Chapter 3 บ่วงสวาท (2)
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นกลางดึก ปลุกคนที่นอนหลับใหลให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา...เตชินทร์ผวาลุกนั่งแล้วรีบกดรีโมทเปิดไฟ เป็นช่วงเวลาที่มุกประดับลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี หล่อนมีสีหน้าตื่นตกใจไม่ต่างกัน
"ใคร?"
"ไหมหรือเปล่า หรือว่า!"
มุกประดับยกมือทาบอก ด้วยอายุครรภ์ที่ล่วงเข้าเดือนที่แปดทำให้หล่อนคิดไปไกล ทว่าอาการป่วยไข้ทำให้ศีรษะหนักอึ้งลุกไม่ขึ้น เตชินทร์เป็นฝ่ายผลุนผลันลงจากเตียงแล้วรีบเดินไปเปิดประตู...ม่านไหมยืนตัวงอพร้อมสีหน้าที่สื่อถึงความเจ็บปวด โอดครวญออกมาเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน
"อาเต...ไหมปวดท้อง มัน...ปวดหน่วงๆ บอกไม่ถูก"
"ปวดยังไงไหม ไม่ใช่ว่าจะคลอดนะ"
"บอกไม่ถูกค่ะ แต่...อยู่ดีๆ ก็มีไข้ อาเต...ช่วย...พาไหมไปโรงพยาบาลได้มั้ยคะ"
การที่หล่อนบอกปวดหน่วงๆ ทำให้เตชินทร์เริ่มหวั่นวิตก เขาคงต้องรีบพาม่านไหมไปโรงพยาบาล ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นจนทั้งแม่และเด็กได้รับอันตราย หากม่านไหมเป็นอะไร นั่นหมายถึงลูกของเขาก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย...ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มรีบเดินไปบอกภรรยาที่กำลังค่อยๆ ยันกายลุกนั่ง พิษไข้ที่รุมเร้าทำให้ตัวรุมๆ และปวดศีรษะจนไม่มีแรงที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย
"ไหมเป็นอะไรเหรอคะ"
"ปวดท้องน่ะ คงต้องรีบพาไปโรงพยาบาล"
ชายหนุ่มเหลือบมองคนที่ยังไม่หายจากอาการป่วยไข้ด้วยแววตาวิตกกังวล คิดเอาไว้ว่าคงต้องไปปลุกลออให้มาอยู่เป็นเพื่อนตอนที่เขาพาม่านไหมไปโรงพยาบาล
"คุณอยู่คนเดียวได้หรือเปล่ามุก ให้ไปเรียกป้าแมวมานอนด้วยมั้ย"
คำถามเหมือนรอคำตอบหากแต่ว่าเจ้าตัวกลับเดินไปหยิบกุญแจรถและกระเป๋าสตางค์อย่างรีบรน...มุกประดับรีบส่ายหน้าปฏิเสธ สื่อให้เขารู้ว่าอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องกังวล
"มุกอยากไปด้วย เป็นห่วงไหมจังเลย แต่...มุกปวดหัวมากๆ เลยตอนนี้ คงต้องรบกวนคุณช่วยเป็นธุระแล้วล่ะค่ะเต"
"คุณนอนพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะยิ่งทรุดไปกันใหญ่ กินยาอีกเม็ดแล้วก็นอนหลับต่อเถอะนะ ส่วนเรื่องไหม เดี๋ยวผมจัดการเอง"
ชายหนุ่มผลุนผลันเดินออกไปอย่างรีบรน...เสียงปิดประตูกั้นโลกภายในและภายนอกเอาไว้ บรรยากาศกลับมาสู่ความเงียบงันเมื่ออยู่เพียงลำพัง มุกประดับกินยาแก้ไข้ซ้ำไปอีกเม็ดแล้วเอนกายลงนอนห่มผ้า...ในห้วงความคิดแสนฟุ้งซ่าน หล่อนเห็นแล้วกับแววตาของเขา การแสดงออกของเขา ความเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้า ยิ่งตอกย้ำความเชื่อที่ว่าระยะหลังมานี้สามีตนเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ได้เห็นพัฒนาการของทารกน้อยในครรภ์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ดูเขาจะเอาใจม่านไหมเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ไม่เว้นแม้กระทั่งการไปตรวจตามนัดที่เขาจะเป็นฝ่ายพาไปด้วยตนเอง
