Chapter 4
วัน ไนท์ แสตนด์ (2)
เช้าวันใหม่ที่เป็นวันหยุดอันแสนสบายของใครหลายคน แสงจากด้านนอกที่ช่วยให้ภายในห้องส่องสว่าง ปลุกคนบนเตียงให้ลืมตาตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล...เสียงสูดปากเบาๆ ดังเล็ดลอดเรียวปากซีดเซียว ความทรมานมาเยือนเมื่อยามเจ้าหล่อนขยับกายเพื่อเปลี่ยนท่านอน ศีรษะที่หนักอึ้งมึนงงมาพร้อมกับอาการเจ็บร้าวระบมตรงกลางกายจนน้ำตาซึม...ม่านไหมนอนนิ่งทบทวนถึงความทรงจำที่ขาดๆ หายๆ ความเมาทำให้ลำดับเหตุการณ์เมื่อคืนแทบไม่ได้เหมือนภาพถูกตัดฉับ เรื่องจริงหรือแค่ฝัน...หล่อนเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ พยายามฝืนเปิดเปลือกตาแสนหนักอึ้งเพื่อมองไปรอบๆ ทว่ามันช่างทำได้ยากเย็นเหลือเกิน
หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตอบตัวเองไม่ได้ทำไมจึงยอมให้เขาคนนั้นกระทำย่ำยีจนหมดแรงที่จะขัดขืน หล่อนยอมเขาอย่างง่ายดายเพียงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์พาไป จำได้เพียงแค่ว่าหลังสังเวียนรักร้อนเร่าจบลงเพราะเขาตักตวงหาความสุขจนพอใจ หล่อนก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียผสานความเมา...ม่านไหมคิดโทษตัวเองไปพร้อมกัน หากหล่อนไม่กินเหล้าจนสติขาดหาย ก็คงจะไม่ต้องมานอนร้องไห้ด้วยความเสียดายอย่างเช่นตอนนี้
ต้องรีบไปจากที่นี่..นั่นคือความคิดแวบแรกหลังสติสัมชัญญะกลับมา ไม่มีเวลามานอนคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร หล่อนอายเกินกว่าจะไปร้องแรกแหกกระเชอกับใครได้ ร่างเปลือยเปล่าร้าวระบมฝืนพลิกกายนอนหงายอย่างยากเย็น...มือที่ปัดป่ายไปโดนกับผิวกายของใครบางคน พลันความเจ็บปวดก็มลายหายไปกลายเป็นความตระหนกตกใจมาแทนที่ หญิงสาวผลุนผลันลุกนั่งแล้วหันไปมองตรงนั้น...ผู้ชายที่หล่อนนอนอยู่ด้วยทั้งคืนไม่ใช่ใคร เมื่อได้เห็นหน้าคนที่กระทำย่ำยีกันเมื่อคืนใจต้องหล่นวูบไปกองอยู่บนพื้น มันมาพร้อมร่างกายที่ชาวาบราวถูกสายฟ้าฟาด ความตกใจทำให้หล่อนนั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก แววตาคู่สวยสั่นระริกยามจับจ้องมองไปยังคนที่หลับใหล ลมหายใจที่ยังคงสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าคงอีกนานกว่าเขาจะฟื้นจากอาการเมามายจนไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนนั้นได้ทำอะไรลงไป
‘อาเต...มัน...ไม่จริงใช่มั้ย...’
