ตอนที่3 เผชิญหน้า
จนในที่สุดเธอก็มาถึงชั้นที่ 12 ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนอยู่กับคนละโลกกับชั้นอื่น ๆ เลย ใบหน้าสวยบีบมือแน่นก่อนจะตัดสินใจเดินตรงมาหน้าห้องทำงานของชายหนุ่ม
“สวัสดีครับไม่ทราบว่ามาติดต่ออะไรครับ” อนุชิตเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าอย่างสงสัยที่จู่ ๆ หล่อนก็มาถึงชั้นนี้
“ดิฉันต้องการพบเจ้านายของคุณค่ะ”
“ถ้าไม่ได้นัดไว้เกรงว่าจะไม่ได้นะครับ เชิญคุณผู้หญิงกลับไปดีกว่า” อนุชิตรู้จักนิสัยเจ้านายของตนดีว่าเป็นคนแบบไหน แต่ทว่าผู้หญิงคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนคุ้น ๆ หน้าเคยเจอหรือเคยเห็นที่ไหนมาก่อนสักทีแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
“ดิฉันพยายามขอนัดพบเจ้านายคุณแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้านายคุณจะไม่ว่างเลยต่างหาก”
“อ้อ คนของวชิรกรุ๊ปสินะครับ”
“ใช่ค่ะ ฉันขอเวลาแค่ไม่กี่นาทีก็พอทางบริษัทฉันต้องการให้คุณเวหาให้โอกาสแก่บริษัทของดิฉัน”
“ผมว่าไม่มีประโยชน์เชิญคุณกลับไปดีกว่านะครับ” ไม่ว่าจะพูดอย่างไรชายคนนี้ก็ไม่ยอมให้เธอพบเขาเลย
“ได้ ไม่อนุญาตก็ไม่อนุญาตงั้นฉันขอตัว” มินธิดากัดฟันแน่น เธอไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกในเมื่อขึ้นมาถึงนี้แล้วก็ต้องได้เจรจากับเขา
“นี่คุณอย่าเปิดเข้าไปนะ!” อนุชิตร้องห้าม เมื่อจู่ ๆ มินธิดาก็เปิดประตูพรวดเข้าไปอย่างไม่มีมารยาท
สีหน้าคมเข้มของคนที่กำลังนั่งตรวจเอกสารชะงักมองมายังผู้หญิงตรงหน้าเล็กน้อย ต่างคนต่างชะงักไปพร้อม ๆ กัน
“ขอโทษครับคุณเวหาผมจะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก คุณครับเชิญ!”
“ฉันต้องการเจรจากับคุณ!”
“อนุชิตนายออกไปก่อน”
“ครับ!?” ชายหนุ่มทำหน้างงงวยเล็กน้อยที่ชายหนุ่มยอมให้ผู้หญิงคนนี้เข้าไปพบ เวหามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างถวิลหา เขาตกใจที่เห็นเธออยู่ที่นี่ไม่คิดว่าจะได้เจอเธออีก
“มิน? เธอมาหาฉันงั้นเหรอ?”
“ดิฉันมาในฐานะตัวแทนของวชิรกรุ๊ปหวังว่าคุณเวหาจะยอมรับข้อเสนอของทางบริษัทเรา” เธอไม่ได้จงใจมาหาเขางั้นสินะ จากที่ฟังน้ำเสียงของหญิงสาวพูดจากับเขาดูเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันเลยสักนิด
“บริษัทนั้นผมตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องมานังรับฟังอีก” เวหารู้มาว่าบริษัทนั้นเป็นของครอบครัวนพดลการที่มินธิดาบอกว่าเป็นตัวแทนแปลว่าหญิงสาวต้องทำงานที่นั้น แค่คิดอย่างนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ถึงกลับไม่พอใจออกมา นพดลคิดอย่างไรกับเธอทำไมเขาจะไม่เคยรู้
“คนไม่มีเหตุผล!” เธอบ่นออกมา ทำเอาคนได้ยินถึงกลับขมวดคิ้วมุ่น
“เธอทำงานกับบริษัทนั้นงั้นเหรอมินธิดา”
“ใช่ค่ะ เพราะอย่างนั้นฉันถึงมาขอเจรจากับคุณ” ใบหน้าสวยเชิดเล็กน้อยเธอไม่แม้แต่จะสบตาเขายามเวลาพูดเลยด้วยซ้ำ
“จะคุยกับผมก็มองผมสิ หรือว่ากลัว”
“ทำไมฉันต้องกลัวด้วยเราไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย” เสียงหัวเราะในลำคอของชายหนุ่มดังออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของหญิงสาว
“ไม่รู้จักกัน? อืม ผมเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่เคยทำด้วยกันคือการกระทำของคนไม่รู้จักกัน ทั้ง ๆ ที่เราแทบจะเป็นคน ๆ เดียวกันอยู่แล้ว” ไม่เพียงแค่คำพูดสายตาเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มกลับมองสำรวจร่างกายของหญิงสาวอย่างหยาบโลนอีกด้วยท่าทางของเวหาแทบทำเอามินธิดาอยากจะจิ้มดวงตาคู่นั้นของเขาเสียจริง
“หยาบคาย! เรื่องที่ผ่านมาแล้วฉันไม่เคยใส่ใจยิ่งเกี่ยวกับคนอย่างคุณนอกจากจะไม่ใส่ใจแล้ว มันยิ่งไม่มีค่าให้นึกถึงเลยสักนิด!”
