"เด็กคนนี้เป็นใคร?" ระหว่างที่กำลังทำความสะอาดอยู่ชั้นล่าง เสียงทุ้มของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองจากที่กำลังขัดพื้นอยู่ดี ๆ เธอเอ่ยถามกับแม่บ้านที่ยืนขนาบข้าง ก่อนที่จะใช้หางตามามองฉันด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
การแต่งตัวเหมือนหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ แต่ดูจากท่าทางคงจะไม่ค่อยปลื้มฉันสักเท่าไหร่
"คุณสงครามเป็นคนสั่งมาค่ะ" แม่บ้านข้างหลังเอ่ยตอบ
"เด็กประเภทนี้อีกแล้วเหรอ?" ใบหน้าอันเย่อหยิ่งมองฉันอย่างรังเกียจเดียดชัง วันนี้ฉันต้องสู้รบกับหลายปัญหาที่ไม่จบไม่สิ้นสินะ ทั้งร่างกายที่กำลังต่อต้านอยู่ตลอดเวลา ไอเจ้าหนี้ที่กำลังตามแก้แค้นกับสิ่งที่ฉันทำไว้กับเขา แล้วต้องมาเจอหัวหน้าแม่บ้านที่กำลังดูถูกฉันอีกงั้นเหรอ…
"ประเภทฉันคือประเภทไหนเหรอคะ?" ฉันพูดตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำเป็นปกติ แต่ด้วยใบหน้าที่กำลังเหนื่อยล้าตอนนี้กำลังทำให้เหมือนว่าฉันกำลังไม่พอใจ
ทั้งที่ไม่ใช่…ฉันปวดหัวและเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
"อย่าให้ฉันพูดเถอะ เดี๋ยวจะเจ็บใจเอาเปล่า ๆ หึ" ทั้งสามที่ยืนด้วยกันต่างป้องปากหัวเราะชอบใจ ขณะที่ฉันก็ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียง เพราะลำพังจะให้ยืนตัวตรงในตอนนี้ฉันก็แทบจะล้มตึงเสียให้ได้แล้ว
"ค่ะ" ว่าจบฉันก็หันกลับมาถูพื้นต่อ จะพูดอะไรก็พูด ทำอะไรก็ทำ วันนี้ฉันขอลาออกจากการเป็นแก้วตาที่ไม่ยอมคนหนึ่งวัน
ยอมรับว่าหมดแรงจริง ๆ
"งั้นก็เชิญทำให้สะอาดแล้วกัน อย่าให้มีอะไรตกแตก ไม่งั้นเธอโดนดีแน่" ฉันไม่แม้แต่จะหันมองคนที่กำลังยืนสั่งอยู่ข้างหลัง แต่ใช้หูฟังเอาไว้ จนได้ยินเสียงฝีเท้าหนักที่เดินออกไปปล่อยให้ฉันยืนทำความสะอาดคนเดียว
แล้วไอบ้านหลังนี้ก็ใหญ่เหลือเกิน ฉันใช้เวลาไปครึ่งวันยังไม่ได้ถึงครึ่งของชั้นแรก นี่ก็เลยเวลาของเที่ยงวันไปแล้ว ถ้าฉันทำไม่เสร็จวันนี้ไปทำงานที่ผับไม่ทันแน่
คิดได้อย่างนั้นฉันก็รีบเร่งลงมือให้เร็วกว่าเดิม ด้วยร่างกายที่ไม่อำนวย แต่ฉันก็พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อไม่ให้นายนั้นมาต่อว่าฉันว่าสำออยได้
"เหนื่อยชิบ…" เกลียดร่างกายตัวเองในตอนนี้เหลือเกิน ทำไมต้องมาต่อต้านในวันที่ฉันต้องใช้แรงควายขนาดนี้นะ ทั้งที่วันปกติงานแค่นี้ไม่คณามือฉันเลยสักนิด แต่วันนี้ขอยกธงขาวไว้ก่อน นั่งพักสักแป๊บค่อยทำต่อคงไม่น่ามีอะไร
พูดเองเออเองก็เป็น ไม่ต้องมีใครอนุญาต แถวนี้ไม่มีใครที่สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ จะนั่งพักแค่นี้ฉันตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
"ใครสั่งให้เธอพัก" ฉันเหลือบไปมองทางต้นเสียงแล้วถอนหายใจเบา ๆ อย่างที่คิดไว้นั้นแหละเขาคือนายบ้านั้น ฉันที่นั่งพักได้ไม่ถึงนาทีก็ถูกอีกคนมองมาด้วยความตำหนิ ราวกับกำลังยืนจ้องจับผิดพอฉันทำอะไรผิดไปก็รีบเข้ามาต่อว่าทันที
"คนมันเหนื่อยก็ต้องพัก" ฉันไม่ได้สนใจที่จะรีบลุกขึ้นยืน หมดแรงแล้ว ข้าวก็ไม่ได้กิน ป่วยก็ป่วย ไอบ้านี่ยังกดขี่ขมเหงอีก ใจร้ายชะมัด
"แค่นี้เหนื่อย?"