ทว่า...หล่อนไม่โทษใคร หล่อนผิดเองที่มีลูกให้เขาไม่ได้ หลายคนที่รู้จักมักจบชีวิตคู่ด้วยการเลิกรา เหตุเพราะสามีปันใหญ่ให้ผู้หญิงคนใหม่ที่พร้อมจะมีลูกให้ เหตุนี้หล่อนจึงตัดสินใจใช้วิธีอุ้มบุญ คิดมาถึงตรงนี้มุกประดับพยายามข่มตาให้หลับใหล สลัดความคิดที่ประเดประดังอันมาจากลมปากของใครหลายคนให้หล่อนระวังตัว...มันคือเรื่องละเอียดอ่อนที่แสนเปราะบาง หลายคนเตือนว่าให้หล่อนคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจให้ผู้หญิงคนอื่นอุ้มท้องแทนตน
ที่หน้าห้องฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ประคองม่านไหมให้ขึ้นไปนอนบนเตียงเพื่อเข็นเข้าไปด้านใน เตชินทร์ก้าวเดินเร็วๆ ไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ อุ้งมือแกร่งบีบกระชับแนบแน่นอยู่กับมือนุ่มชื้นเหงื่อ สีหน้าที่สื่อถึงความเจ็บปวดของคนท้อง ทำให้ความเป็นห่วงถาโถมกินลึกเข้ามาในใจ
"ไม่เป็นอะไรนะไหม ถึงมือหมอแล้ว"
เขาพาหล่อนเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เสียงปลอบโยนแทรกลึกเข้ามาในหัวใจที่กำลังตื่นกลัว ม่านไหมบีบกระชับอุ้งมือแกร่งเอาไว้ ไข้ที่ขึ้นสูงมาพร้อมอาการปวดหน่วงทำให้ความกลัวตายแล่นพล่านอยู่ในหัว...วินาทีที่กำลังสบตากับเขา เสียงเจ้าหน้าที่ก็ดังแทรกขึ้น
"ญาติรอข้างนอกนะคะ"
"แต่ผมเป็นพ่อเด็กนะครับ ขอผมเข้าไปอยู่กับเธอ"
"มีอะไรจะเรียกนะคะ เดี๋ยวญาติไปทำประวัติคนไข้ได้เลยค่ะ"
"อาเต...ไหม..."
"ไหม..."
ชายหนุ่มมองตามเตียงที่ถูกเข็นเข้าไป ก่อนที่บานประตูจะค่อยๆ ปิดกั้นเขาและหล่อนเอาไว้ ความหวาดกลัวผสานวิตกกังวลวิ่งวุ่นอยู่ในหัว เขาเดินพล่านไปมาอยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วงม่านไหมจับใจ...
"มุก!"
เตชินทร์ทะลึ่งพรวดลุกนั่ง...รอบกายของเขามืดมิดเห็นเพียงเงาเรือนรางทุกสิ่งอย่างภายในห้อง มือข้างขวายกขึ้นทาบบนอกข้างซ้ายแล้วเหลียวมองไปรอบกาย ใจของเขาเต้นแรงจนแทบกระเด็นกระดอนออกมาข้างนอก...เพียงปลายนิ้วกดเปิดโคมไฟที่ฝังอยู่กับผนังตรงหัวเตียง เขาจึงตั้งสติได้ว่านั่นก็แค่ฝันไป สิ่งบ่งบอกว่าภาพตรงหน้าคือความจริงนั่นคือทารกน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงกลาง ม่านไหมขยับไปนอนชิดขอบเตียงอีกฟาก หล่อนคงกลัวว่าลูกสาวของเขาจะตกเตียง จึงให้นอนกลางเพื่อความปลอดภัย
'ฝันถึงมุกเหรอเนี่ย...หรือว่า...เธอ...’