หล่อนเฝ้าถามตัวเอง ก้มลงมองร่างกายที่เปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มอุ่น พยายามคิดว่านั่นคือฝันไป ทว่า...ความร้าวระบมที่เขาฝากเอาไว้ก็ย้ำเตือนว่าอะไรเป็นอะไร เพียงเท่านั้นความเสียใจก็ถาโถมกินลึก หยาดน้ำตาที่ไม่อาจเก็บกลั้นก็หลั่งไหลพรั่งพรู สมองที่กำลังสับสนหนักต่างคิดซ้ำไปซ้ำมา...เขาเข้ามานอนที่ห้องนี้ได้อย่างไร
‘ไหมขอโทษ…ขอโทษนะอามุก...ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เลย’
ความรู้สึกผิดแล่นพล่านกัดกินใจโดยพลัน แม้คุณอาของตนกับเขายังไม่เผยถึงสถานะที่ชัดเจนให้สังคมได้รู้ แต่หล่อนก็รู้ดีว่าทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน คือความรู้สึกที่มากกว่าคนรู้จัก ไม่เรียกว่ารักแล้วจะเรียกว่าอะไร...แล้ว...จะยืดอกบอกออกไปได้อย่างไรว่ามีสัมพันธ์รักลึกซึ้งกับผู้ชายที่คุณอาของตนมีใจให้ ม่านไหมคิดด้วยความร้าวรวดขณะผลุนผลันลงจากเตียงเพราะส่วนลึกร้องสั่ง...หล่อนต้องรีบไปจากที่นี่ก่อนเขาจะตื่นขึ้นมา และเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ มันจะยังคงเป็นความลับต่อไป ให้ความลับนี้มันตายไปพร้อมกับเธอ
‘ไม่ต้องอายนะไหม...อย่างน้อย...ก็ยังดีกว่าท้องไม่มีพ่อ...พ่อกับแม่คงอับอายถ้าเราท้องตอนเรียน’
ที่หน้าร้านขายยา ม่านไหมยืนละล้าละลังไม่กล้าเดินเข้าไป ไม่เคยมีประสบการณ์และไม่รู้ด้วยซ้ำเขากินกันอย่างไร และหล่อนไม่รู้เลยเมื่อคืนเขาป้องกันหรือไม่ เพื่อไม่ให้อนาคตต้องสูญสิ้น การป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องที่แวบเข้ามาในหัวของเด็กสาวอายุสิบเจ็ด...นั่นคือสิ่งที่แสนอดสูในหัวใจม่านไหม เมื่อต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายที่แฟนก็ไม่ใช่ ซ้ำหล่อนยังเรียนอยู่มอปลาย ถ้าที่บ้านรู้ว่าลูกสาวทำตัวเหลวแหลกก็คงจะตรอมใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งคิดใจยิ่งสั่นสะท้านไหว นึกสงสารคนที่ทำงานงกๆ ส่งลูกสาวเรียนเพื่อที่จะได้มีอนาคตที่ดี
"เอายาอะไรจ๊ะ"
"มา...เอ่อ...ซะ...ซื้อยา...ยาคุมค่ะ"
ม่านไหมกระอึกกระอักเพราะนึกอายสายตาของเภสัชกร หากอีกฝ่ายรู้ว่าหล่อนยังอยู่ในวัยเรียน ก็คงจะมองด้วยความหยามเหยียด...นั่นคือสิ่งที่ม่านไหมคิดและกลัวไปเอง
"แบบชั่วคราว หรือรายเดือน แบบยี่สิบเอ็ดหรือยี่สิบแปดดี"
"คือ...คือว่าหนูไม่เคยกินค่ะ...พอดีว่า...แฟน...แฟนพลาดเมื่อคืนนี้ ต้องกินแบบไหนดีคะ"
"ถ้าพลาดก็เอาแบบฉุกเฉินไปกิน แล้วก็เอาแบบรายเดือนไปกินป้องกันด้วยก็ดีนะ ถ้ายังเรียนอยู่แล้วมีอะไรกับแฟนบ่อยๆ ก็กินยาป้องกันไปเลย จะได้ไม่ท้องกลางคันให้เดือดร้อนพ่อแม่ต้องมานั่งเลี้ยงลูกให้"
"ค่ะๆ"
ม่านไหมก้มหน้างุดอย่างนึกอับอาย...ในสายตาบางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดากับเซ็กส์ในวัยเรียน แต่สำหรับหล่อนแล้วมันคือเรื่องใหญ่ เพราะยังมีพ่อแม่ที่รออยู่ข้างหลัง...นับจากนี้ไปหล่อนจะทำตัวใหม่ จะไม่ยุ่งกับแอลกอฮอล์ที่นำพาความเลวร้ายเข้ามาในชีวิต และจะลืมเรื่องที่เคยเสียตัวให้กับเตชินทร์ไปจากใจ ตั้งใจเรียนให้จบปริญญาเพื่อที่จะได้มีงานทำที่ดี หล่อนหวังเอาไว้ พ่อแม่จะต้องสุขสบายเมื่อยามบั้นปลาย หลังจากที่ทำงานมาเกือบทั้งชีวิตเพื่อให้หล่อนและน้องชายมีอนาคตที่ดี...
