Chapter 2
รักของเราเริ่มต้นที่ตรงนั้น (7)
เสียงเข่นรอดไรฟันมาพร้อมแววตาคาดโทษจับจ้องไปตรงนั้น ม่านไหมอุ้มลูกสาวของเขาเดินเล่นสบายใจในขณะที่เขาได้แต่เฝ้ามองอย่างร้อนรุ่ม ยามนี้ความหึงหวงกับความรู้สึกผิดต่อมุกประดับ สมองแสนซับซ้อนแยกไม่ออกเสียแล้วว่าอย่างไหนมีมากกว่ากัน
ภายใต้ท่าทีนิ่งเฉย ชายหนุ่มเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ไม่แสดงออก รอให้ภูริชกลับไปแล้วค่อยสะสาง เขาไม่อยากแสดงอะไรออกมาต่อหน้าหลานชาย ไม่อยากให้ใครล่วงรู้เรื่องสัมพันธ์ทางกายที่ลึกซึ้งเกินกว่าอาเขยและหลานเมีย...เสียงที่ดังมาก่อนตัว ทำให้ม่านไหมเหลียวมองอย่างแปลกใจ
"ไงครับคนสวย...วันนี้อ้อนกับ...พี่ไหม...หรือเปล่าเอ่ย"
ม่านไหมยืนนิ่งเมื่อคนพูดกระตุกยิ้มมาให้ แววตาที่มองมาหล่อนสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติในอารมณ์ ดูเหมือนคนมีอะไรในใจที่พยายามแค่นยิ้มออกมาจนดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย
หล่อนส่งต่อหน้าที่ให้เขา...ชายหนุ่มอุ้มร่างหอมฟุ้งจากแป้งเด็กไว้ในอ้อมกอด หอมแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง นับวันเขายิ่งอยากนอนด้วย อยากอยู่ใกล้ๆ แม้ยามหลับ หากเขาไม่อยากให้ใครไปวุ่นวายในห้องนอนของตัว มีอยู่ทางเดียว เขาต้องย้ายตัวเองไปนอนกับคนที่ใจพยายามร้องบอกว่าไม่ได้รักเธอเลยสักนิดเดียว
"วันนี้พี่ปาล์มมาเล่นด้วย คนแถวๆ นี้ถึงได้อารมณ์ดีพาหนูมาเดินชมนกชมไม้ แต่พอเห็นหน้าคุณพ่อของหนูปุ๊บ หน้าก็งอเป็นม้าหมากรุกปั๊บ เนอะ"
เขาทำเหมือนลูกสาวฟังรู้เรื่อง...คุยกับลูกแต่หลอกเหน็บเธอ ม่านไหมคิดพลางนิ่งเงียบ ทะเลาะกับเขามีแต่จะเสียเวลา การไม่ตอบโต้คือการเอาชนะเขาแบบเนียนๆ
"คุณพ่อมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่ไหมขอไปอาบน้ำก่อนนะคะคนดี บอกคุณพ่อว่าพาหนูเข้าบ้านได้แล้ว เดี๋ยวน้ำค้างลงจะไม่สบายนะ"
หล่อนเอาคืนบ้าง ใช้หนูน้อยเป็นสื่อกลางเพื่อส่งผ่านข้อความไปถึงคนเป็นพ่อ เพียงเท่านั้น ศึกย่อมๆ ก็เกิดขึ้นกลางสวนข้างบ้าน สองคนที่ดูภายนอกคล้ายกำลังกระหนุงกระหนิงช่วยกันเลี้ยงลูก แท้จริงมันคือภาพลวงตา
"ม่านมุกครับ ถามพี่ไหมซิว่าวันนี้มีความสุขมั้ย กับการที่พี่ปาล์มหนีงานมาขลุกอยู่ด้วยตั้งครึ่งวัน"
"ม่านมุกคะ บอกคุณพ่อไปสิว่าพี่ไหมมีความสุขมากกก พี่ปาล์มทำให้พี่ไหมสบายใจ ที่สำคัญ...เขาไม่ทำลายศักดิ์ศรีของพี่ไหมเหมือนใครบางคน"
"งั้นหนูก็ถามพี่ไหมสิครับว่าคนมีผัวแล้ว แต่ก็ยังทำระริกระรี้ให้ผู้ชายคนอื่นกอดโดยไม่รู้สึกผิด นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าศักดิ์ศรี"
เตชินทร์ตบะแตกเมื่อถูกยั่ว จากที่คิดเอาไว้ว่าจะไม่พูดถึง สุดท้ายเขาก็หลุดออกมาจนได้ และนั่นเหมือนการสะกิดแผลในใจคนฟัง ม่านไหมเองก็เริ่มมีอารมณ์เช่นกัน
"ช่วยบอกคุณพ่อของหนูด้วยว่าอย่ามาทึกทักขี้ตู่ พี่ไหมไม่ใช่
เมียใครทั้งนั้น เพราะทุกวันนี้เขาก็ย้ำอยู่เสมอว่าไม่ใช่ เป็นแม่ของหนูในบางเวลา กลางคืนก็นอนถ่างขาให้พ่อของหนูใช้ระบายอารมณ์!"
