4.

1159 คำ
            “ ไม่ต้องแล้วป้า ฉันมาแล้ว จะไปกันหรือยังจ๊ะลุงฉันพร้อมแล้ว ”             คนที่บอกว่าพร้อมผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง รองเท้าผ้าใบที่ใส่แบบไม่ต้องซักกำลังถูกสวมได้เพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างพ่อก็หนีบไว้ที่ซอกคอ กระดุมเสื้อยังติดไม่ครบแถวเสียด้วยซ้ำ             “ นี่หรือวะ พร้อมแล้วของเอ็ง สารรูปดูไม่ได้ ข้าให้เวลาห้านาทีรีบจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเอารถออกไปรอข้า ”             “ พ่อไม่กินอะไรสักหน่อยหรือ ?  ” หญิงสาวหันไปถามบิดาเมื่อเห็นว่ากำนันเตรียมตัวลงจากเรือน             “ นั้นนะสิ กำนันจะรองท้องสักหน่อยไหม ฉันเตรียมข้าวต้มไว้แล้ว ” เมี้ยนสมทบอีกคน             “ ไม่ล่ะสายมากแล้ว ขืนเข้าประชุมช้ามีหวังถูกไอ้แอ๊ดมันแขวะ...ข้าขี้เกียจจะฟัง ” แสนหมายถึงกำนันแอ๊ดที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตั้งแต่สมัยหนุ่มจนแก่             เมี้ยนจึงหันเก็บสำรับดูท่าข้าวต้มของตัวเองจะเป็นหม้าย เพราะกุ้งนางก็กำลังเดินหาวเข้าห้องตัวเองไป “ เออ..! เมี้ยน ” แสนก้าวลงบันไดไปไม่กี่ขั้นก็หยุดเมื่อนึกอะไรขึ้นได้                “ มีอะไรหรือกำนัน ? ” เมี้ยนจำต้องวางถาดลงเมื่อแสนถอยหลัง             “ เอ็งอยู่บ้านดูลูกข้าให้ดี อย่าปล่อยให้ออกไปก่อเรื่องเด็ดขาด ” เมื่อเห็นว่าบุตรสาวเดินเข้าห้องไปแล้ว กำนันแสนก็หันมากำชับคนเก่าคนแก่ที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็ก             “ โอ๊ย! ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลเป็นอย่างดี ไม่ปล่อยให้คาดสายตา ” เมี้ยนรับปากอย่างแข็งขัน             “ ให้มันจริงสิน่า! คราวที่แล้วปล่อยให้ไปตลาดกับเอ็งไม่กี่ชั่วโมง ดันไปมีเรื่องกับจิ๊กโก๋เสียนี่ ” แสนตวัดตามองอย่างเคือง             “ โธ่! กำนัน ไอ้พวกนั้นสมควรโดน ปากเสียแบบนั้นเอารองเท้าผ้าใบล้างปากเสียมั้งก็ดี ” พอพูดถึงพวกไอ้เป้ เมี้ยนก็ฮึดฮัดขึ้นมาทันที             “ เอ็งก็เป็นซะอย่างนี้ตามใจให้ท้ายกันอยู่เรื่อย ”             “ ก็มันจริงนะกำนัน มีอย่างที่ไหนมาว่าคุณหนูของเมี้ยนหาผัวไม่ได้ ”             “ จริงหรือ ? ! ใครวะที่กล้ามาว่าลูกข้า ” เมื่อได้ยินคำนั้นกำนันชักหน้าตึงขึ้นมาถึงแม้ในใจจะเห็นด้วยก็ตาม             “ ก็จะใครที่ไหน พวกไอ้เป้ลูกกำนันแอ๊ดไงหน็อย !..พูดออกมาได้ คนของเราใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เร่เสียเมื่อไร แค่นั้นมันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ”             “ ไอ้เป้เองหรอกหรือสมน้ำหน้ามันสงสัยพ่อมันคงไม่มีเวลาสั่งสอน ลูกถึงเกเรระรานคนอื่นเขาแบบนี่ ” แสนเออออเห็นด้วยพาลนึกเคืองไปถึงพ่อของเจ้าเป้             “ จะว่าไป คุณหนูนะธรรมดาเสียที่ไหน เรียนหนังสือก็เก่ง หน้าที่การงานก็ดี”เมี้ยนนึกฉุนคนปากเปราะที่กล้าว่าคุณหนูของตนไม่หาย             “ อืม..อันนี้มันก็ถูกของเอ็ง ” กำนันแสนพยักหน้าเห็นด้วย ความเป็นพ่อย่อมเห็นลูกตัวดีกว่าคนอื่น             “ ฐานะทางบ้านก็ใช่ย่อย เป็นถึงลูกกำนันดังระดับเศรษฐีติดอับดับของบ้านดงตาล ”             “ เออ..อันนี้ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่นังเมี้ยน ” กำนันแสนยึดอกผึ่งขึ้นมาทันที             “ เสียอยู่อย่างเดียว...