“มินธิดา! หึดี ดีจริง ๆ ถึงเราจะเลิกกันแต่คุณคงไม่ควรลืมสิว่าใครเป็นผัวคนแรกของคุณ!” คำพูดของเวหาทำเอามินธิดามองตาเขียวใส่อย่างไม่พอใจ
“หยาบคายที่สุด! มันคือความผิดพลาดที่ฉันไม่เคยคิดให้อภัยตัวเองเลยสักวัน”
“หึ! ผิดพลาดงั้นเหรอ ถ้าจำไม่ผิดคืนนั้นเรามีความสุขกันดีไม่ใช่รึไงเมียจ๋า!”
เพียะ! ฝ่ามือน้อย ๆ ยกขึ้นมาตบใบหน้าหล่อเหลาด้วยความไม่พอใจอยู่มากที่เธอได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของคนตัวสูง ที่เธอมาในวันนี้ก็แค่ต้องการเจรจาก็เท่านั้นไม่ได้ต้องการมารื้อฟื้นความเจ็บปวดในอดีตที่อีกฝ่ายทำไว้กับเธอ
เวหาหน้าหันไปตามแรงตบของคนตัวเล็ก นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มินธิดาตบหน้าของเขาแบบนี้ ไม่รู้ทำไมพอเห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่จงเกลียดจงชังเขามากมายขนาดนี้ ความรู้สึกไม่พอใจก็ปะทุขึ้นมาในใจของชายหนุ่ม ร่างสูงยกมุมปากขึ้นก่อนจะหันหน้ามามองหญิงสาวที่จ้องมองมาที่เขาอยากเกลียดชัง
“หึ! อยากคุยเรื่องบริษัทกระจอก ๆ นั่นใช่ไหม ได้สิ ถ้าอยากให้ฉันปรานีบริษัทของมันก็คงต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันบ้าง!”
“ความหมายว่าไง?” หญิงสาวไม่เข้าใจในคำพูดของอีกฝ่าย แต่ทว่าพอเห็นใบหน้าหล่อเหลาเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา มินธิดาก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยสักนิด
“มานอนกับฉันทุกครั้งที่ฉันต้องการ ของเคย ๆ คงไม่ยากอะไรใช่ไหมมินธิดา?” ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยความโมโหเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า เธออยากจะฆ่าเขาให้ตายที่ได้ยินข้อเสนอของเวหา ผู้ชายที่แสนดีคนที่เธอเคยรักมันหายไปแล้วจริง ๆ
“หยาบคาย คนอย่างคุณนี่มันเลวจริง ๆ ทำไมฮะทำไมถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้เวย์ ทำไมถึงได้ทำร้ายหัวใจฉันขนาดนี้ ในเมื่อเลิกกันแล้วก็ไม่ควรเอาเรื่องเก่า ๆ มาพูดสิ ทั้ง ๆ ที่เป็นคุณเองที่เป็นคนทิ้งฉันไป!” เวหาสะอึกไปพอสมควรเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าที่เอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดอย่างนี้ เขาเห็นหยาดน้ำตาที่ซึมเบ้าตาของคนตัวเล็กความวูบไหวก็ก่อเกิดในใจของชายหนุ่มทันที
“ฉันจะถือว่าวันนี้ไม่ได้มาที่นี่ก็แล้วกัน คนใจบอดอย่างคุณต่อให้อ้อนวอนขอความเมตตาก็คงไร้ประโยชน์!” เดิมทีคิดว่าการที่มาขอพบหน้าชายหนุ่มจะได้เจรจากันรู้เรื่องแต่เธอคงคิดผิดไป เวหาคนนี้ไม่ใช่เวหาคนเดิมที่เธอเคยรู้จักอีกแล้ว
มินธิดาพูดจบจะเดินออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่มแต่ทว่ามือหนาของเวหาก็มาคว้าแขนของหญิงสาวเอาไว้พร้อมกำเอาไว้แน่นไม่ยอมให้คนตัวเล็กเดินออกไปจากห้องทำงานนี้อย่างง่าย ๆ
“ลาออกจากบริษัทนั้นซะถ้าอยากให้ฉันให้โอกาสบริษัทนั้น!”
“ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งของคุณด้วย ปล่อยนะ!”
“เธอต้องทำมินธิดา เธอต้องทำตามที่ฉันสั่งเข้าใจไหม?” ยิ่งได้ยินคำพูดของชายหนุ่มที่เอ่ยออกมาอย่างเห็นแก่ตัวหญิงสาวก็ยิ่งชักสีหน้าไม่พอใจออกมา ทำไมเธอต้องฟังเขา นี่มันชีวิตของเธอเขาไม่มีสิทธิ์ยุ่ง
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะคุณเวหา!”