บท 8 อาจารย์ภูมิ

1919 คำ
บท 8 อาจารย์ภูมิ เมื่อถึงคอนโดฉลามก็จอดอยู่ใต้อาคารจอดรถ โดยเขานั่งมองกำแก้วผ่านกระจกหลัง ใบหน้าสวยของบางคนหน้านิ่วคิ้วขมวด สมน้ำหน้า! ปล่อยให้เด็กนรกนี่หอบกระเป๋าเดินขึ้นคอนโดไปเองเสียเลย เรื่องอะไรเขาจะต้องไปส่งยัยเด็กตาบอดที่ชื่นชอบเพื่อนของเขาด้วย กำแก้วสีหน้าคิดไม่ตก ไอ้พี่ฉลามคนหยาบ! ช่างไม่มีน้ำใจจริง ๆ เธออุตส่าห์ไปช่วยเก็บมันสำปะหลัง จะช่วยเธอยกของขึ้นคอนโดหน่อยก็ไม่ได้ ลำพังถ้ามีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอ มันก็ไม่ได้ลำบากอะไร แต่อีถุงปุ๋ยข้าวหอมมะลิที่พ่อเอามาให้นี่สิ หนักมากนะ! พ่อของเธอไปได้ข้าวหอมมะลิมาจากต่างจังหวัดเมื่อครั้งไปดูงาน ด้วยความที่กลัวลูกสาวจะอด เลยนำข้าวไปสีมาให้ตั้งเกือบครึ่งถุงปุ๋ย “เฮ้ออออ!” “อ้าวกำแก้ว หอบอะไรอยู่ให้พี่ช่วยไหม?” ขณะที่กำแก้วกำลังพยายามยกถุงข้าวออกจากท้ายรถ เสียงทุ้มของ อาจารย์ภูมิ จากด้านหลังก็ดังขึ้นพอดี “อาจารย์ภูมิ!” ดวงตากลมใสเบิกกว้างด้วยความตกใจ ใครจะคิดว่าอาจารย์สุดหล่อจะมาเห็นเธอในสภาพกำลังยกถุงข้าวสาร ขายหน้าจริง ๆ “ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบาง ๆ ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นอบอุ่นดั่งแสงแดดในยามเช้า กำแก้วกะพริบตาปริบ ๆ ตั้งสติแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะอาจารย์” “อาจารย์อะไรกัน ที่นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเสียหน่อย เรียกพี่ภูมิเถอะครับ” “พี่อะไร เป็นนักศึกษา ไม่รู้จักทำความเคารพอาจารย์เขาเรียกว่าศิษย์ได้เหรอ?” ใบหน้าบึ้งตึงของฉลามที่ไม่รู้ว่าลงจากรถมาตั้งแต่เมื่อไหร่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ร่างสูงโปร่งยืดกอดอกสีหน้ามืดดำจับจ้องคนตัวเล็กที่กำลังเขินอายเพื่อนของเขาจนหน้าแดง ไอ้ภูมิมันมีอะไรให้เขินวะ! “งั้นมึงไม่เรียกกูว่าอาจารย์ล่ะเพื่อน” ภูมิกระตุกยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย คำว่า ‘หวง’ แปะกลางหน้าผากขนาดนี้มันยังทำขรึมทำซึนอยู่นั่นแหละ ต้องรอให้น้องเขาลูกสามก่อนไหมถึงจะรู้ใจตัวเอง “อาจารย์ภูมิ...” ฉลามเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะส่งสายตาเยือกเย็นไปมองคนตัวเล็กตรงหน้า “เธอก็เรียกอาจารย์ด้วย ห้ามเรียกพี่ภูมิเด็ดขาด เดี๋ยวเขาจะหาว่าผู้ใหญ่ปาล์มไม่อบรมสั่งสอน” “เอ้า!” (อ้าว) แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพ่อของเธอ แค่เรียก ‘พี่ภูมิ’ ก็ผิดเหรอ? “อย่าไปสนใจไอ้หลามมันเลยครับ ปะ! เดี๋ยวพี่ช่วยยกไปส่งที่ห้อง” ภูมิคร้านจะสนใจฉลามจึงเลือกจะเปลี่ยนเรื่อง ขณะกำลังจะช่วยยกถุงข้าวให้กำแก้ว เขาก็โดนฉลามเบียดจนกระเด็นไปด้านข้าง “มึงไปเตรียมการสอนนู่นไป เดี๋ยวกูยกเอง” ฉลามยกถุงข้าวครึ่งถุงปุ๋ยขึ้นบนบ่าด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ของกำแก้วแล้วยื่นให้เธอถือเองจากนั้นก็ปิดท้ายรถ “เอ่อ...” กำแก้วถึงกับงงว่าฉลามกำลังทำอะไร ทำไมจู่ ๆ ก็ออกมาช่วย ขัดจังหวะจริง ๆ “ขึ้นห้องแมะ ถ่าหยัง?” (ขึ้นห้องสิรออะไร!) เสียงทุ้มต่ำเอ็ดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ สายตาคมกริบตวัดมองคนตัวเล็กราวกับจะฆ่าจะแกง “มาพี่ถือให้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ภูมิเห็นมนุษย์ปากแข็งทำสีหน้าบอกบุญไม่รับก็ยิ่งอยากแกล้ง เขาอาสาถือกระเป๋าเป้ให้กำแก้วแล้วนำเดินออกไป “ขอบคุณค่ะ” กำแก้วขอบคุณไล่หลัง เรื่องอะไรเธอจะปฏิเสธการช่วยเหลือจากอาจารย์ภูมิล่ะ ดวงตากลมโตเป็นประกายสบตากับฉลามก่อนจะยักคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความขี้เล่น ริมฝีปากได้รูปขยับพูดแบบไม่ออกเสียงกับฉลามว่า... ‘สามี สามี สามี’ กล่าวจบก็รีบวิ่งตามอาจารย์ภูมิไปแล้วเดินเคียงข้างกัน “นรก!” ฉลามที่แบกถุงข้างสารหนักอึ้งมองตามแผ่นหลังทั้งคู่ก็ขบฟันกรอด มือหนากำหมัดแน่น ให้เขาแบกถุงข้าวสาร แล้วตัวเองไปเดินตามตูดผู้ชายต้อย ๆ ยัยเด็กนี่มันเกินไปแล้ว! พอเห็นทั้งคู่เดินข้างกัน ความสูงต่างระดับแบบพอเหมาะพอดี ไม่รู้ทำไมใจทั้งใจของฉลามมันเบาหวิว ว่างเปล่า เหมือนกำลังสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปอย่างบอกไม่ถูก คนหนึ่งหล่อสะอาด มีภูมิฐาน คนหนึ่งสวยน่ารัก ตัวเล็ก ๆ น่าทะนุถนอม ช่างเหมาะสมราวกับเกิดมาคู่กันอย่างไรอย่างนั้น “สัด! ยืนข้างกูกะเหมาะสมคือกันล่ะ แต่เป็นหยังกูต้องยืนข้างเด็กนรกนั่นนำ!” (สัด! ยืนข้างกูก็เหมาะสมเหมือนกันนั่นแหละ แต่ทำไมกูจะต้องยืนข้างเด็กนรกนั่นด้วย!) ฉลามสะบัดหัวไล่ความคิดออกไปแล้วเดินตามทั้งคู่ไปติด ๆ จังหวะขึ้นลิฟต์ร่างสูงโปร่งพร้อมกับถุงข้าวสาวบนบ่าแทรกตัวระหว่างกลางของกำแก้วและอาจารย์ภูมิให้ทั้งคู่แยกจากกันทันที “อีหยังของอ้ายเนี้ย หม่องยืนเยอะแยะ” (อะไรของพี่เนี้ย ที่ยืนเยอะแยะ) กำแก้วโดนเบียดจนต้องไปชิดมุมด้านข้างบ่นอุบอิบ “มันหนัก! มาแบกเบิ่งบ่?” (มันหนัก! มาแบกดูไหม?) ใบหน้าคมเข้มไม่สบอารมณ์ราวกับไปกินรังแตนมาจากไหน กำแก้วก็ได้แต่เงียบ ยังไงพี่คนนี้ก็ช่วยเธอแบกถุงหนัก ๆ นี่ เธอจึงต้องระงับฝีปากไม่ก่อสงครามยามนี้ “...” อาจารย์ภูมิเห็นสีหน้าของเพื่อนก็แอบยิ้ม ในใจก็ระอาเต็มทน