อนิลาเดินออกมาจากโรงแรมของโรซี่ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า แน่นอนว่าเธอไม่ได้หงุดหงิดหรือว่าโกรธเคืองรอยด์แม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขาเรียกร้องในสิ่งที่เธอไม่สามารถให้เขาได้
หรือว่าในบางทีเธอควรจะปล่อยมือเขากันนะ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ความคิดของเรามันไม่ตรงกัน เมื่อนั้นความสัมพันธ์ของเธอและเขาย่อมเกิดปัญหา
หิมะยังคงตกลงมาประปรายในระหว่างทางที่เธอเดิน วันนี้เธอไม่อยากจะนั่งรถม้า แต่อยากจะเดินชมวิวไปเรื่อยๆ สักหน่อยแล้วค่อยกลับบ้าน
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาดามมาขอติดเงินค่าข้าวสาลีของเรา ถึงแม้ว่าเซอร์มานูเอลจะเคยมีบุญคุณต่อเรามากแค่ไหนแต่ข้าไม่สามารถช่วยเหลือมาดามได้อีกแล้วล่ะ!”
เมื่อได้ยินชื่อของเซอร์มานูเอลออกมาจากริมฝีปากของเจ้าของร้านขายแป้ง เท้าที่กำลังก้าวเดินของอนิลาก็หยุดเดิน เธอมองไปยังหญิงชราที่นั่งคุกเข่าหน้าร้านพร้อมกับเด็กน้อยวัยสิบขวบที่โอบกอดมารดาเอาไว้ สภาพของทั้งสองคนน่าเวทนาไม่น้อย
อนิลาหลบมุมยืนมองสองแม่ลูกอยู่เช่นนั้น ทั้งที่เธอมีกำลังมากพอที่จะช่วยเหลือแต่ทว่าหากเธอเดินเข้าไปช่วยเหลือ แน่นอนว่ามื้อนี้สองแม่ลูกที่น่าสงสารจะมีอาหารทาน แต่ว่ามื้อต่อๆ ไปล่ะ ทั้งสองคนจะทำเช่นไร
เงินเดือนของทหารมันน้อยนิดมากขนาดไม่สามารถเลี้ยงแม่และน้องได้อย่างนั้นหรือ? ทั้งๆ ที่เซอร์มานูเอลดูเป็นคนดีและอ่อนโยนมากแท้ๆ เขามีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ดูอบอุ่นเหมือนกับแสงของดวงตะวันและมีแววตาที่แวววาวเปล่งประกายสีม่วงอ่อนของดอกเดซี่..
เป็น..บุรุษที่ยากจะละสายตาไปจากใบหน้าที่แสนอ่อนโยนของเขา เพราะแบบนั้นอนิลาจึงกระชับเสื้อคลุมและหมวกปีกกว้างลงมาให้ปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้ แล้วแอบเดินตามหญิงชราและเด็กน้อยไปเรื่อยๆ จนมาถึงบ้านหลังเล็กที่มีสภาพทรุดโทรมมากทีเดียว
“ไหนขนมปังของข้าล่ะนังโง่!!”
หลังจากนั้นก็มีเสียงทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นที่ด้านในและเสียงเด็กร้องไห้ออกมา อนิลาค่อยๆ หลับตาลงเธอยืนอยู่ที่ด้านหลังประตูไม้ที่เริ่มผุพังก่อนจะผลักประตูเข้าไป
ด้านในไม่ต่างจากที่คาดการณ์มากนัก เพราะมีชายชราที่อยู่ในสภาพเมามายกำลังทำร้ายร่างกายของภรรยาและลูกสาว..
สิ่งที่เธอเกลียดชังมากที่สุดคือการที่บุรุษเอาตัวเองเป็นใหญ่ ภรรยาและลูกสาวจะต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของผู้เป็นบิดา ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะเป็นอย่างไรก็จะต้องทำตามโดยเคร่งครัดไม่มีสิทธิ์หลบหนีหรือว่าปฏิเสธ
“เจ้าเป็นใครกันนังหนู ไม่เห็นเหรอว่าข้ากำลังสั่งสอนภรรยาอยู่น่ะ มาทางไหนรีบออกไปทางนั้นจะดีกว่านะ..”