เฮ้อ! ” มาถึงตอนนี้เมี้ยนเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจ กำนันแสนเหล่ตามองเมี้ยน อกที่ยืดไว้ผึ่งเมื่อครู่ถึงกลับเหี่ยวลงทันที แล้วทำปากขมุบขมิบก่อนจะเอ่ยออกมา             “ ยังขาดความเป็นกุลสตรี ”             “ แหม่!! กำนันรู้ได้ไงเนี่ย ฉลาดสมกับที่เคยเป็นกำนันดีเด่นจริงๆ ” เมี้ยนยกนิ้วขึ้นดีดดังเปราะ อย่างชอบใจ ไม่วายเอ่ยปากยอเจ้าของบ้าน แต่อีกฝ่ายเหลือบมองเมี้ยนพลางนึกในใจ             ‘ โธ่! นังเมี้ยน แกก็ใช่ย่อยที่ไหน ตอนสาวๆ ก็กระโดกกระเดกจนไม่มีใครเอา ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่บนคานจนแกป่านนี้หรอกแล้วไอ้นิสัยห่ามๆ ของเอ็งไม่ใช่หรือที่ติดมาถึงลูกข้า ’ คิดแล้วก็กลุ้มถึงกับต้องถอนหายใจออกมาได้แต่พูดทิ้งท้ายไว้แล้วเดินขึ้นรถไป             “ ข้าล่ะคิดผิดจริงๆ ..ที่ปล่อยให้เอ็งมาเลี้ยงลูกข้า..นังเมี้ยน! ”             “ เดี๋ยวสิ! กำนัน ...พูดแบบนี้...หมายความว่าไง เมี้ยนงงนะ เมี้ยนงง ?? ” เมี้ยนยืนเกาหัวตัวเอง ตะโกนไล่หลังกำนันที่เดินดุ่ยๆ ขึ้นรถของตัวเอง โดยไม่คิดสนใจจะตอบข้อกังขาของแม่นมเลยสักนิด               ณ.ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอในช่วงต้นเดือนของทุกๆ เดือน จะมีการประชุมของบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้านของอำเภอแห่งนี้ บรรยากาศเริ่มคึกคักเมื่อผู้นำของแต่ละตำบล และหมู่บ้านเริ่มทยอยกันเข้าห้องประชุม จนใกล้เวลาที่ประธานในการประชุมจะมาถึง กำนันบ้านดงตาลก็ก้าวเท้าเข้าห้องประชุมเป็นคนสุดท้ายก้นที่กำลังจะหย่อนลงบนเก้าอี้ชะงักเมื่อกำนันแอ๊ดแห่งทุ่งมะยมเอ่ยขึ้นดังๆ             “ เฮ้ย! พวกเราสงสัยวันนี้ฝนฟ้าจะตกกันใหญ่แล้วเพราะว่าท่านกำนันแสนเข้าประชุมทันกับเขาด้วย ” เสียงทักของแอ๊ดหรือกำนันแอ๊ดทำให้ทุกคนเงียบกริบ             “ อยู่ใต้ฟ้าใยถึงต้องกลัวฝนด้วยหรือ...กลัวว่าผมของเอ็งมันจะเสียทรง ” แสนหย่อนก้นลง พร้อมยื่นตัวขึ้นมองหน้าฝ่ายตรงข้าม คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้นเหมือนรอคำตอบ                 แอ๊ดถึงกับถอดหมวกสานออกกำแน่น มืออีกข้างยกมือขึ้นลูบหัวล้านของตนเอง โดยพลันเหลือบตามองไปรอบห้องอย่างแค้นเคืองเพราะได้ยินเสียงหัวเราะของคนในห้องประชุมถึงแม้เสียงจะไม่ดัง แต่มันก็ยังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินทำให้คนถูกล้อหน้าแดงกล่ำขึ้นมาทันที                 “ เอ็งกำลังล้อว่าข้าเป็นคนหัวล้านใช่ไหม ? ไอ้แสน ! ” แอ๊ดยกมือชี้หน้าอย่างเดือดดาล อีกฝ่ายหาได้สนใจไม่ กลับหันไปถามลิ่วล้อรุ่นลูกที่ยืนอยู่ด้านหลัง                 “ เฮ้ยไอ้จ่อยเอ็งได้ยินข้าว่าใครหัวล้านสักคำไหมวะ ? ”                 “ ก็ไม่รู้สินะ..ลุง ! ตั้งแต่ฉันมาถึงห้องประชุมก็ยังไม่เห็นลุงว่าใครหัวล้านกันสักคน จะมีก็แต่ลุงแอ๊ดนี่แหละ...เห็นแกพูดของแกคนเดียว”เจ้าขุนพลอยพยักลอยหน้าลอยตาตอบ                 “ งั้นหรือวะได้ยินไหมไอ้กำนันแอ๊ด ? ข้ายังไม่ได้ว่าเอ็งหัวล้านสักคำทำร้อนตัวไปได้ ”                 เมื่อถูกอีกฝ่ายยอกย้อนแอ๊ดก็แทบดิ้น มันช่างเข้ากันเหมือนปี่เหมือนขลุ่ยทั้งลูกน้องลูกพี่ ปากกำลังขยับจะสวนกลับไป แต่ปลัดอาวุโสที่ยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นรีบเป็นกรรมการห้ามทัพ เพราะเห็นว่านายอำเภอกำลังเดินเข้าห้องประชุม แอ๊ดจึงต้องสงบปากโดยพลัน ถึงแม้จะยังกรุ่นโกรธก็ตาม        
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม