Chapter 2
รักของเราเริ่มต้นที่ตรงนั้น (6)
"พอดีคิดถึงน้องน่ะครับอาเต ก็เลยแวะมาเล่นด้วย ที่หลับยาวก็เพราะกินยาแก้ไขไป รู้สึกหนักหัวลืมตาไม่ขึ้น ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้"
คนฟังแค่นยิ้มเพราะรู้ว่านั่นคือเรื่องโกหก ถามว่าระหว่างหลานชายกับม่านไหมขุ่นเคืองใครมากกว่ากัน เขาขุ่นเคืองคนที่ป่านนี้ก็ยังไม่มารับหน้า พานพะโรไปทั่วโดยไม่มีเหตุผล รู้ดีว่ากำลังฟาดงวงฟาดงาหาเรื่อง แต่เขาห้ามอารมณ์หวงของเอาไว้ไม่ได้จริงๆ
"ไหนๆ ก็อยู่จนป่านนี้แล้ว รอกินข้าวเย็นด้วยกันเสียเลยสิ"
"ครับ"
"ก็เข้าทางนายอยู่แล้วนี่ หึ"
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นหลานที่ขุ่นเคืองไม่ลง แม้จะถูกหลานชายตัวดีโกหกเอาเรื่องป่วยไข้มาอ้างเพื่อหนีงานก็ตามที ชายหนุ่มเดินหนีเพื่อไปตามหาม่านไหม เอาลูกมาอ้างหัวใจว่าคิดถึงมากมายอยากหอมอยากกอดใจจะขาด ไม่ได้คิดถึงใครบางคนจนอยากเห็นรอยยิ้มมารับหน้า รอยยิ้มที่ทำให้หายเหนื่อยจากการงาน กับความเดียวดายเมื่อไร้คนเคียงข้าง เพียงแต่ตอนนี้หัวใจไม่พร้อมรับใครมาแทนที่คนเดิม มันจะรู้สึกผิดทุกครั้งเมื่อมีความคิดที่จะรักใคร และไม่อาจรู้เลยว่าความรู้สึกนี้จะเลือนหายไปจากใจตอนไหน อีกเป็นเดือน หรือเป็นปี นั่นคือสิ่งที่ยากเกินจะคาดเดา
"ทำไมวันนี้กลับเร็วจังเลยล่ะคะ"
ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าเมื่อกำลังจะเดินไปยังห้องสำหรับไว้ให้ลูกสาวนอนกลางวันที่ชั้นล่าง เป็นส่วนที่อยู่ติดกับทางออกไปยังสวนข้างบ้าน ผนังกรุกระจกใสมองเห็นทัศนียภาพด้านนอก อากาศถ่ายเทสะดวกโอบล้อมด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น เขารู้ว่าม่านไหมชอบพาลูกสาวของเขามาอยู่ที่นี่หากไม่อุ้มพาเดินเล่นรอบๆ บ้าน หล่อนชอบเปิดกระจกรับลมเย็นๆ นั่งเล่นกันสองคน...คำถามของลดาภาเขาไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะหล่อนไม่ใช่เมียที่จะต้องรายงานตลอดเวลาว่าไปไหนมาไหนทำอะไรในแต่ละวัน
"ถ้าคุณเตจะมาหาคุณไหม เหมียวเห็นเธอพาน้องไปเดินเล่นข้างนอกแล้วค่ะ"
อีกฝ่ายดักคออย่างรู้ทัน คนฟังหรี่ตามองเพราะรู้สึกว่าหล่อนจงใจเดินตามเขามา คล้ายมีเรื่องบางอย่างที่ค้างคาใจ
"มีอะไรหรือเปล่าเหมียว เดินตามฉันทำไม มีอะไรก็รีบพูดมา"
"คุณเตรู้ได้ยังไงคะว่าเหมียวมีอะไรจะเล่าให้ฟัง อุตส่าห์จะเก็บเป็นความลับเสียหน่อย เจอดักคอแบบนี้จะเล่าให้ฟังดีมั้ยนะ"
คนพูดแสร้งทำหน้าตื่นตกใจ สักพักแววตาคู่นั้นก็แปรเปลี่ยนสื่อถึงความวิตกกังวล...เตชินทร์ไม่ได้สนใจอยากรู้มากนัก เขาแค่อยากให้อีกฝ่ายรีบพูด จะได้ปลีกตัวไปทำอย่างอื่นบ้าง
"เหมียวไม่อยากเล่าเลย กลัวคุณเตจะโกรธคุณไหมกับคุณปาล์มน่ะสิคะ"
เพียงมีชื่อของม่านไหมมาเกี่ยวข้อง แววตาคมกล้าก็ตวัดมองคู่สนทนา สื่อให้รู้ว่าอย่าโยกโย้ให้รำคาญ อยากเล่าก็เล่าไม่ต้องท้าวความ เพราะเขาไม่ชอบทนฟังอะไรนานๆ
"คือว่า..."
"ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า เปิดประเด็นขึ้นมาแล้วก็จะมานึกกลัวอะไร จะไปไหนก็ไปฉันไม่มีเวลามาเล่นอะไรกับเธอหรอกนะ"
ชายหนุ่มเดินหนีด้วยความหงุดหงิดหัวใจเป็นทุนเดิม ทว่า เสียงที่ดังไล่หลังทำให้ต้องชะงักฝีเท้าที่ก้าวเดิน
"คุณเตคงไม่รู้ คุณไหมกับคุณปาล์มแอบคบกันอยู่แน่ๆ วันนี้
เหมียวเห็นคนกอดกันด้วย เข้าไปอยู่ในห้องกันสองต่อสองเป็นนานสองนาน ถ้าเป็นแค่เพื่อนกัน คงจะไม่ทำอะไรลับๆ ล่อๆ จริงมั้ยคะ"
".....!"
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือไม่ แต่นั่นก็กระตุกหัวใจคนฟัง
ให้จี๊ดขึ้นมาได้ ชายหนุ่มแค่นหัวเราะออกมาราวได้ฟังเรื่องตลก กลบเกลื่อนใจที่กำลังลุกโชนด้วยไฟที่ลดาภาเป็นคนจุดมันขึ้นมา
"แค่นี้น่ะเหรอที่เธอจะบอก...แล้ว...มันแปลกตรงไหนกันล่ะฮึ...แปลกตรงไหนถ้าสองคนนั้นจะรักกันขึ้นมาจริงๆ"
เขาเอ่ยในสิ่งที่ความจริงแล้วแสนปวดใจ ทว่าต้องแสดงถึงความเฉยเมยออกมา ไม่อยากให้ใครรู้ว่าความจริงแล้วม่านไหมกับเขานั้นเป็นอะไรกัน
"คุณเต...ไม่...รู้สึกอะไรจริงๆ เหรอคะ"
"เธอบอกว่าสองคนนั้นกอดกัน กอดกันระดับไหนล่ะฮึ หรือถ้าจะถึงขั้นกอดจูบลูบคลำจนถึงขั้นเข้าคลุกวงใน ก็ไม่เห็นจะต้องวิ่งเอามาฟ้องฉันก็ได้นะ มันดูไร้สาระเป็นบ้าจนฟังดูคล้ายสาระแนเรื่องชาวบ้านเลยนะเหมียว"
ลดาภานิ่งอึ้ง จากที่คิดว่าเขาจะโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วก็นำมันไปลงกับม่านไหม ให้เขามองอีกฝ่ายในแง่ลบ แต่เปล่าเลย ทุกอย่างกลับตาลปัตรไม่เป็นอย่างที่หวัง...ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย หล่อนไม่รู้เลยว่าเขาซ่อนความรู้สึกใดเอาไว้บ้าง
"แค่นี้ใช่มั้ย จะไปทำอะไรก็ทำ ทีหลังไม่ต้องเอาเรื่องแบบนี้มาบอกฉันแล้วนะ ไร้สาระชะมัด"
พูดจบแล้วก็เดินหัวเสียหนีไป...เปล่า เขาไม่ได้หัวเสียเพราะมันคือเรื่องไร้สาระ ทว่าใจนั้นกำลังเต้นเร่าสั่นไหว ตอกย้ำความรู้สึกส่วนลึกที่ไม่อาจหลอกตัวเองได้...เขารักม่านไหม รักตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นไม่อาจตอบตัวเองได้เลย
"แอบทำผิดแล้วมาเดินชมนกชมไม้เรอะ แม่ตัวดี!"