บทที่ 4/3
“พี่สาว!”
เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังก่อนที่เฉินหลิงเว่ยจะรับรู้ถึงแขนเล็กๆ ที่โอบรอบเอวนาง ใบหน้ากลมคล้ายซาลาเปาเงยขึ้นสบดวงตานางด้วยความสดใส
“อาหมิง เจ้า... เจ้ามาได้อย่างไร”
แน่นอนว่าจ้าวลู่หมิงย่อมไม่มีทางมาคนเดียวอย่างแน่นอน เบื้องหลังเขายังมีบิดาเจ้าเล่ห์และผู้ติดตามอีกสามคนมาด้วย เพียงแต่เฉินหลิงเว่ยยังไม่ทันเอ่ยปากตำหนิบิดาเจ้าซาลาเปาน้อย แขนเล็กก็กระชับแน่นขึ้นเอ่ยวาจาออดอ้อน
“อาหมิงมาทวงสัญญา พี่สาวท่านลืมสัญญาของเราแล้วหรือ”
“สัญญา...”
“เจ้าสัญญากับอาหมิงว่าจะทำขนมเฉียวกัวให้เขากิน ลืมแล้วหรือ”
เฉินหลิงเว่ยตวัดสายตามองไปยังบุรุษตัวโตด้านหลัง รอยยิ้มอบอุ่นส่งมาให้นางพร้อมกับท่าทางนิ่งสงบอ่อนโยนยามพบเห็นแล้วชวนผ่อนคลายยิ่งนัก ทว่ายามที่ได้สบกับแววตาของเขาเฉินหลิงเว่ยกลับสัมผัสได้ถึงความเจ้าเล่ห์ในที สมเป็นบิดาเจ้าเล่ห์ของเจ้าก้อนแป้งยิ่งนัก
“อาหมิงเด็กดี ตอนนี้เย็นมากแล้วเจ้ากลับบ้านไปก่อน เอาไว้พรุ่งนี้พี่สาวทำไปให้ที่โรงเตี๊ยมดีหรือไม่”
“เย็นแล้วเดินทางตอนมืดๆอาหมิงกลัว พี่สาวให้อาหมิงกับท่านพ่อนอนค้างที่บ้านท่านได้หรือไม่”
นอนค้างที่เรือน นี่ออกจะมากไปหรือไม่เฉินหลิงเว่ยยิ้มแห้งแม้ในใจขุ่นเคืองเพียงใดก็ไม่อาจดุเด็กน้อยตรงหน้าได้ลงคอ ด้วยรู้ดีว่าวาจาเหล่านี้ล้วนถูกบิดาเจ้าเล่ห์ของเขาสอนสั่งมา
“ปล่อยท่านอาเฉินของข้านะ”
เสียงหวานดังแว่วมาด้านหลังก่อนที่ร่างกลมๆ ของจ้าวลู่หมิงจะล้มลงกระแทกพื้น เฉินหลิงเว่ยเบิกตากว้างมองเด็กน้อยหวังซิงซิงที่วิ่งมายืนกางแขนขวางนางจากจ้าวลู่หมิงด้วยความตกตะลึง
“เจ้ากล้ารังแกท่านน้าเฉินของข้า ข้าจะตีเจ้า”
“ท่านพ่อ! ข้าเจ็บ”
จ้าวลู่หมิงที่ล้มลงกระแทกพื้นยกฝ่ามือที่มีแผลจนเลือดไหลขึ้นดูแล้วร่ำไห้เสียงดัง สติของเฉินหลิงเว่ยพลันกลับคืนมา นางทรุดตัวลงนั่งจับมือเล็กป้อมของเขามาดู ก่อนเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเศษดินแล้วพันแผลให้เขาอย่างรวดเร็ว
“ซิงซิง อาหมิงไม่ได้ทำร้ายท่านน้าเจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว”
“เด็กเกเร เจ้าทำร้ายข้า”
จ้าวลู่หมิงร่ำไห้เสียงดังลั่น พลางยกมือใช้นิ้วกลมป้อมชี้หน้าเด็กสาวพร้อมเอ่ยต่อว่าปนเสียงสะอื้นไห้
“เจ้ากล้าว่าข้า ข้าจะตีเจ้า”
หวังซิงซิงถูกต่อว่าซึ่งหน้าก็พลันมีโทสะในใจ ยกมือเล็กขึ้นกำหมัดแน่นพุ่งเข้าใส่หมายทุบตีเจ้าเด็กปากเสียตรงหน้า เฉินหลิงเว่ยดึงร่างจ้าวลู่หมิงมาแนบอกขณะที่จ้าวเสี่ยวเฟิ่งเร่งสาวเท้าเข้ามาหาบุตรชาย ทว่ายังไม่ทันถึงตัวบุตรของตนเสียงเข้มดุดันก็ดังขึ้น
“ซิงซิงหยุด! อย่าเสียมารยาท เร่งขออภัยคุณชายน้อยเสีย”
“ท่านพ่อ...ท่านดุข้า!”
เฉินหลิงเว่ยแทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ เมื่อเด็กน้อยหวังซิงซิงทรุดตัวลงนั่งร่ำไห้อีกคน ส่วนจ้าวลู่หมิงที่ก่อนหน้าร่ำไห้เสียงดังยามเห็นเด็กน้อยอีกคนร่ำไห้ดังกว่าตนน้ำตาก็พลันเหือดแห้งไปในทันที
จ้าวเสี่ยวเฟิ่งถอนหายใจยาวเดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดเอาความอะไร ด้วยรู้ดีว่าเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดและบุตรชายเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ยามเห็นอีกฝ่ายโดนบิดาดุจนร่ำไห้ในใจก็พลันรู้สึกสงสารขึ้นมา
“เอ่อ... เจ้า... เจ้าหยุดร้องไห้เถิดข้าไม่ว่าเจ้าแล้ว”
จ้าวลู่หมิงช้อนตากลมขึ้นสบตาขอความช่วยเหลือจากเฉินหลิงเว่ย นางถอนหายใจยาวคลายอ้อมแขนของตนจากเด็กชาย ก่อนขยับไปอุ้มเด็กหญิงมาแนบอกกล่าวปลอบประโลมเสียงอ่อนโยน
“ซิงซิงเด็กดีนิ่งเถิด หากเจ้าหยุดร้องไห้วันพรุ่งนี้ท่านน้าจะซื้อขนมมาฝากดีหรือไม่”
“ใช่ๆ หากเจ้าหยุดร้องข้าจะแบ่งขนมให้”
จ้าวลู่หมิงหยิบห่อขนมที่แสนรักออกมาจากอกเสื้อของตนแล้วส่งให้เด็กน้อยตรงหน้า หวังซิงซิงค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองเด็กชายแปลกหน้า น้ำตาค่อยๆ แห้งหายไปยามที่เห็นขนมในมือเล็ก
“เจ้าให้ข้าจริงๆ หรือ”
“อื้ม! เจ้าหยุดร้องไห้เถิด”
หวังซิงซิงพยักหน้ารับคำก่อนค่อยๆ เอื้อมไปรับขนมในมืออีกฝ่ายแล้วยิ้มกว้างให้เขา
“ข้า... ขอโทษ... ที่ผลักเจ้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
จ้าวลู่หมิงพยักหน้ารับคำ ก่อนยิ้มกว้างให้เด็กสาวตรงหน้า
“ไม่เป็นไร เจ้าชอบกินขนมหรือ"
หวังซิงซิงพยักหน้ารับก่อนหยิบขนมใส่ปากจนแก้มสองข้างกลมป่อง จ้าวลู่หมิงมองท่าทางชื่นชอบของนางแล้วก็รู้สึกยินดียิ่งนักเอ่ยเสียสดใสอีกหนึ่งประโยค
"เช่นนั้นวันหน้าข้าจะเอามาให้เจ้าอีก”
ยามเมื่อเห็นว่าสองเด็กน้อยหยุดทะเลาะกันแล้ว เฉินหลิงเว่ยก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ให้นางเข้าสวนปลูกผัก ทำสบู่ เจรจาการค้านางล้วนไม่หวั่น แต่ยามต้องต่อกรกับเด็กๆ ที่ทะเลาะกันเช่นนี้นางอับจนหนทางจริงๆ
“จริงหรือ! เจ้าใจดีมาก ข้าเรียกเจ้าพี่ชายได้หรือไม่”
หวังซิงซิงเอ่ยเสียงสดใสทั้งที่ขนมยังเต็มปากจ้าวลู่หมิงจึงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม หวังเฮ่อเหรินพลันขมวดคิ้วเข้มเอ่ยเสียงดุบุตรีอีกครั้ง
“ซิงซิง!”
“ไม่เป็นไร ได้สาวน้อยน่ารักเช่นนางมาเป็นน้องให้อาหมิงก็ดีไม่น้อย”
จ้าวเสี่ยวเฟิ่งเอ่ยเสียงอ่อนโยนใบหน้าคมมีรอยยิ้มอบอุ่นชัดเจน เฉินหลิงเว่ยรักใคร่เด็กน้อยผู้นี้ดุจบุตรีของตนเอง หากหวังซิงซิงสนิทสนมกับบุตรชายของเขา เช่นนั้นในภายหน้าเขาย่อมเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างมาหานางได้บ่อยครั้ง
“ขอบคุณคุณชายจ้าวที่เมตตาแต่...”
“เช่นนั้นคืนนี้พี่ชายไปนอนบ้านข้านะ บ้านข้ากว้างขวางมาก บ้านท่านน้าเล็กคับแคบนอนแล้วอึดอัด”
“ดีเลย ท่านพ่อเช่นนั้นเราไปขอนอนบ้านน้องซิงซิงกันดีไหมขอรับ”
รอยยิ้มอบอุ่นของจ้าวเสี่ยวเฟิ่งพลันแห้งลงในทันที คำกล่าวเมื่อครู่เขาขอคืนคำได้หรือไม่ จ้าวลู่หมิงเจ้าไม่ควรสนิทสนมกับเด็กหญิงผู้นี้
“บ้านเจ้าก็มีจะนอนบ้านผู้อื่นได้อย่างไร กลับจวน!”
.....................................................................