"ลงไป นายฉันรอเธออยู่ในห้องแล้ว" ฉันก้าวลงจากรถหรูที่รับฉันมาจากตลาด แล้วเหลือบมองบ้านที่คล้ายกับคฤหาสน์ บนโลกนี้ช่างมีความแตกต่างมากมายเหลือเกิน ขณะที่บ้านฉันจะพังลงไม่รู้วันไหนทว่าที่นี่กลับมั่นคงและสวยงามหรูหรา คนจน ๆ อย่างฉันมีบุญแค่ไหนแล้วที่ได้เหยียบที่แบบนี้ ถ้ามันทำให้ฉันคิดแล้วสบายใจขึ้น นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถฮีลใจฉันได้ในตอนนี้
"เข้าไปสิ จะยืนอีกทำไม"
"ก็นำไปสิ ฉันจะไปรู้ทางเข้าบ้านของนายหรือไง" ยังคงคอนเซ็ปท์ความปากดีอยู่เหมือนเดิม ถึงตอนนี้กายไม่พร้อม ใจก็ยิ่งไม่พร้อมแต่สิ่งเดียวที่ยังคงสู้ไม่ถอยคือฝีปาก ฉันต้องทำให้นายของพวกมันต้องเสียใจที่ยอมแลกตัวฉันกับเงินหนึ่งล้านที่มันต้องเสียไปให้แม่ลูกคู่นั้น
ก็อก ๆ
"เข้ามา" เสียงทุ้มจากด้านในดังขึ้นออกมาถึงข้างนอก หนึ่งในชายชุดดำเปิดออกทันทีที่ได้รับอนุญาต ก่อนที่จะดันตัวฉันให้เดินตามเข้าไปด้วย
"สวัสดีครับนาย" ฉันที่กำลังสังเกตรอบ ๆ ห้องจึงเลือกที่จะไม่สนใจอีกสองคนที่กำลังเคารพกัน นายของพวกมันไม่ใช่นายฉันนี่ แค่ใบหน้ายังไม่อยากมองเลย มันนั่งเก้าอี้หันหลังให้อย่างวางมาด ดูแค่นั้นฉันรู้แล้วว่าคงหนีไม่พ้นไอเสี่ยแก่ ๆ ตัณหากลับที่อยากได้ผู้หญิงรุ่นลูกอย่างฉันมาเป็นเด็กเลี้ยงแน่นอน
พวกมาเฟียแก่บ้ากาม
"เคารพเจ้านายเดี๋ยวนี้" คนข้าง ๆ เอ่ยกับฉัน ขณะที่ฉันกรอกตาใส่แล้วยอมหันมามองทั้งสองแต่โดยดี
"นาย!" จนเก้าอี้ค่อย ๆ หมุนกลับมา นั้นจึงทำให้ฉันอึ้งเบิกตากว้างเพราะเสี่ยที่เป็นเจ้านายของพวกมันคือ…ไอพี่สงครามเพื่อนสนิทของพี่เบียร์ที่ฉันตบหน้าไปวันนั้น
"หึ ได้เจอกันจนได้นะ" มุมปากหนายกยิ้มเหมือนที่ชอบทำ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้หน้าตาเขายังดูโรคจิตเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
"แกคือไอเสี่ยที่เปิดพนันบอลเหรอ!?"
"เป็นคนเดียวกันกับที่ซื้อเธอมาจากแม่และน้องชายของเธอ" บนโลกนี้มีความบังเอิญถึงขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมชีวิตฉันต้องโคจรมาเจอไอบ้านี่อีกแล้ว ทั้งที่คิดว่าจะรอดพ้นจากมันได้เพราะผ่านไปเกือบหลายอาทิตย์ แต่สุดท้ายฉันก็ต้องวนกลับมาเผชิญชะตากรรมกับนายนี่อยู่ดี
"…" ฉันกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ จากที่ปวดหัวมึนตึบอยู่แล้วก็ยิ่งปวดเข้าไปใหญ่เมื่อฟันกำลังสบกันอย่างแรง
"โกรธเหรอ…หึ" เขาหันไปพยักหน้ากับลูกน้องที่ยืนข้าง ๆ จนชายชุดดำก้มหัวลงแล้วรีบเดินออกไปทันที ภายในห้องจึงเหลือแค่ฉันกับเขา ที่กำลังจดจ้องเผชิญหน้ากันโดยที่ฉันกำลังรู้สึกโกรธจัด
"ไม่เท่ากับที่ฉันโกรธเธอวันนั้นหรอก" ร่างสูงเริ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวสีดำที่นั่งอยู่ ก่อนที่จะเดินมาหาฉันช้า ๆ แล้วใช้มือสกปรกลูบไล้ทั่วกรอบหน้าโดยที่ฉันไม่คิดจะถอยหนีให้มันรู้สึกว่าฉันกำลังกลัว
"ไอโรคจิต…" ฉันพูดอย่างเต็มเสียงแล้วมองที่มันนิ่ง จนมันกระตุกยิ้มมุมปากไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดของฉันแล้ว 'หมับ' บีบคางฉันอย่างเต็มแรง
"ขอบใจที่ชม" ตาลุงนี่เหมือนคนโรคจิตจริง ๆ เขาผุดยิ้มแต่ยังบีบปากฉันเรื่อย ๆ ขณะที่ฉันเริ่มเห็นใบหน้ามันพร่าเบลอมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่คิดจะถอยหนีพยายามตั้งสติแม้ร่างกายกำลังเหนื่อยล้าเต็มทน
"นี่น่ะเหรอหนึ่งล้านบาทที่ฉันเสียไป…"
ติ๊ดดดดดด…
สิ้นเสียงหนาที่เอ่ยจบก็เหมือนมีเสียงคลื่นยาวแทรกเข้ามาในหัวของฉัน ร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่เช้าล้มลงไปต่อหน้าต่อตาของเขา แม้จะพยายามฉุดรั้งตัวเองมากแค่ไหนแต่สุดท้ายฉันก็ทนต่อพิษของบาดแผลที่ทับถมไม่ไหวแล้ว ทรุดตัวลงตรงหน้าเขาแล้วหลับตาลงอย่างคนหมดแรง
"พ่อมารับหนูไปด้วยแล้วใช่ไหมคะ…"
.