แต่เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตลกชะมัด เห็นทีต้องกระตุ้นมันหน่อย... เมื่อลิฟต์ถึงชั้นของกำแก้วฉลามก็ส่งสายตาให้ภูมิออกไปก่อนจากนั้นเขาก็เดินตาม โดยมีกำแก้วออกมาคนสุดท้าย มือใหญ่คว้าเอากระเป๋าเป้ในมือของภูมิมาไว้กับตัวเอง “กูไปส่งกำแก้วเอง มึงกลับได้แล้ว” สายตาเย็นชาไล่เพื่อนทางอ้อมทันที กำแก้วเห็นฉลามทำแบบนั้นก็ยื่นมือไปหยิกเอวเขาแรง ๆ หนึ่งครั้ง ฉลามกัดฟันอดทนแล้วตวัดสายตาไปถลึงใส่คนตัวเล็กข้างกาย ‘อ้ายสิไล่อาจารย์เฮ็ดหยัง อ้ายนั่นล่ะกลับได้แล้ว กำแก้วสิขึ้นครู อิอิ’ (พี่จะไล่อาจารย์กลับทำไม พี่นั่นแหละกลับได้แล้ว กำแก้วจะได้ขึ้นครู อิอิ) ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มแฉ่ง ไม่นานก็ต้องหุบยิ้มเมื่อฉลามยื่นนิ้วมาดีดกลางหน้าผากดังโป๊ก “โอ๊ยยยย!” “ฟ้าวเข้าห้องไปเลย บ่ซั่นสิฟ้องผู้ใหญ่ปาล์ม!” (รีบเข้าห้องไปเลย ไม่งั้นจะฟ้องผู้ใหญ่ปาล์ม!) “จิ๊” กำแก้วจิปาก มุ่ยหน้างอน ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าด้วยความรวดเร็วแล้วยกมือไหว้ขอบคุณอาจารย์ภูมิที่มาส่ง “ขอบคุณอาจารย์นะคะที่มาส่ง ตอนเย็นมากินข้าวห้องกำแก้วได้นะคะ เดี๋ยวกำแก้วทำอาหารเย็นเลี้ยงเป็นการขอบคุณ” พูดจบก็โบกมือลาด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ก่อนจะเดินเข้าห้องไป กำแก้วจำได้ว่าอาจารย์ภูมิอยู่ถัดจากห้องของเธอเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น นี่แหละโอกาสดี! จะหาลูกเขยให้พ่อทั้งทีต้องมีภูมิฐานหน่อย สวยระดับตัวท็อปมหา’ลัย จะเอาขี้ไก่ขี้กาได้ไง “กำแก้ว...” ฉลามกดเสียงต่ำ จะไปก็ไม่ไปดี ๆ ยังมาเชื้อเชิญผู้ชายเข้าห้องอีก ผู้ใหญ่ปาล์มสั่งสอนยัยเด็กนรกนี่ยังไงวะ! “หวงเป็นหมาหวงเจ้าของเลยนะมึง” หึงหน้าดำเป็นก้นหม้อ เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าฉลามจะทำยังไงต่อไปถ้าหากรู้ว่าเขาย้ายมาอยู่ชั้นนี้ “อะไรนะ?” ฉลามพึ่งได้สติหันไปสบตาเพื่อถามเพื่อนอีกรอบ “เปล่า” ภูมิส่ายหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางเดียวกับกำแก้ว นั่นทำให้ฉลามไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม เสียงทุ้มดุดันเอ่ยปากทันที “มึงจะไปไหน?” “ก็กลับห้องกูไง” ภูมิเดินล้วงกระเป๋ากางเกงผิวปากอย่างครึ้มใจ “ห้องมึง? ห้องมึงอยู่ชั้นสามไม่ใช่เหรอ?” นี่ชั้นเก้า ไอ้เวรนี่มันหลงทางรึไงกัน? “กูย้ายมานี่แล้ว ห่างจากห้องกำแก้วแค่ห้าห้องเอง” “...” ดั่งฟ้าผ่าลงมากลางหน้าผาก ฉลามยืนแบกถุงข้าวสารอยู่อย่างนั้น ใบหน้าคมเข้มหรี่ตาลง เขาพยายามหายใจเข้าออกอยู่นาน