"แล้วใครให้นายสร้างบ้านเท่าวังล่ะ มาลองทำเองดูไหมล่ะ" ก็ว่าจะไม่เถียงอยู่แล้วเชียว แต่ปากมันอดไม่ได้ คันยุบยิบเถียงเขาทุกประโยคแต่ประโยคหลังต่อท้ายฉันพูดเบา เพราะอยากแขวะเขาแต่ไม่ได้อยากให้เขาฟังออก
"จะบอกว่าแค่นี้ทำไม่ไหว? พอได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ก็กลายเป็นคนอ่อนแองั้นเหรอ…เธอนี่ยังใช้มุกเดิมเรียกร้องความสนใจจากฉันเหมือนเดิมเลยนะ" ไอบ้านี่กำลังหลงตัวเองเป็นรอบที่สอง เขาไปกินยาความมั่นมาจากที่ไหนถึงได้คิดว่าฉันอยากจะได้เขาจนตัวสั่น ความคิดยังคงสกปรกอยู่เหมือนเดิม ทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรให้ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังยัดเยียดว่าฉันอยากได้เขาอยู่นั้นแหละ
"เลิกพล่ามสักทีเถอะ ฉันไม่เคยอยากได้นาย" ฉันมองเขาด้วยใบหน้าที่สะอิดสะเอียน ขอประกาศศักดาไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่เคยอยากได้เขา และไม่คิดที่จะรักเขาเลยแม้แต่น้อย มันจะไม่มีวันนั้น
"ปากดี!" ใบหน้าคมจ้องมองฉันด้วยความโกรธจัด แต่คนแบบนี้มันก็ต้องตอกกลับด้วยวิธีนี้แหละ ถึงจะได้เลิกความมั่นลงได้บ้าง
"ใช่ฉันมันปากดี และปากฉันมันดีกว่าที่นายคาดคิดไว้อีกด้วย" ไม่เคยปฏิเสธเรื่องนี้หรอก บอกเลยว่าฉายายัยแก้วตาปากไวไม่ได้มาง่าย ๆ ต้องใช้สกิลการต่อปากต่อคำมานักต่อนัก ถึงจะได้คว้าฉายานี้มาครอบครองได้เพียงคนเดียว
"เหรอ…ปากดีมากงั้นเหรอ?" ใบหน้าคมดันกระพุ้งแก้มแล้วมองมาที่ฉัน เท้าเรียวค่อย ๆ ก้าวหนัก ๆ เข้ามา โดยที่ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
"จ จะทำอะไร!?"
"ฉันอยากลองพิสูจน์หน่อย นอกจากปากดีแล้วเสียงยังจะดีอยู่ไหม…"
"ถะ ถอยออกไป" ฉันค่อย ๆ เดินถอยหลังเมื่ออีกคนพยายามเดินเข้ามาเรื่อย ๆ หน้าตานายนี่เริ่มโรคจิตมากขึ้นเมื่อเอามารวมกับคำพูดที่กำลังหมายความว่าจะพาฉันขึ้นบนเตียงนอน
"อย่าพยายามลดความปากดีของเธอ เพราะฉันกำลังจะพิสูจน์ ถ้าเธอไม่ดีจริง…ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้"
อึก…
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างลำบาก เรียวขาก็ก้าวถอยหลังเรื่อย ๆ ขณะที่ดวงตาก็จดจ้องใบหน้าเขายังไม่ผละออก
'เอายังไงดี…'
คำถามนี้กำลังวิ่งวนอยู่ในหัวของฉันไม่หยุด ทำไมสมองต้องมามึนตื้อตอนนี้ด้วย คิดอะไรไม่ออกเลยนอกจากวิธีเดียวคือฉันต้องวิ่งหนีเขาให้เร็วที่สุด
'หมับ'
"ไอบ้า!…" ทว่าตาบ้านี่กลับอ่านความคิดของฉันออก เขาคว้าแขนบางแน่นเต็มแรง ก่อนที่จะกระชากร่างที่กำลังขัดขืนของฉันให้ถลาเข้ามาชนกับแผงอกของเขาแล้วใช้จังหวะที่ฉันเสียหลักอุ้มพาดบ่าทันที
"หึ ปากดีให้ถึงที่สุดนะแก้วตา" หัวฉันถูกห้อยลงมาโดยที่มือบางก็พยายามทุบหลังเขาระรัว แต่คนหนังหนาอย่างเขากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด อุ้มกระเตงฉันในท่าที่ทุเรศแบบนั้นเดินขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้านอย่างรวดเร็ว
"ไอสงคราม…ไอมาเฟียป่าเถื่อน ปล่อยนะเว้ย!" ฉันทั้งพยายามดิ้นและก่นด่าตลอดทาง จะดิ้นให้ร่วงหล่นไปบนพื้นในตอนนี้ฉันก็เอา ใจจริงก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเสียตัวให้เขาไม่ช้าก็เร็ว แต่วันนี้มันเร็วไปไง! ฉันเพิ่งมาชดใช้หนี้วันแรกนะ แถมยังไม่สบายอีก ไอบ้านี่จะไม่ปราณีฉันเลยหรือไง!?