเตา จมูกโด่งแอบลอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของแก้มนวลและผมนุ่มสลวยไปด้วย ปากบอกว่าไม่อยากแต่งงานแต่ห้ามตัวเองไม่ให้เข้าไปหาสาวน้อยไม่ได้ ร่างเล็กนุ่มนิ่มหอมละมุน ดวงตาคู่คมเผลอมอง ริมฝีปากแดงเรื่อแล้วกระหวัดนึกถึงรสชาติหวานซ่านลิ้นขึ้นมา ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างปลุกความปรารถนาให้ตื่นโพลงขึ้นมาเพียงแค่จินตนาการ
“ถอยไปห่างๆ สิคะ ไปนั่งรอที่โต๊ะนู่นก็ได้ เดี๋ยวหนูเอาไปให้”
นภัสรดาขยับถอยหนี ใจสาวเต้นโครมครามเมื่อร่างหนาเบียดกายเข้าแนบชิดแผ่นหลัง จนสัมผัสถึงกล้ามเนื้อตึงแน่นของเนื้อตัวเขา กระไอร้อนผ่าวจากเรือนกายชายแผ่ซ่านออกมาจนรู้สึกได้ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ระเหยออกมาจากลมหายใจร้อนๆ ที่ข้างแก้ม ชวนให้หัวใจสั่นหวิว ขืนอยู่แบบนี้นานๆ เธอคงหัวใจวายตาย
“มาฉันช่วยย่าง”
โดมินิกจับข้อมือเล็กแย่งคีมคีบมาช่วยพลิกของบนเตา มืออีกข้างก็โอบเอวคอดไว้ไม่ให้เจ้าตัวขยับหนี เขาหัวเราะในคอเมื่อเห็นหน้ามุ่ยๆ ของสาวน้อย อารมณ์ตึงเครียดก่อนหน้าผ่อนคลายลงแทบไม่รู้ตัว แค่ได้อยู่ใกล้แค่ได้เห็นใบหน้าอ่อนใสทำท่าขัดใจ ก็รู้สึกอารมณ์ดีอยากกลั่นแกล้งคนตัวเล็กเล่นจนลืมไปว่า เขาไม่ได้อยากหมั้นหมายกับเธอสักนิด
“ปล่อยหนูก่อนสิ ไม่อายคนอื่นเหรอ เขามองอยู่”
นภัสรดาพยายามแกะท่อนแขนที่รัดเอวเธอออก ใบหน้างามแดงเรื่อ จะทำปากดีปากเก่งแค่ไหนแต่เธอยังมีความเป็นกุลสตรีเหลืออยู่ ไม่อยากให้ใครมองว่าเธอยอมให้คู่หมั้นหมาดๆ นัวเนียในที่โล่งแจ้ง ความขัดเขินมันมีมากจนทำหน้าด้านหน้าทนแบบเขาไม่ไหว
“กลัวอะไร เราหมั้นกันแล้วนะ” เขากระตุกยิ้ม ขณะจับมือข้างซ้ายของเธอขึ้นมา “แหวนบนนิ้วนี่ มันพันธนาการเธอให้เป็นทาสรักทาสสวาทของฉันไปแล้วนะ ยายเด็กดื้อ”
“ใครเป็นทาสรักทาสสวาทของลุงกัน เราแค่หมั้นกันเฉยๆ” นภัสรดาย่นจมูก ขัดใจที่เขายัดเยียดตำแหน่งไม่พึงประสงค์ให้