เธอเป็นคนนอก ไม่ควรแม้แต่จะก้าวขาเข้ามาในบ้านของคนอื่นแบบนี้ด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อมองเห็นหยาดน้ำตาและท่าทีสิ้นหวังของเด็กน้อยมันทำให้เธอเหมือนกับมองเห็นตัวเองเมื่อครั้งอดีตเลย
“ทำไมถึงไม่มีลูกชายแต่กลับมีลูกสาวที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้เล่านังโง่ ข้าลำบากลำบนสร้างฟิโลเลนโซให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยมากกว่าใครๆ แต่กลับมีภรรยาที่ไม่สามารถมอบบุตรชายให้ข้าได้ แถมยังมีลูกสาวที่ไม่เอาไหนแบบนี้อีก พระเจ้ากำลังลงโทษข้าหรืออย่างไรกัน!!”
“แค่ได้ที่หนึ่งมันไม่พอหรอกนะนิลา เพราะเจ้าเป็นสตรีถึงได้มีขีดจำกัดมากมาย ขุนนางที่อยู่ภายใต้การปกครองของเรา เขาจะยินยอมก้มหน้าให้สตรีที่ทำได้เพียงแค่เรียนเก่งอย่างนั้นหรือ มีสมองก็ใช้มันคิดหน่อยสิ อย่าภูมิใจกับเศษกระดาษที่ทำหน้าที่บอกผลการเรียนแต่จงทำตัวให้มีความสามารถให้พวกเขาก้มหน้าลงทำความเคารพเจ้าด้วยความสามารถ ถึงไม่มีก็พยายามหน่อยเถิดนังลูกโง่!!”
มือของอนิลากำแน่น ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปด้านใน
“ต่อให้ข้าทำร้ายเขาในตอนนี้ข้าก็จะไม่มีวันติดคุกหรือว่ามีความผิด เพราะว่าข้ารวยมาก อยู่ที่ความปรารถนาของท่านป้าแล้วล่ะค่ะ ว่าท่านอยากตัดขาดกับเขาหรือว่าจะทนให้เขาทำร้ายท่านเช่นนี้ต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น!”
หญิงชราทำได้แค่เพียงร้องไห้ออกมาก่อนที่นางจะโอบกอดลูกสาวเอาไว้
“ได้โปรดเถอะค่ะเลดี้ ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใครแต่ข้าจะตอบแทนท่านด้วยชีวิตหากว่าท่านช่วยเหลือให้ข้าออกจากชีวิตของเขา..”
อนิลายกยิ้ม เธอหันไปมองหน้าชายชราที่กำลังเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะลุกขึ้นในทันที
“หนอย! นังนี่!!”
เขาทำท่าจะปรี่เข้ามาหาภรรยาแต่ทว่าอนิลาเอาตัวเข้าไปขวางเอาไว้ เธอหยิบเอาถุงเงินในกระเป๋าออกมาก่อนจะเทเหรียญทองราวยี่สิบเหรียญลงบนพื้น
“หากว่าท่านอยากจะได้เงินจำนวนนี้ ก็ประทับรอยนิ้วมือลงบนจดหมายหย่าซะ”
เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อยเลยเพราะว่ามันสามารถซื้อคฤหาสน์ได้สบายๆ เลย ทว่าคนอย่างเขามีหรือจะยินยอมในเมื่อดูเหมือนว่าเลดี้เบื้องหน้าพร้อมจะจ่ายเพื่อให้เขาหย่ากับภรรยาขนาดนั้น
“เงินจำนวนนี้ข้าว่ามันน้อยไปนิดนะ..”
“อีกสามสิบเหรียญท่านจะได้หลังจากการหย่าสิ้นสุดลง”
“เหอะ! ข้าไม่เชื่อหรอก หากอยากให้ข้าหย่าก็เอาเงินมากองตรงนี้ก่อนสิ”
“มีกัส เจ้านี่มัน!”