จากนั้นก็เดินกระแทกเท้าตามภูมิไปโดยไม่ลืมที่จะส่งสายตาพิฆาตใส่เพื่อนสนิท “มึงย้ายขึ้นมาชั้นนี้ทำไม?” “ชั้นนั้นท่อตันบ่อยกูเลยขายทิ้งแล้วเช่าเอา” “...” “มึงมีปัญหาอะไรกับที่อยู่กูเหรอ?” “เหอะ!” ฉลามหัวเราะในลำคอ สีหน้าฉาบเคลือบด้วยความไม่พอใจชัดเจน หากแต่ยังคงทำขรึมเดินลอยหน้าลอยตาไปห้องของกำแก้ว จังหวะจะปิดประตูก็ไม่วายโผล่หน้าไปมองเพื่อนตาขวาง “หึ” ภูมิส่ายหน้าระอา กำแก้ววางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่ห้องนอน หลังจากมาห้องรับแขกเจอเข้ากับฉลามที่กำลังแบกกระสอบข้าวไปวางที่ครัวให้พอดี แผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อยืดสีดำดูแข็งแกร่งและดุดันอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศในห้องเหมือนจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ร่างสูงโปร่งเดินกลับมาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาราวกับห้องตัวเอง ห้องของกำแก้วเขามาบ่อยเสียยิ่งกว่าห้องไอ้ฮักอีก กลิ่นห้องที่คุ้นเคยกลิ่นเดียวกันกับกลิ่นกายของกำแก้วไม่มีผิด ดวงตาคมเข้มปิดเปลือกตาลงพยายามเรียกสติตัวเองให้คืนมาดังเดิม ฉลามสูดหายใจลึก ๆ เข้าปอด กลิ่นหอมสดชื่นลอยเข้ามาปะทะปลายจมูกพลอยให้เขารู้สึกดีขึ้นไม่น้อย “อ้ายสิกลับตอนได๋?” (พี่จะกลับตอนไหน?) “ส่งเสร็จกะสิไล่เลยติ” (ส่งเสร็จก็จะไล่เลยเหรอ?) “บ่แม่นติ๊ล่ะ” (ไม่ใช่เสียหน่อย) กำแก้วยู่ปาก เธอแค่ถามเฉย ๆ ทำไมต้องทำเสียงตำหนิเธอด้วย ฉลามเห็นกำแก้วมุ่ยหน้าเหมือนเด็กน้อยก็แอบหัวเราะในลำคอ “มานั่งใกล้ ๆ” “หืม?” “มานั่นนี่” ฉลามถอนหายใจจากนั้นก็ตบลงเบาะโซฟาข้างตัวเอง กำแก้วขมวดคิ้วเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ไอ้พี่คนนี้จะมาไม้ไหน? “เร็ว ๆ” “จิ” กำแก้วจิปาก สุดท้ายก็ไม่อาจทนต่ออานุภาพเสียงทุ้มต่ำของคนตัวโตได้ เธอทิ้งตัวนั่งลงข้างฉลาม “อ้ายเคยสอนให้กำแก้วหัดขับมอเตอร์ไซค์กับรถยนต์แม่นบ่?” (พี่เคยสอนให้กำแก้วหัดขับมอเตอร์ไซค์กับรถยนต์ใช่ไหม?) “อืม” กำแก้วพยักหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยหงึก ๆ เธอขับรถได้ก็เพราะไอ้พี่หน้าโหดคนนี้แหละ แต่...พี่เขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม? “เพราะงั้นอ้ายกะเป็นครูคือกัน อยากขึ้นครูกะมาแมะ บักภูมิบ่เคยสอนหยังกำแก้วจักหน่อย” (เพราฉะนั้นพี่ก็เป็นครูกำแก้วเหมือนกัน อยากขึ้นครูก็มาสิ ไอ้ภูมิไม่เคยสอนหนังสือกำแก้วเสียหน่อย) “...” สิ้นเสียงนั้นกำแก้วถึงกับเบิกตากว้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม