“ ใครว่าว่าง.. แล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะไปเบียดกับเธอด้วย ฉันขยับเว้นที่ไว้ให้คนอื่นนั่งต่างหาก ” ธนาเถียง
แล้วก็จริงอย่างที่ธนาพูด เมื่อเห็นหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังเดินยอกแยกหิ้วตะกร้ามานั่งลงใกล้ๆ ธนาจึงหันไปพูดคุยด้วยอยู่พักใหญ่ บางครั้งทั้งเขาและหญิงชราคนนั้นก็หันมามองกุ้งนาง สายตาที่มองมาพร้อมกับเสียงหัวเราะมันทำให้กุ้งนางอดคิดไม่ได้ว่าตนเองอาจเป็นหัวข้อของการสนทนา
เมื่อได้เวลาที่พระสงฆ์กำลังทยอยลงศาลา เมี้ยนจึงเตือนให้หญิงสาวลุกขึ้นตักบาตรกุ้งนางหันมาคว้าขัินข้าวสวยลุกขึ้นเดินลิ่วโดยไม่เอ่ยปากชวนชายหนุ่มสักคำ ธนาเห็นดังนั้นก็ลุกตามทันที
ชายหนุ่มรีบกุลีกุจอช่วยเมี้ยนจัดวางอาหารคาวหวาน จนเมี้ยนเองก็นึกเอ็นดูในความมีน้ำใจชายหนุ่ม เมื่อถึงตอนที่จะตักข้าวใส่บาตร กุ้งนางคว้าทัพพีกำลังจะตักข้าวธนาก็หันมาคว้าทัพพีเช่นกัน
“จะทำอะไร ? ” หญิงสาวหันมาแหวใส่ตาเขียว ส่วนธนาก็ไม่กลัวนัยน์ตาขุ่นๆ นั้นกลับยิ้มใส่จนกุ้งนางถึงกับพร่าพรายกับเสน่ห์ของชายหนุ่ม
“ ถามได้ก็จะตักบาตรไม่เห็นหรือไง ” ธนาตอบ แต่มือไม่ยอมปล่อยทัพพี
“ แต่ฉันจะตักก่อน ส่วนนายไว้รอทีหลัง ” หญิงสาวพยายามจะแย่งทัพพี แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แถมยังจับส่วนปลายสุดของทัพพี โดยไม่สนใจท่าทีแข็งขืนของคนตัวเล็ก
“ ไม่เห็นหรือไง มีคนรอต่อคิวตักบาตรตั้งหลายคน ตักไปพร้อมกันนี่ล่ะจะได้ไม่เสียเวลา เรื่องแค่นี้ฉันไม่ถือสา ”
“ นายไม่ถือ..แต่ฉันถือ! ” กุ้งนางถลึงตาใส่ปลัดหนุ่มอย่างเคืองจัด เพราะธนาดันเล่นจับทัพพีเหนือกว่า ‘ ตาบ้าเอ๋ย! รู้ไหมว่าโบราณเขาถือทำแบบนี้ เธอมิต้องตกอยู่ใต้อาณัติเขาหรือเนี่ย ’
“ ก็เธออยากถือเอง..ช่วยไม่ได้ ทีตอนที่อยากจะช่วยกลับไม่ให้ช่วยจะเอาไงแน่ ” คนตัวโตแกล้งทำหน้ามึนพูดไปอีกอย่าง ทำไมจะไม่เข้าใจความคิดของหญิงสาว
เพราะตอนที่คุยกับคุณยายคนนั้นแล้วถูกกุ้งนางมองค้อนทำตาขุ่น ทำให้คุณยายเข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังถูกเมียงอนจึงได้บอกเคล็ดลับการปราบพยศเมีย โดยที่ธนาก็ไม่คิดจะแก้ต่างอะไร
“ พูดเรื่องบ้าอะไรของนาย ฉันหมายถึงทัพพี คุณมาจับทัพพีอันเดียวกับฉันทำไม ”
“ โธ่เอ่ย..ที่แท้ก็ไอ้เรื่องจับทัพพี ไอ้เราก็นึกว่าเรื่องถือขันก็บอกแล้วไงว่าไม่ถือ รีบๆ ตักเข้าเถอะน่า คนเขามองกันใหญ่แล้ว ”
