ลุงหมอขอฉีดยา
ผู้เขียน กาสะลอง
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
ลุงหมอขอฉีดยา
เชียงใหม่
“กรี๊ดดด… กรี๊ด… ”
เสียงกรีดร้องของ ‘ฮานะ’ คุณหนูแสนสวยวัยใกล้ยี่สิบปี ลูกสาวคนเดียวของเสี่ย ‘อนันต์’ เศรษฐีไร่ส้มของเมืองเหนือ แผดลั่นลงมาถึงห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ ทำให้ป้าบัวตองคนใช้ รีบวางมือจากงานที่ทำอยู่ตรงหน้า ก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องต้นเสียง หวีดร้องออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“คุณหนูคะ… คุณหนู เกิดอะไรขึ้นคะ… ”
ในทันทีที่บานประตูไม้สักแผ่นกว้างถูกผลักเข้ามา หญิงวัยกลางคนละล่ำละลักถามเสียงดังลั่น สีหน้าตระหนก
“หนูไม่ไปนะคะ… ฮือออ… หนูไม่ไปกรุงเทพฯ อย่างเด็ดขาด… ”
หมอนสีขาวที่กำลังโดนฉีกทึ้งอยู่ในมือของสาวน้อย ขว้างปาสะเปะสะปะเข้าใส่ป้าบัวตองจนขนเป็ดกระจุยกระจาย คละคลุ้งไปทั่วห้อง
“ว้าย… ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณหนู… ”
“ป้าบัวไม่ต้องมายุ่ง… ”
สาวน้อยโวยวายไม่หยุด
“โถ… ดูไม่จืดเลยค่ะ… ป้าตกใจหมดเลยคิดว่าคุณหนูโดนผีเข้า… ”
ป้าบัวตองยกมือขึ้นทาบอก…
จ้องมองสาวน้อยในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาไม่นานฉายแววโกรธเกรี้ยว
ภายหลังจากโดนเสี่ยอนันต์ผู้เป็นบิดาออกคำสั่งเด็ดขาด ว่าปิดเทอมนี้ฮานะจะต้องเข้าไปอยู่หอพักแบบกินนอนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อติววิชาในระหว่างรอสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“อะไรนะ… ป้าว่าสภาพของหนูในตอนนี้ดูเหมือนโดนผีเข้าใช่ไหมป้า… ”
ฮานะถาม…
หรี่ตาครุ่นคิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ไม่นึกว่าจู่ๆ คำพูดของป้าบัวตองจะจุดประกายไอเดียให้แผนการบางอย่างผุดวาบเข้ามาในหัว
“ใช่ค่ะ… ก็คุณหนูทำท่าทางเหมือนผีเข้า ป้าเคยเห็นคนโดนผีเข้า… ”
ป้าบัวตองกล่าว มองหญิงสาวผู้เอาแต่ใจตัวเองด้วยความรู้สึกสงสาร
“อันที่จริงถ้าคุณหนูไม่อยากไปติววิชาไกลถึงกรุงเทพฯ ก็ค่อยๆ คุยกับคุณพ่อดีๆ ก็ได้… ท่านคงไม่บังคับเอาเป็นเอาตาย… ”
ป้าบัวตองแนะนำอย่างคนที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดอยู่ในบ้านหลังนี้มานานหลายปี รู้จักนิสัยใจคอของเสี่ยอนันต์ผู้เป็นเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี
“เมื่อเช้าหนูคุยแล้วค่ะป้า… แต่คุณพ่อไม่ยอมท่าเดียว… ”
หญิงสาวกล่าวเสียงเศร้า
“ป้าว่ารอให้เสี่ยอารมณ์ดีแล้วคุณหนูลองดูอีกทีนะคะ…”
ป้าบัวตองแนะ…
แม้ว่าภาพภายนอกที่เห็นเสี่ยอนันต์จะเป็นคนดุ พูดจาเสียงดังโผงผาง ใจนักเลง แต่ก็รักฮานะซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวราวกับไข่ในหิน
สาเหตุที่เสี่ยอนันต์ออกคำสั่งบังคับให้ลูกสาวคนเดียวต้องไปอยู่โรงเรียนกินนอนในช่วงปิดเทอมนี้ ก็เพราะว่าฮานะเพิ่งเรียนจนชั้นมอหก กำลังอยู่ระหว่างเตรียมตัวสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย
สถาบันกวดวิชาที่กรุงเทพฯ มีติวเตอร์ชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศรวมอยู่หลายคน ทุกอย่างที่เสี่ยอนันต์ทำไปก็เพื่ออนาคตของลูกสาว
“ขอบใจป้าบัวนะคะที่ทำให้หนูเกิดไอเดียอะไรบางอย่าง… ”
คำพูดของฮานะและน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ทำเอาป้าบัวนิ่วหน้าครุ่นคิด
“ไอเดียอะไรคะคุณหนู… ป้าไม่เข้าใจ… ”
หัวคิ้วของป้าบัวชิดเข้าหากัน
“อุบไว้ก่อน… เดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าก็รู้เองแหละ… ”
ฮานะบอกไว้เพียงแค่นั้น…
ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับป้าบัวว่าคุณหนูผู้แก่นแก้วคนนี้คงมีแผนการอะไรบางอย่างเพื่อทำให้ตัวเองไม่ต้องถูกส่งไปติววิชาที่กรุงเทพฯ ตามที่ผู้เป็นพ่อวางแผนเอาไว้
วันรุ่งขึ้น
ตอนสาย ท่ามกลางประกายแสงแดด รถตู้ที่สีขาวคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดรอหน้าบ้านตรงตามเวลานัดหมาย แต่คนที่ช้ากลับเป็นคุณหนูฮานะ
ทำให้เสี่ยอนันต์ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่เทอเรสหน้าบ้าน ต้องตะโกนบอกคนรับใช้
“บัวตอง… รถมารอนานแล้วนะ ทำไมยัยหนูยังไม่ลงมาอีก… มัวทำอะไรอยู่… ”
เสี่ยอนันต์กล่าวพลางยกหลังมือขึ้นมองนาฬิกา
“นั่นสิคะ… เดี๋ยวบัวขึ้นไปตามให้นะคะ”
ป้าบัวกล่าว เมื่อเช้าหล่อนหิ้วกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ในห้องนอนของฮานะลงมาเตรียมไว้ตั้งแต่เช้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด หญิงสาวยังไม่ลงมาสักที
และในขณะที่ป้าบัวกำลังเดินเข้ามาตาม จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องของฮานะ
กรี๊ดดดดดด…
“ห๊ะ… ยัยหนูเป็นอะไร… นั่นเสียงยัยหนูนี่นา”
เสี่ยอนันต์ถึงกับสำลักกาแฟที่กำลังยกขึ้นดื่ม รีบวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ ก้าวยาวๆ ตามหลังป้าบัวขึ้นมาที่ห้องของฮานะ
“โห… ยัยหนู… เป็นอะไรลูก… ”
เสี่ยอนันต์ตกใจกับสภาพที่เห็น…
ฮานะกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ร่างเอนโงนเงนไปมา ดวงตาแข็งกร้าวเหลือกลานจนแทบไม่เห็นตาดำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ในมือถือหมอนที่โดนฉีกจนวาดวิ่น ขนเป็ดสีขาวกระจุยกระจายคละคลุ้งไปทั่วห้อง
“ฮื่อออออ… ฮืออออ… ”
ร่างของฮานะเริ่มสั่นแรงขึ้น อาการเหมือนคนที่โดนผีเข้าหรือเจ้าลงองค์ประทับ
“บัวตอง… นี่ลูกสาวฉันเป็นอะไร… ”
เสี่ยอนันต์ถามเสียงเครียด
“ท่าทางคล้ายโดนของ… หรือไม่ก็คงโดนผีเข้าค่ะเสี่ย… ”
บัวตองตอบ แทนตัวเองสั้นๆ ว่า ‘บัว’ จนติดปาก เพราะว่าอายุของหล่อนวัยเดียวกับเสี่ยอนันต์
“ห๊ะ… ฉิบหายแล้ว… ”
ประโยคที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู ทำเอาเสี่ยอนันต์สะดุ้งโหยง เพราะว่าเป็นคนกลัวผีและเชื่อในเรื่องลี้ลับมาแต่ไหนแต่ไร