"อาเต!"
ม่านไหมผวาลุกนั่งพร้อมกับเรียกชื่อเตชินทร์ออกมาสุดเสียง เหลียวมองไปรอบกายที่แสงจากด้านนอกขับไล่ความมืดในห้องให้เลื่อนหลบ...อดีตที่ตามมาหลอกหลอนในห้วงฝันทำให้รอบขอบตาร้อนผ่าว เหลือบมองข้างกาย เตียงนอนตรงกลางที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของสองพ่อลูก ทำให้หญิงสาวผลุนผลันลงจากเตียงเมื่อเริ่มใจคอไม่ดี
ม่านไหมเดินกลับเข้ามาในห้องหลังจากเดินออกไปดูที่นอกระเบียงแล้วไม่พบเตชินทร์กับตรีประดับอยู่ตรงนั้น...บางทีเขาอาจพาลูกสาวไปเดินเล่นสูดอากาศยามเช้าข้างล่าง คิดพลางรีบเข้าห้องน้ำจัดการกับธุระส่วนตัวให้เสร็จสรรพ รู้สึกไม่คุ้นชินกับการตื่นมาตอนเช้าแล้วไม่ได้เป็นคนอุ้มลูกเป็นคนแรก ความรู้สึกคล้ายๆ กับกำลังจะถูกพรากดวงใจไปจากร่าง ถ้าเขาทำเช่นนั้นจริงๆ หล่อนไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ เพราะความผูกพันมีมากเกินจะแยกจากกันได้ง่ายๆ เสียแล้ว
ใต้ร่มเงาซุ้มหลังคาพวงชมพูออกดอกสะพรั่ง...เขานั่งอยู่ตรงนั้น บนตักคือเจ้าของความน่ารักน่าชังที่หล่อนกำลังตามหา หญิงสาวเดินผ่านต้นชบาที่กำลังออกดอกหลากสีสันตรงเข้าไปหาสองพ่อลูกที่กำลังนั่งชมนกชมไม้กันอยู่สองคน อยากหอมอยากกอดร่างน่าฟัดใจจะขาด รู้ตัวเองดีว่าแค่ไม่เจอหน้ากันยามลืมตาตื่น หล่อนก็แทบจะคลั่งเพราะความรักที่อัดแน่นจนล้นอยู่ในหัวใจ
ยังไม่ทันจะเดินถึงเตชินทร์ก็หันมาคล้ายกับมีเซ้นส์...ภายใต้รอยยิ้มจางๆ ม่านไหมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ แววตาของเขามันฟ้อง บอกหล่อนให้รู้ว่ามีความไม่สบายใจซ่อนอยู่ในนั้น รอยยิ้มปร่าแปร่งคลี่ส่งกลับไป
"เป็นยังไงบ้าง ค่อยยังชั่วแล้วหรือยัง"
"เอ่อ...ดีขึ้นแล้วค่ะ" หล่อนโกหกคำโต อาการแพ้ท้องถ้าลองได้เกิดขึ้นกับคนนั้นแล้ว กว่าจะหายไปเองก็ล่วงเข้าหลายเดือน
"อืม...เธอต้องพักผ่อนบ้างนะไหม ว่างๆ ก็ไปตรวจร่างกายเสียบ้าง บางทีโรคภัยมันก็ชอบมาเยือนแบบไม่มีสัญญาณเตือนเหมือนกัน"
แค่ถ้อยคำสื่อถึงความเป็นห่วงเป็นใยไม่กี่คำ แต่ก็สามารถทำให้คนฟังอิ่มเอมอยู่ในหัวใจ...อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่า ภายใต้ท่าทีที่ทำเหมือนไม่รักไม่แคร์ เหยียบย่ำใจกันสารพัด แท้จริงแล้วเขาเป็นห่วงเธอ
"เมื่อคืนไหมหลับยาวเลย...อาเต...เป็นคนตื่นมาให้นมน้องเหรอคะ"
"อืม..."
"แล้วทำไมไม่ปลุกไหม เขายอมดูดนมจากขวดด้วยเหรอคะ"
"ก็ต้องหัดให้คุ้นชินได้แล้ว เมื่อคืนก็ปล้ำกันอยู่นาน กว่าแกจะยอมดูดจุกนมก็เล่นเอาซะเหนื่อย แต่สุดท้ายก็ยอมจนได้ สงสัยจะหิวทนไม่ไหว"
"น่าสงสารนะคะ อาเตคงปล่อยให้ร้องจนหมดแรง คงจะผล็อยหลับไปเองเพราะเหนื่อย"
"แต่...ก็ต้องหัดเอาไว้...เผื่อ...วันข้างหน้าต้องอยู่กันสองคนพ่อลูก จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการที่เขาต้องกินนมชงแทนนมแม่"
".....!"
ราวสายฟ้าฟาดลงกลางใจ มันหมายความว่าอะไรในถ้อยคำนั้น ม่านไหมพยายามสบตาเจ้าของคำพูด ทว่า...เขากลับเบือนหนีไม่มองกันสักนิดเดียว
เตชินทร์เห็นแล้วกับแววตาคู่นั้น ชายหนุ่มขบกรามแน่นเพื่อข่มความรู้สึกที่แท้จริง กดลงไปให้ลึกสุดใจ ภายใต้ท่าทีเข้มแข็งแท้จริงแล้วเขาอ่อนไหวมากมาย แววตาอาลัยอาวรณ์ทำให้นึกสงสาร แต่...ฝันเมื่อคืนยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดในใจ หลังจากนั้นเขาก็ไม่อาจข่มตาหลับได้ยันเช้า นอนคิดมาเกือบครึ่งคืน หากจะให้หลุดพ้นความทรมานจากรักที่ไม่มีวันเป็นจริง เขาและเธอไม่ควรใกล้กัน ความห่างไกลจะช่วยให้รักและผูกพันจางหายไปตามกาลเวลา เขาเชื่อเช่นนั้น นั่นหมายความว่า เขาจะต้องคุยกับม่านไหมให้เป็นเรื่องเป็นราว ด้วยการให้หล่อนยอมไปจากที่นี่เพื่อตัดปัญหาทุกอย่างให้จบลง
ม่านไหมสูดลมหายใจให้ลึก กลั้นใจเอ่ยถามออกมาด้วยใจที่เริ่มสั่นจนสัมผัสได้ถึงกายที่สะท้านไหว มาพร้อมอาการในหัวอื้ออึง
"อาเต...กำลังจะสื่ออะไร...พูดออกมาแบบนี้ หมายความว่ายังไงคะ"
"ไหม...เราควร...ควรที่จะคุยกันเรื่องอนาคตแบบจริงจังเสียที"
"....."
ม่านไหมนิ่งเงียบ คาดเดาความคิดของเขาไม่ออก เพราะเขาเปลี่ยนไปวันละหลายหน เมื่อคืนทำดีด้วย เช้ามาก็กลับกลายเป็นหมางเมินเย็นชาจนหล่อนตามไม่ทัน
"อากำลังคิดว่า...จะหาพี่เลี้ยงสักคน...เพื่อมาเลี้ยงม่านมุก...หรือไม่ ก็ส่งไปอยู่กับคุณย่า...ที่...สุราษฎร์"
"ทำไมคะอาเต ไหมเลี้ยงเขาไม่ดีตรงไหน ไม่ถูกใจอะไรก็ขอ ให้บอก ทำไมต้องให้คนอื่นมาเลี้ยงน้อง บอกตามตรงนะคะ ใครจะมารักน้องได้เท่ากับความรักของคนที่อุ้มท้องเขามา"
"....."