เขาฝันไปถึงอดีตที่ม่านไหมเข้าโรงพยาบาลในช่วงท้องแก่เพราะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในห้วงความคิด เขาไม่อาจทนนอนต่อไปได้ ชายหนุ่มพาร่างลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น...ไม่มีเบียร์หรือไวน์เย็นๆ ให้ดื่มแก้กลุ้ม น้ำเปล่าถูกรินใส่แก้วจนเต็ม ก่อนเขาจะกรอกมันลงคอรวดเดียวจนแทบลืมหายใจ
หันกลับไปที่เตียง ม่านไหมยังคงหลับใหลดำดิ่งสู่ห้วงฝัน เขาไม่อาจปฏิเสธส่วนลึกร้องสั่ง นึกเป็นห่วงถึงอาการที่เป็นเมื่อช่วงหัวค่ำ ร่างสูงเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง โน้มกายลงไปแล้วใช้มือสัมผัสไปตามหน้าผากและพวงแก้ม อุณหภูมิของร่างกายที่ยังคงปกติ ทำให้เสียงผ่อนลมหายใจดังแผ่ว มันมาจากความวิตกกังวลที่น้อยลงไป อย่างน้อยก็ไม่มีอาการแทรกซ้อนอย่างที่เขากังวล
สักพักเสียงบางอย่างก็ดังมาจากกลางเตียง มองเลยไปก็เห็นว่าร่างน้อยๆ เริ่มขยับกายยุกยิก มาพร้อมเสียงที่บอกให้รู้ว่าตื่นมาหิวนมอีกครั้ง แววตาคมกล้าเหลือบดูเวลาที่ผนัง บอกให้เขารู้ว่าล่วงเข้าตีสองในอีกไม่กี่วินาที
ด้วยสัญชาตญาณ ชายหนุ่มรีบเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบนมที่ฟรีซไว้ออกมา ก่อนจะนำไปแช่ในน้ำร้อนที่กดออกมาจากกระติกเพื่อเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน เขาไม่อยากปลุกม่านไหมที่กำลังหลับสนิท คุณพ่อมือใหม่ที่กำลังปรับตัวเมื่อสถานการณ์บีบบังคับ จึงดูขัดๆ เขินๆ อยู่บ้างจากความไม่คุ้นเคยที่ต้องตื่นมาให้นมลูกในช่วงเวลาที่หลายคนกำลังอยู่ในห้วงนิทรา
'ต้องบังคับให้ดูดจากขวดให้ได้ เพราะ...ถ้า...ไม่มีไหม...เราจะทำยังไง...’
ในห้วงความคิดที่หวาดกลัวไปถึงอนาคต สองมือประคองนางฟ้าตัวน้อยของเขามาไว้ในอ้อมกอด เอนหลังพิงหมอนที่ซ้อนกันเอาไว้ ขวดนมถูกนำมาจอจ่อรอให้อุ้งปากเล็กดูดกลืน เขารีบยัดจุกนมใส่ปากก่อนที่เจ้าตัวจะหิวจัดจนพยศไม่เอาอะไรเหมือนช่วงก่อนเข้านอนที่ทำซะเขาอ่อนใจ เดือดร้อนคนไม่สบายต้องฝืนทนนอนให้นมจนผล็อยหลับไป...เหลือบมองไปข้างกาย สายตาเขาหยุดนิ่งอยู่ตรงกลีบปากอิ่มที่ได้ลิ้มลอง แพขนตาที่หลุบต่ำยามหลับสนิท ทว่า...ใกล้ก็เหมือนไกล ระยะห่างของความสัมพันธ์มีกำแพงคอยขวางกั้นเอาไว้ ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ เขาเชื่อแล้วว่ามันมีอยู่จริง
ทว่ามันไม่ง่ายเลยกับการเลี้ยงเด็ก ลูกสาวของเขาก็ยังคงไม่คุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมที่ถูกยัดใส่ปาก เมื่อไม่ได้ดั่งใจเสียงร้องพยศก็เริ่มจะดังหนักขึ้น จนเขาต้องตัดสินใจเดินออกไปปลอบประโลมกันนอกห้อง เพราะกลัวว่าเสียงร้องจะปลุกม่านไหมให้ตื่นขึ้นมา
ภายใต้แสงไฟสลัวสาดส่องที่กลางโถง เสียงร้องมาพร้อมกับการที่เตชินทร์พยายามจะสร้างความคุ้นชินในการดูดนมจากขวด แต่ลูกสาวของเขายังคงไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด เขากำลังคิดอย่างกลัดกลุ้ม ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่แคล้วจะต้องปลุกคนไม่สบายให้ตื่นมาให้นม ไม่อย่างนั้นความหิวจะทำให้เสียงร้องยิ่งดังหนักขึ้นอย่างแน่นอน
++++++++