ธนาทำหน้าซื่อ พร้อมกับออกแรงดันหลังบางเบาๆ ลากหญิงสาวให้ตักบาตรไปด้วยกัน ทั้งคู่เถียงกันดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เป็นที่สนใจ
ของคนในบริเวณนั้น โดยเฉพาะผู้แก่ผู้เฒ่าที่หลายคนคิดว่าหนุ่มสาวคู่นั้นคงเป็นสามีภรรยาที่กำลังเล่นบทพ่อแง่แม่งอน
“ แต่ฉันไม่อยากตักบาตรทัพพีเดียวกับนายอยากตักก็ตักไปคนเดียวเถอะ ” หญิงสาวทำท่าจะปล่อยทัพพีแต่ชายหนุ่มก็รู้ท่ารีบกุมมือบางพร้อมกับตักข้าวใส่บาตร แถมยังทำตาดุหันมาเอ็ดคนตัวเล็ก
“ ทำดีๆ สิ เห็นไหมข้าวหกหมดแล้ว.. มันบาปนะรู้ไหม ? ” คนตัวเล็กกว่าถึงกับคอแข็งที่ถูกดุคงจะบริภาษอย่างเผ็ดร้อนกลับไปแน่ ถ้าไม่ได้ยินประโยคเด็ดๆ ของคนแก่คู่หนึ่งที่กำลังมองมาด้วยความเอ็นดู
“ ผัวหนุ่มเมียสาวก็อย่างนี้แหละ พ่อหนุ่มนั้นคงจะไปทำอะไรที่มันขัดใจเมียล่ะสิท่า ถึงได้งอนจนไม่อยากตักบาตรด้วยแบบนั้น ” เสียงของหญิงชราคนหนึ่งที่ยืนรอตักบาตร
“ ก็เหมือนพวกเราตอนได้กันใหม่ๆ แกก็ชอบงอนใส่ฉันแบบนี้ ”
ชายชราที่ยืนด้วยกันเสริมขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของผู้อาวุโสทั้งคู่ ทำเอาคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาถึงกับเหวอ วางหน้าไม่ถูก โดยเฉพาะกุ้งนางที่หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ผิดกับธนาที่ยิ้มแววตาเป็นประกายเมื่อเห็นแก้มใสเป็นสีแดงระเรื่อ ถือว่าเป็นการเอาคืนหญิงสาวแบบนิ่มๆ แต่ยังไม่สาสม
ความขัดเขินทำให้กุ้งนางหูอื้อตาลายจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้สึกตัวอีกที่ก็ถูกธนาพาตักบาตรจนถึงบาตรใบสุดท้าย หญิงสาวจึงรีบกลับมานั่งที่เดิม ยิ่งเห็นสายตาล้อเลียนของเมี้ยนและอีกหลายๆ คน คอเล็กระหงก็ยิ่งเชิดขึ้น จนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างธนากลัวว่าเจ้าของคอจะเคล็ดตายเสียก่อน
เมื่อพิธีต่างๆ ผ่านไป ชาวบ้านต่างได้รับศีล รับพรจากพระสงฆ์เรียบร้อยแล้ว กุ้งนางก็รีบลงจากศาลาโดยไม่ยอมรอเมี้ยนเพราะนึกเคืองที่ถูกล้อเรื่องธนา เมื่อลงจากศาลาก็เห็นจ่อยที่กำลังช่วยน้ำหวานหอบหิ้วปิ่นโต
“ จ่อย! ไอ้ตัวดีนึกว่าหายไปไหนที่แท้ก็...เห็นพ่อไหม ? ” ทีแรกตั้งใจจะเล่นงานเจ้าจ่อยที่ทิ้งตนไว้กับปลัด แต่เมื่อเห็นว่าธนากำลังเดินตรงมา กุ้งนางก็เปลี่ยนใจถามหาบิดา เพื่อจะได้ชวนกันกลับเพราะเบื่อขี้หน้าของใครบางคน