.
"แค่ขาดการพักผ่อนและหักโหมอย่างหนัก นอนพักเอาแรงนิดหน่อยก็หายเป็นปกติแล้วครับ" ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับได้ยินเสียงที่กำลังพูดอยู่ลาง ๆ ก่อนที่จะปรับโฟกัสของสายตาได้ก็เห็นแผ่นหลังของผู้ชายสวมชุดกาวน์สีขาวกำลังเดินออกไป โดยที่มีคนอีกคนที่ฉันไม่อยากเห็นหน้ากำลังยืนกอดอกมองฉันที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา
ทำไมฉันถึงยังไม่ตายกันนะ นึกว่าพ่อจะพาฉันไปอยู่ด้วยซะอีก แต่ทำไมพ่อถึงใจร้ายจัง บนสวรรค์ไม่มีพื้นที่ว่างให้ฉันเหรอถึงต้องปล่อยให้ฉันเผชิญกับนรกบนดินอยู่แบบนี้
"สำออย" เสียงหนาดังขึ้นทำให้ฉันหันกลับมาโฟกัสที่เขาอีกครั้ง แต่เชื่อไหมตอนนี้คนที่เคยปากดีอย่างฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ไม่ใช่เพราะกลัวหัวหดหรืออะไร แต่เพราะร่างกายฉันมันตืเอไปหมด มึน ๆ และอึนอยู่ตลอดเวลา สงสัยคงจะเป็นอาการของคนใกล้ตาย
"คราวนี้ไม่ปากดีเหมือนทุกครั้งแล้วหรือไง"
"…" ฉันเงียบ มองเขานิ่ง ๆ และกระพริบตาปริบ ๆ ไม่อยากตอบโต้
"คิดจะมาอยู่บ้านฉันแล้วนอนสบายงั้นเหรอ ทำตัวไม่คุ้มกับราคาหนึ่งล้านบาทเลย" ฉันปล่อยให้เขาพูดไปตามที่อยากพูด ส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นจากเตียงนอนกว้างของห้องนอนหรูบ้านของเขาช้า ๆ เพราะอาการปวดหัวที่เริ่มกลับมาอีกครั้งแต่ฉันก็เลือกที่จะลุกมายืนตรงหน้าเขาจนได้
"จะให้ทำอะไร?" ฉันถามเสียงนิ่ง
"ทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง นั้นคือหน้าที่หลักของเธอวันนี้"
"อืม" ฉันตกปากรับคำก็เดินเลี่ยงออกไปจากห้อง หน้าที่แค่นี้ไม่เกินความสามารถของฉันหรอก
"เอาอุปกรณ์ทำความสะอาดให้เธอด้วย ห้ามให้ฉันเห็นว่ามีใครช่วยเธอเด็ดขาด อวดดีแบบนี้ปล่อยให้ทำเองคนเดียว"
"ค่ะคุณสงคราม" นายมาเฟียเจ้าของบ้านเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง ลูกหนี้อย่างฉันจะทำอะไรได้นอกจากยื่นมือรับอุปกรณ์ทำความสะอาดจากแม่บ้านอีกคนที่กำลังยื่นให้
"ฉันควรเริ่มจากตรงไหน" บ้านหลังนี้กว้างเกินไป ฉันหาต้นตอที่จะเริ่มไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนจึงถามคนที่คุ้นชินสถานที่จะดีกว่า
"ชั้นล่างก็ได้ แต่ว่าเธอไหวแน่นะ"
"หนักกว่านี้ฉันก็ทำมาแล้ว" ฉันเดินถืออุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วเดินลงไปชั้นล่างหลังจากที่ได้รับคำแนะนำ ยังดีที่งานแรกไม่ได้ให้ฉันไปทำอะไรที่รู้สึกรังเกียจตัวเองไปมากกว่านี้ ฉันอยากให้ตัวเองทำความสะอาดไปแบบนี้จนชดใช้หนี้หมดจัง แต่คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก…เพราะฉันเองก็พยายามทำใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าการชดใช้หนี้คงไม่ได้เสียแค่แรงกายในด้านของการทำงานบ้านแค่นั้น