"อาเตต้องการให้ไหมไปจากที่นี่ใช่มั้ยคะ ก็เลยเริ่มวางแผนหาคนอื่นมาเลี้ยงน้องแทน"
"ถ้าเธอต้องการความจริง...จะพูดอย่างนั้นก็ถูก!"
".....!"
คนพูดใจสะท้าน มันอาจฟังดูใจร้ายและเลือดเย็นสิ้นดี กับการขับไล่ไสส่งให้หล่อนไปจากตรงนี้ แต่...เขาไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้อีกแล้ว จึงควรรีบตัดไฟแต่ต้นลม ก่อนจะถลำลึกรักเธอจนไม่อาจถอนตัว หากเป็นเช่นนั้นความผิดบาปคงจะติดตัวไปจนวันตาย
"จริงๆ เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ เราไม่ควรใกล้กันแบบนี้..เธอก็รู้ว่า..."
ไม่ทันพูดจบ คนฟังก็แทรกตัดบทด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"เข้าใจแล้วค่ะ เข้าใจแล้วว่าไหมกำลังเป็นภาระของอาเต เมียก็ไม่ใช่แต่ก็ต้องมาแบกรับค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ไหม...ถ้าอาเตจะคิดแบบนั้น ไหมขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของตัวเองได้มั้ย ขอแค่...ให้ไหมได้อยู่กับม่านมุก...นะคะอาเต...ไหมขอร้อง"
หล่อนพอมีเงินเก็บอยู่บ้างเพราะตอนเรียนอาศัยทำงานพาร์ทไทม์ไปพร้อมกัน การที่หล่อนเป็นคนไม่เที่ยวเตร่ เงินสำรองจึงยังนอนอยู่ในบัญชีพอให้ใจชื้น แต่...นั่นไม่ใช่ความคิดที่แท้จริงของเตชินทร์ หล่อนไม่ใช่ภาระสำหรับเขาเลยสักนิด เขาสามารถเลี้ยงดูหล่อนได้ไม่ลำบาก แต่เพราะมีเหตุให้ทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเขาคว้าม่านไหมมาทำเมียออกหน้าออกหนา คำติฉินนินทาคงจะมีแว่วมาให้ได้ยินแน่นอน
"ไหมทำใจไม่ได้ถ้าต้องไปเพียงลำพัง อาเตคงไม่ใจร้าย ทำกับไหมแบบนั้นใช่มั้ยคะ"
"เธอจะเอาเงินที่ไหนมารับผิดชอบค่าใช้จ่าย มีงานทำแล้วเหรอฮึ! ถึงยื่นข้อเสนอแบบนี้"
เพียงเท่านั้น หยาดน้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจก็หลั่งไหลพรั่งพรู จนเตชินทร์ต้องเบือนหน้าหนีเพราะเขากลัวใจตัวเองเหลือเกิน
"ก็แล้วเพราะอะไรคะชีวิตไหมถึงเป็นแบบนี้!"
หล่อนโพล่งออกมาแล้วสะอื้นร่ำไห้...กับความจริงที่ชายหนุ่มเถียงไม่ขึ้น ม่านไหมถูกลากเข้ามาในวังวน ติดอยู่ในบ่วงที่เขาและมุกประดับสร้างขึ้น มัดหล่อนเอาไว้จนหมดโอกาสที่จะเดินไปบนเส้นทางที่มีดอกไม้โรยไว้รอ
"อาเตก็รู้อยู่เต็มอก ไหมต้องเตรียมตัวตั้งแต่เรียนอยู่ปีสุดท้าย ต้องพบแพทย์ ต้องกินยาบำรุงมากมายเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเป็นแม่อุ้มบุญ...จบออกมายังไม่ทันหางานทำก็ต้องมาตอบแทนบุญคุณของคุณอา ต้องอุ้มท้องทั้งที่ชีวิตยังมีอะไรให้ทำอีกมาก...เป็นงานที่ไม่มีค่าจ้างเพราะไหมรักคุณอาจึงยอมทำให้ทุกอย่าง แต่...ผลสุดท้ายชีวิตไหมเหลืออะไร งานก็ยังไม่มีทำเป็นหลักแหล่ง ซ้ำร้ายอาเตก็จะพรากเขาไปจากอกไหมอีก ถ้าจะให้พูดความจริง เขาเกิดมาได้เพราะไข่ของไหม เพราะฉะนั้น เขาจึงเป็นลูกของไหม แล้วไหมก็ทำใจไม่ได้ถ้าต้องทิ้งลูกไว้กับอาเต...แต่...ถ้าอาเตยืนยันว่าต้องการไล่ไหมไปอยู่ที่อื่น ไหมก็ขอให้อาเตยอมอนุญาตให้ม่านมุกไปกับไหม...นะคะ...สงสารไหมเถอะนะคะ จะต้องให้ก้มกราบก็ยอม"
"ม่านมุกไปกับเธอไม่ได้ งานก็ยังไม่มีทำแล้วจะเอาอะไรมาเลี้ยงลูก เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่ามั้ย อาคงไม่ปล่อยให้แกไปอยู่อย่างลำบากแน่...คิดใหม่นะไหม ไปจากที่นี่เพื่อเริ่มต้นใหม่ หางานที่เหมาะสม อนาคตเธอยังอีกไกล อย่าเอาชีวิตมาจมปลักอยู่ที่นี่เลย"
หลังจากเอ่ยถ้อยคำทำร้ายหัวใจตัวเองออกมา เขาจึงได้รู้ว่ามันเจ็บกว่าที่คิดเอาไว้หลายเท่า...เขาซึ่งจองจำใจของหล่อนเอาไว้ด้วยสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกาย ทำใจไม่ได้หากจะเปิดกรงให้นกแสนรักโบยบินไปสู่โลกกว้าง แต่ในวันนี้เขากลับทำในสิ่งสวนทางความรู้สึก เพียงเพราะอยากหลุดพ้นความทรมานจากการทำร้ายหัวใจมุกประดับ ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนทุกคืนวัน เขาเป็นคนลงทัณฑ์ฆ่าความรู้สึกของภรรยาจนกลายเป็นความผิดบาปในใจที่พยายามลบเท่าไหร่แต่ก็ไม่มีวันเลือนหายไปได้เลย
"แล้วที่อาเตนอนกับไหมคืออะไร...พอเบื่อกันแล้วก็เขี่ยทิ้งเพื่อชิ่งไปหาคนใหม่ ไม่รักไม่ว่า แต่ทำไมใจร้ายกับไหมแบบนี้ ฮือๆ"
"ถ้าอย่างนั้นเธอควรรู้เอาไว้ ผู้ชายสามารถนอนกับใครก็ได้โดยไม่ต้องมีเรื่องหัวใจมาพัวพัน...เธอก็มีค่าแค่...ที่ระบายเวลาเมาเท่านั้นแหละ ม่านไหม!"
"อาเต!"
หัวใจคนฟังปวดแปลบ ถ้อยคำฆ่าความรู้สึกไม่ต่างไปจากเขาใช้มีดปักลงกลางใจเพื่อฆ่ากันอย่างเลือดเย็น ฝันเรื่องอดีตอันไม่น่าจดจำเมื่อคืนผุดขึ้นมาหลอกหลอน ตอกย้ำว่าเขาเป็นคนเช่นนั้น กับความสัมพันธ์เพียงคืนเดียวที่ไม่มีความรักมาข้องเกี่ยว...ในขณะที่เตชินทร์ตัดใจอุ้มลูกเดินหนีด้วยใจที่เจ็บลึก มันคือความใจร้ายที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้หล่อนทนไม่ได้จนยอมทิ้งเขาไป เขาไม่มีค่าพอที่ จะให้หล่อนมารัก...จากกันเพื่อเยียวยาหัวใจ ยังดีเสียกว่าการอยู่ใกล้แต่ยิ่งเจ็บ และเขาก็ได้แต่หวังว่า ม่านไหมจะได้พบเจอกับคนที่ดี...ชีวิตของเธอจะต้องดีกว่าอยู่กับเขาแบบไร้อนาคตแน่นอน