บทที่ 10 น่าสมเพชสิ้นดี

1414 คำ
"นี่เงิน…ห้าหมื่นตามสัญญา" ฉันยื่นเงินให้คนตรงหน้าตามสัญญาที่เรานัดกันไว้ งวดนี้ฉันรอดมาได้อย่างหวุดหวิดสามารถจ่ายห้าหมื่นได้เต็มจำนวนเพราะได้ไอเสี่ยทิปหนักนั้นช่วยไว้ "เก่งหนิ…" ชายชุดดำยืนนับเงินแล้วเงยหน้ามามองฉันพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก "ฉันไปได้แล้วใช่ไหม งวดหน้าสิ้นเดือนหนึ่งแสนบาทฉันจะหามาให้" ว่าจบก็รีบหมุนตัวหมายจะเดินออกไปจากที่นี่ แต่แล้วชายชุดดำที่ยืนคุมหลังอีกสองกลับยกมือกันไว้ ฉันจึงรีบหันกลับไปมองคนคนเดิมทันที "อะไร เงินก็ได้ไปแล้วไง?" ฉันเอ่ยด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ไอบ้านี่กำลังจะเล่นลิ้นกับฉันอยู่งั้นเหรอ… "แม่กับน้องเธอไม่บอกอะไรเลยหรือไง" "บอกอะไร" "หึ ก็เงินอีกเจ็ดแสนที่ติดไว้น่ะ ถูกจ่ายไปหมดแล้ว" "อะไรนะ!?" จ่ายงั้นเหรอ…เป็นไปไม่ได้ เงินขนาดนั้นแม่เลี้ยงกับไอต้นกล้าจะไปเอาจากไหน และฉันก็รู้อีกด้วยว่าสองคนนั้นไม่มีทางที่จะมารับผิดชอบเรื่องนี้แน่นอน "จ่ายไปหมดแล้ว พร้อมกับได้เงินสดอีกสองแสน…แลกกับตัวของเธอที่ต้องมาชดใช้หนี้ให้เจ้านายฉัน" ฉันอ้าปากค้างอย่างพูดอะไรไม่ออก หมายความว่าฉันถูกขายให้เจ้านายพวกบ้านี่แลกกับค่าตัวหนึ่งล้านอย่างนั้นเหรอ… ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ยังไงกัน…น้ำตาฉันคลอเบ้ามองคนตรงหน้าภาพไม่ชัดเจน คนที่ฉันกำลังดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือทุกอย่างเขาทำแบบนี้ก็ฉันจริง ๆ เหรอ มูลค่าของฉันสูงถึงหนึ่งล้านเลยอย่างนั้นเหรอ… โคตรน่าสมเพชตัวเองเลย "พรุ่งนี้จะมีคนไปรับเธอที่บ้าน อย่าคิดหนีเพราะมันไม่มีทางรอด" ว่าจบพวกมันสามคนก็เดินจากไป ฉันยืนตัวแข็งทื่อกับประโยคที่มันบอกแค่ไม่กี่ประโยค แต่เล่นเอาฉันถึงกับพูดอะไรไม่ออก และน้ำตาที่ไม่เคยคิดว่าจะปล่อยออกมาสุดท้ายก็หยดลงอย่างห้ามไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ฉันได้รับจากการทดแทนบุญคุณคนคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ ชีวิตฉันมาถึงจุดที่ต้องเป็นเด็กชดใช้หนี้ทั้งที่ฉันไม่ใช้คนก่อปัญหา ฉันต้องเป็นแบบนั้นใช่ไหม… ฉันแบกเรือนร่างที่ล่องลอยเดินออกไปจากที่นี่ เท้าเรียวเดินออกมาอย่างไร้จุดหมายเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยน้ำตาที่ไหลพรากออกมา ถึงเวลาจะค่ำหนทางจะอันตรายแค่ไหนแต่ฉันมั่นใจว่าฉันคงไม่โดนใครเขาฉุดหรอก สภาพที่น่าสมเพชแบบนี้คนไร้บ้านยังดูดีกว่าฉันเลย การเดินที่ไร้หนทางสุดท้ายก็พาฉันมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ฉันเงยหน้ามองบ้านหลังเก่า ๆ ที่ไม่เคยมีความสุขตั้งแต่ที่เกิดมาด้วยน้ำตาที่อาบท่วม ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในบ้านช้า ๆ ข้าวของทุกอย่างยังอยู่ครบเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือคนสองคนที่ทำให้ฉันกลายเป็นเด็กขายตัวที่ไร้ศักดิ์ศรี คุณค่าของฉันถูกพวกเขาขายไปเพียงเพราะแลกกับเม็ดเงินที่คนทุกคนก็ต่างอยากได้ ฉันไล่มองทั่วบ้านด้วยน้ำตา ชีวิตฉันที่เคยรู้สึกว่ามันต่ำตมมาตลอดสุดท้ายวันนี้ก็มาถึงจุดที่มันอยู่ต่ำที่สุดในชีวิต "ฮึก…ทำไมคนพวกนั้นถึงใจร้ายกับหนูจังเลยคะพ่อ" ฉันยกกรอบรูปที่มีใบหน้าของผู้ชายวัยกลางคนแล้วทรุดลงอย่างหมดแรง ความรู้สึกฉันตอนนี้แตกสลายแทบไม่เหลือชิ้นดี ทำไมกัน…ทั้งที่ฉันพยายามมาตลอดแต่นี่คือสิ่งที่พระเจ้าตอบแทนฉันงั้นเหรอ… "ทำไมพ่อถึงปล่อยหนูไว้คนเดียว ทำไมพ่อไม่เอาหนูไปอยู่ด้วย…ฮึก" "หนูคิดถึงพ่อจัง…" ครั้งแรกที่ฉันร้องไห้หนักแบบนี้ก็ตอนที่เสียพ่อไป