หญิงชราถึงกับทนไม่ไหวกับความเห็นแก่ตัวของสามี แต่ทว่ามีกัสไม่สนใจเพราะว่าเขาตรงดิ่งเข้ามาเก็บเหรียญทองที่หล่นลงบนพื้นบางส่วน แต่ทว่าอนิลากลับเหยียบเหรียญทองนั้นเอาไว้
“หากไม่เขียนชื่อลงไปในใบหย่า ก็อย่าหวังว่าจะเอาเงินข้าไปแม้เแต่เหรียญเดียว”
เสียง” คลิ๊ก” ดังขึ้นมาและเมื่อชายชราเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นปืนสั้นที่มีลวดลายแปลกตาจ่ออยู่ที่หน้าผากของเขา ร่างกายพลันสั่นเทาเมื่อเขาเห็นแววตาอันแน่วแน่ของสตรีเจ้าของปืน
“ขะ..ข้ายอมแล้วนายหญิง บะ..ใบหย่าอยู่ที่ไหนข้ายินดีจะลงนาม..เดี๋ยวนี้เลย”
อนิลามองไปยังสตรีที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ อาเซียเม้มริมฝีปากก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเพื่อนำใบหย่าออกมา เธอจัดการเขียนชื่อตัวเองลงไปด้วยน้ำตาแล้วยื่นให้กับสามีที่กำลังจะเป็นคนแปลกหน้า
เขารีบร้อนประทับตราลงไปในทันที และหลังจากนั้นอนิลาก็เขียนชื่อตัวเองลงไปเพื่อเป็นพยานในการหย่าของทั้งสองคน ทว่าเมื่อมีกัสเห็นชื่อที่ถูกเขียนโดยสตรีเบื้องหน้าก็ดูเหมือนว่าเขาจะสร่างเมาในทันที
อนิลา ฟิโลเลนโซ
ผู้นำตระกูลมหาเศรษฐีที่เขาต้องการให้มานูเอลไปจับเธอ ทว่านี่เธอกลับเดินเข้ามาในบ้านผุๆ พังๆ ของเขาเพื่อมาสั่งให้เขาหย่ากับภรรยา
จะคืนคำหรือว่าทำลายใบหย่าก็มิได้เพราะว่าปืนในมือของนางยังคงเล็งมาทางเขา มีกัสทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลงคอด้วยความเสียดาย
“รออะไรล่ะคะ รีบเก็บของสิคะ”
อาเซียมองอนิลาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ ในขณะที่อนิลาเดินเข้าไปหาเด็กน้อยที่ยืนตัวสั่นเทา ตรงแก้มที่รอยเขียวแถมต้องเปลือกตาอีกข้างก็แทบจะปิดสนิท เธอยกมือขึ้นมาลูบผมของเด็กน้อยเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“นับจากนี้ไป ข้าจะเป็นผู้อุปการะเจ้าเอง เจ้าจะได้เรียนที่อคาเด็มมี่และได้แต่งตัวสวยๆ ยิ่งกว่าใครทั้งนั้น ยินดีจะไปกับพี่สาวคนนี้รึเปล่าเด็กน้อย”
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้าของพี่สาวคนสวยมาก่อน แต่มาเรียก็วางมือลงบนมือที่พี่สาวยื่นมาให้เพราะนอกจากท่านแม่และท่านพี่แล้วไม่มีใครมองเธอด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยนแบบนั้นเลย
“ขะ..ข้าจะไปค่ะ”
อนิลายกยิ้ม
“ต้องแบบนั้น เก็บของแค่สิ่งจำเป็นก็พอ เสื้อผ้าหรือว่าของใช้ไม่ต้องเอาไปเพราะว่าเราจะไปซื้อใหม่ให้หมด”
ครั้งหนึ่งในยามที่เธอถูกท่านพ่อด่าทอ อนิลาช้อนสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังมองหน้าของท่านแม่แต่ท่านแม่กลับก้มหน้านิ่งๆ ราวกับว่าไม่อยากจะขัดใจท่านพ่อ..
แล้วเธอที่เป็นลูกสาวของท่านแม่ล่ะ ท่านแม่ไม่คิดจะโอบกอดหรือว่าปกป้องเธอหน่อยเหรอ? เมื่อครู่ที่เธอเห็นอาเซียกำลังโอบกอดเพื่อปกป้องมาเรีย ในใจของเธอนั้นเจ็บปวดยิ่งนัก..ขนาดสตรีเบื้องหน้าที่ไร้ทางสู้นางยังปกป้องลูกสาวตัวเองเลย แล้วทำไมท่านแม่ถึงไม่เคยคิดปกป้องเธอบ้างนะ