"ไหม!"
"หรือไม่จริงคะ นึกอยากเมื่อไหร่ก็เดินเข้าหา พอทุกอย่างจบ
ไหมก็เป็นแค่คนเลี้ยงลูกของอาเต!"
"แต่เธอก็ชอบ อย่ามาเถียง!"
"อาเต!"
"ก็ไม่เห็นจะขัดขืนอะไรนี่นะ โดนเข้าไปทีไรเธอก็นอนถ่างขาทุกที แต่...ก็ยังจะให้ไอ้ปาล์มมันกอด สรุปเธอคิดยังไงกับหมอนั่น ยังไม่ตอบคำถามเลยนะ"
อารมณ์หึงหวงที่ปะทุขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มเริ่มฟาดงวงฟาดงา จากที่คิดว่าจะไม่โกรธหลานชาย ตอนนี้เขาเริ่มเอามาโยงกัน ชักไม่ชอบใจเสียแล้วที่ภูริชหนีงานเพื่อมาขลุกอยู่กับเธอ
"แล้วถ้าไหมจะบอกว่ารักเขาล่ะ อาเตจะยอมปล่อยไหมไปหรือเปล่า"
คนฟังแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอราวได้ฟังเรื่องตลก แววตาจังจริงจับจ้องมองคนที่ยืนรอคำตอบด้วยใจลุ้นระทึก
"ก็บอกแล้วไงอยากไปก็ไป ถ้าเธอจะทำใจดำทิ้งให้ม่านมุกขาดความอบอุ่นก็เอาสิ ไปเลย ไม่เห็นจะง้อ"
"อย่าท้านะ เดี๋ยวก็ไปจริงๆ เสียนี่"
"ก็ดี ถ้าไม่มีเธออยู่สักคน จะได้พาแม่ใหม่ของม่านมุกเข้าบ้านเสียเลย เธอต้องการแบบนั้นใช่มั้ยฮึ!"
"ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างจากพาเข้าบ้านหรอกค่ะ ผู้หญิงเปิดตัวซะขนาดนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นอะไรกับอาเต!"
หญิงสาวขบกรามแน่นสบกับแววตาซ่อนความปวดร้าวที่มองมา...นาทีนี้ไม่อาจหลอกหัวใจได้ว่ารักเขาไปหมดแล้วทั้งใจ หากไม่รักก็คงจะไม่เจ็บปวดยามที่ได้รู้ได้เห็นว่าเขาไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น เขาคงไม่รู้ว่าหล่อนต้องนอนร้องไห้ทุกครั้งยามที่ได้รับรู้ มันคือความเจ็บปวดที่ไม่อาจบอกใครได้เลย...แม้กระทั่งคนที่สนิทอย่างภูริช สนิทกันแค่ไหนก็ยังไม่กล้าเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
เตชินทร์เบือนหน้าหนีแววตาสั่นระริกที่จับจ้อง...จังหวะที่กำลังจะเดินหันหลังหนีเพื่ออุ้มลูกสาวเข้าบ้าน เขาทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยไม้ตายเดิมๆ
"ถ้าอยู่ที่นี่แล้วอึดอัดใจ อยากไปก็ตามสบาย แต่อาก็ยังยืนยันคำเดิม เธอต้องไปแต่ตัวเท่านั้น อาจะไม่มีวันยกม่านมุกให้เธอไปเลี้ยงดูอยู่กับผัวใหม่ของเธอง่ายๆ แน่"
"ไหมก็ยังคืนยังยืนยันคำเดิม ถ้าไปก็ต้องได้น้องไปด้วย ในเมื่อไม่มีสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร...อาเต...ก็ไม่มีสิทธิ์เด็ดขาดในตัว...ลูกของเรา..."
เสียงนั้นรั้งให้ชายหนุ่มหยุดเดิน จังหวะที่หันกลับมานั้น เกือบจะชนเข้ากับคนที่เดินตามหลังมาติดๆ แววตาสองคู่สบประสาน กับความจริงในใจที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดี...หนูน้อยที่เขากำลังตระคองกอดด้วยความรัก แท้จริงแล้วเกิดขึ้นมาจากสเปิร์มของเขาและไข่ของม่านไหมด้วยวิธีทางการแพทย์ที่เรียกว่าอุ้มบุญแท้ เมื่อเกิดการปฏิสนธิจนเป็นตัวอ่อน จึงนำไปฝังไว้กับผนังมดลูกให้เติบโตอย่างสมบูรณ์...หากจะพูดตามความจริงไม่หลอกหัวใจเช่นวันวาน ม่านไหมคือแม่และเขาคือพ่อ ตรีประดับคือลูกสาวของเขากับม่านไหม หาใช่ลูกของมุกประดับอย่างที่เขาพยายามคิดว่าใช่ มันคือการหลอกหัวใจเพียงเพราะเขากับภรรยานั้นรอคอยวันนี้มานานเหลือเกิน
เสียงผ่อนลมหายใจหน่วงหนักเมื่อใจประหวัดคิดถึงภรรยา
แล้วความรู้สึกผิดก็ถาโถมกินลึกมาอีกครั้งจนได้...เพื่อหลุดพ้นจากความทรมาน เขาจะต้องทลายความเชื่อฝังลึกในใจของม่านไหม ด้วยการย้ำให้หล่อนยืนอยู่ในที่ของตน แม้การกระทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากการย่ำยีหัวใจตัวเองก็ตาม
"ลูกของเรางั้นเหรอ...เธอคงเข้าใจอะไรผิด...ลูกของอาคนเดียวต่างหาก ม่านไหม!"
".....!"
"เด็กคนนี้ก็แค่อาศัยท้องของเธอเพื่อเจริญเติบโตเท่านั้น เธอไม่ใช่แม่แท้ๆ ไม่มีสิทธิ์เหมือนกันนั่นแหละไหม อย่าคิดว่าอาจะยอมยกให้เธอไปง่ายๆ ไม่มีทาง!"
"แต่ไหมก็มีชื่อว่าเป็นแม่ในใบเกิดน้องม่านมุก...อาเตหลอกตัวเองเพื่อที่จะคว้าผู้หญิงคนนั้นมาแทนที่คุณอา ทำทุกอย่างเพื่อให้ไหมทนไม่ได้จนต้องเป็นฝ่ายไป เมื่อไม่มีไหมอยู่ตรงนี้ อาเตก็คงจะให้เธอนั่งแท่นแม่ใหม่ของน้อง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ยคะ!"
"....."
การนิ่งเงียบของเขา นั่นยิ่งตอกย้ำความเชื่อในใจม่านไหม หล่อนขบกรามแน่นอย่างร้าวรวด เพียงแค่คิดไปถึงวันข้างหน้าที่เขามีใครใหม่ หยาดน้ำตาก็ทำท่าจะไหลรินออกมา
"เขาเป็นลูกของไหม ถ้าอาเตจะให้ใครมาเป็นแม่ใหม่ของน้อง
ไหมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิทธิ์เลี้ยงดู!"
เตชินทร์ไม่พูดอะไร อุ้มลูกเดินหนีเข้าบ้านเพื่อตัดบท ม่านไหมมองตามแผ่นหลังกว้างของคนใจร้ายที่ค่อยๆ ห่างออกไป หยาดน้ำตาไหลรินไม่อาจฝืน เขาสร้างความพันผูกให้ถักทออยู่ในใจ ใน
ขณะเดียวกัน เขาก็เป็นคนทำร้ายหัวใจกันได้อย่างเลือดเย็น
ยิ่งคิดถึงอดีตหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจยิ่งพรั่งพรู...หล่อนคงตัดใจจากหนูน้อยได้อย่างไม่ยากหากคุณอาของตนยังอยู่ตรงนี้ เพราะเมื่อคลอดออกมาทุกอย่างก็จบ แต่...โชคชะตาช่างเล่นตลกอย่างไม่เคยคิดฝัน เมื่อหล่อนต้องทำหน้าที่เลี้ยงลูกให้เขาต่อไปในวันที่ไม่มีคุณอา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดจากรักที่ไม่มีวันเป็นจริง