ฉันเหมือนเสียการทรงตัวเมื่อที่พึ่งเพียงคนเดียวของฉันกลับหนีขึ้นสวรรค์ แล้วทิ้งภาระทุกอย่างตกมาที่ฉัน และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สองที่ฉันร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ถ้าฉันรู้ว่าคนพวกนี้จะทำกับฉันแบบนี้ ฉันคงเลือกที่จะเห็นแก่ตัว อกตัญญูแล้วทิ้งทุกอย่างไปตั้งแต่แรกแล้ว เช้าวันต่อมา "แก้วตา…ทำไมสภาพเป็นแบบนี้!?" ป้าณีรีบเดินเข้ามาหาฉันที่กำลังเข็นผลไม้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เป็นเพราะทำงานหนักหลายวันติดต่อกันแถมยังร้องไห้และไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยรู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อย แต่ความเจ็บพวกนี้มันเล็กน้อยมากถ้าเทียบก็สิ่งที่ฉันเจอมา เศร้าได้นะ…แต่ก็ต้องทำมาหากินอยู่ดี ชีวิตต้องดำเนินไปด้วยเงินหนิ ถ้าไม่มีเงินแล้วจะเอาอะไรกิน "หนูไม่เป็นไร ป้าไปขายของเถอะ" ฉันยิ้มบาง ๆ ให้ป้าณี ก่อนที่จะเข็นผลไม้ไปจัดเรียงหน้าร้านตามปกติ "ป้าเอาขนมจีนมาให้ กินหน่อย…" "ฉันยังไม่หิวเลยป้า เก็บไว้เถอะ" "แต่แกหน้าซีดมากเลยนะ กินหน่อยจะได้กินยา" "ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่หิว" ฉันนั่งขายของด้วยร่างกายที่ฝืนเต็มทน อากาศก็ร้อนจัดเหลือเกิน ร้อนกว่าปกติ สงสัยชีวิตฉันคงยังไม่ถึงจุดต่ำสุด ต้องมาให้ครบทุกช่องทางสินะพระเจ้าถึงจะพอใจ "ฮาโหลจ้าน้องแก้วตา~" เสียงหวานที่ดังมาแต่ไกลทำให้ฉันเบือนหน้าไปมอง และเป็นไอกัลป์ที่เดินมากับลูกน้องฉันเลยก้มลงไปหยิบเงินแล้วส่งให้มัน "มึงเป็นอะไรเนี่ย ทำไมหน้าซีดอย่างนั้นวะ" ไอกัลป์เอ่ยถาม ขณะที่ฉันส่ายหัวไม่ยอมพูดอะไร "เฮ้ย…ไม่สบายหรือเปล่า ให้กูพาไปหาหมอไหม?" "ไม่ต้อง กูไม่ได้เป็นอะไร" "ไม่ได้เป็นอะไรได้ไง หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ไปกูพาไป" "กูไม่ไป" "ไอแก้วมึงอย่าดื้อสิวะ คนเขาเป็นห่วง เดี๋ยวกูให้ไอจ่อยขายแทนให้ก็ได้" "กูบอกว่ากูไม่เป็นอะไรไง มึงจะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับกู!" ฉันขึ้นเสียงใส่ไอกัลป์จนมันชะงัก แต่เพราะร่างกายที่ปวดหัวทำให้ฉันหงุดหงิดจนขึ้นเสียงใส่ทั้งที่รู้ว่ามันกำลังหวังดี "โทษที กูไม่ได้เป็นอะไร มึงไปเก็บค่าเช่าต่อเถอะ" ฉันรีบพูดขอโทษออกไปเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดแรงเกินไป ส่วนไอกัลป์มันก็ไม่ตอบอะไรมองฉันนิ่ง ๆ แล้วเดินออกไปเลย ตอนนี้ฉันไม่มีพื้นที่สมองให้คิดอะไรทั้งนั้น แค่ที่ลูกน้องไอบ้านั้นบอกว่าจะมารับฉันไปชดใช้หนี้ก็ปวดหัวมากพอแล้ว "ป้าฉันฝากร้านหน่อยนะ ขอไปห้องน้ำก่อน" "เดินดี ๆ ล่ะแก ไม่ไหวก็บอกเดี๋ยวฉันช่วย" "ฉันไหวไม่ต้องเป็นห่วง" ว่าแล้วฉันก็เดินออกจากแผงเพื่อลัดไปเข้าห้องน้ำ ขอเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนเผื่ออาการที่เป็นอยู่มันจะดีขึ้นบ้าง กึก! แต่แล้วเท้าเรียวก็ต้องชะงักเมื่อเดินออกจากห้องน้ำก็ต้องเจอกับชายชุดดำพวกเดิมที่มาตามเก็บหนี้พนันบอลของไอต้นกล้า พวกมันยืนเรียงกับครบสามคนแล้วมองมาที่ฉันนิ่ง ๆ "ถึงเวลาที่เธอต้องไปแล้ว" หัวหน้ามันพูดขึ้น "…" ขณะที่ฉันพยายามกวาดสายตามองรอบ ๆ เพื่อหาทางหนีและคนที่จะช่วยฉันได้ แต่ห้องน้ำตลาดมันก็เปลี่ยวคนเหลือเกิน ไม่มีใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้เลยสักคน "ไปกันดี ๆ ฉันไม่อยากใช้กำลัง" เหมือนพวกมันจะรู้ทันความคิดของฉัน หนึ่งคนผายมือให้ขณะที่อีกคนเลิกเสื้อขึ้นให้เห็นกระบอกปืนที่เหน็บเอว สุดท้ายฉันต้องเดินตามพวกมันไปแต่โดยดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม