bc

พระชายาปลูกผัก

book_age16+
1.6K
ติดตาม
5.8K
อ่าน
จบสุข
คนใช้แรงงาน
สาสมใจ
like
intro-logo
คำนิยม

นางเป็นชายาของเปิ่นหวาง ผู้เดียวที่จะลงโทษนางได้คือเปิ่นหวางเท่านั้น

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทที่ 1/1
บทที่ 1/1 เสียงร่ำไห้สะอื้นดังแผ่วเบา เฉินหลิงเว่ยขมวดคิ้วเล็กก่อนจะค่อยๆ ปรือตาตื่นขึ้นแล้วมองดูรอบตัว ที่นี่คือที่ใดกันไยจึงมืดขนาดนี้เปิดไฟหน่อยได้หรือไม่ แล้วนี่ใครกันมาร่ำไห้อยู่ข้างนาง “พระชายา พระองค์ฟื้นแล้ว พี่อี้หลินพระชายาทรงฟื้นแล้ว” เสียงร่ำไห้คร่ำครวญเมื่อครู่แปลเปลี่ยนเป็นร่ำไห้ยินดีในทันที เฉินหลิงเว่ยขมวดคิ้วมองหญิงสาวสองนางตรงหน้าด้วยความสงสัย พวกนางเป็นใคร แล้วพระชายาที่พวกนางเอ่ยถึงคือผู้ใด นางหรือ... “พระชายาเสวยยาขับพิษอีกสักเม็ดเถิดเพคะ” เฉินหลิงเว่ยไม่ทันได้เอ่ยตอบตกลงยาลูกกลอนสีดำก็ถูกส่งเข้าปากนางพร้อมถุงน้ำอีกหนึ่งถุงที่ถูกยื่นมาให้ แม้ยามนี้จะสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่เฉินหลิงเว่ยก็ไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะถูกความกระหายน้ำโจมตีอย่างรุนแรงกว่าจะรู้ตัวนางก็ยกถุงน้ำขึ้นดื่ม กลืนน้ำในถุงหนังสัตว์ตรงหน้าไปครึ่งถุง “พระชายาเร่งหนีไปเถิดเพคะ หาไม่หากพระชายารองสงสัยแล้วส่งคนมาตรวจสอบ เกรงว่าต่อให้องค์เง็กเซียเสด็จมาเองก็คงช่วยพวกเราไม่ได้” หญิงสาวที่ก่อนหน้าเอาแต่ร่ำไห้เอ่ยปากบอกเฉินหลิงเว่ยพร้อมกับประคองนางลุกขึ้นยืน “หนีไปไหน” เฉินหลิงเว่ยเอ่ยถามทั้งที่สองแขนถูกหญิงสาวสองนางประคองวิ่ง แม้นางยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรตนต้องหนี แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ตอนนี้แม้นางไร้ความทรงจำ แต่การที่หญิงสูงศักดิ์เช่นพระชายาถูกวางยาและมานอนไร้สติในสุสานคนไร้ญาติเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องปกติ แน่นอนว่าถ้าเจ้าตัวไม่ก่อเรื่องร้ายแรงก็คงมีคนหมายหัวอย่างแน่นอน “พรุ่งนี้เรือสิ้นค้าจากแคว้นเกาจะออกจากท่า พระชายาทรงเสด็จหนีไปกับเรือสินค้านั่นเถิดเพคะ” “ท่า... ท่าไหน” “ท่าเรือตะวันออกเพคะ” เอ่ยเพียงประโยคเดียวหญิงสาวที่ก่อนหน้าถูกเรียกว่าอี้หลินก็ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แน่นอนว่าเฉินหลิงเว่ยก็ไม่มีแรงถามสิ่งใดอีกเช่นกัน เพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีถูกใช้ไปกับการวิ่งจนหมด จวบจนนางรู้สึกว่าสองขาใกล้สิ้นแรง หญิงสองนางจึงหยุดเท้าลง “เสด็จขึ้นเรือลำนี้ไป เมื่อถึงท่าเรือเมืองเกาทรงเสด็จไปที่หมู่บ้านเถาอี้ นำจดหมายนี้ไปให้หัวหน้าหมู่บ้านเขาจะช่วยดูแลพระชายา รอจนท่านอ๋องกลับมาช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้พระองค์ แล้วหม่อมฉันจะไปรับเสด็จกลับนะเพคะ” ……………………………………… เฉินหลิงเว่ยวางใบหน้าลงบนขอบหน้าต่างเรือ สายลมพัดไอเย็นแห่งสายน้ำเข้ามาปะทะผิวหน้า ดวงตากลมปิดลงแล้วผ่อนลมหายใจยาว ช่างเป็นฝันที่ยาวนานนัก เพราะไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ตนเองพบเจอแบบกะทันหันนี้ได้ ดังนั้นหลายวันมานี้เฉินหลิงเว่ยจึงบอกกับตนเองว่าทุกอย่างที่ตนกำลังพบเจอล้วนเป็นเพียงฝันหนึ่งตื่นเท่านั้น และอีกไม่นานนางก็จะตื่นขึ้นมาเป็นเฉินหลิงเว่ย อาจารย์สาววัยสี่สิบปีเช่นเดิม เพียงแต่ตอนนี้ผ่านมาสามวันแล้วนางไม่ใช่ว่าสมควรตื่นแล้วหรือไร “แม่นาง ข้านำอาหารเย็นมาส่งขอรับ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่หน้าห้อง เฉินหลิงเว่ยเปิดตาขึ้นแล้วถอนหายใจยาวอีกครั้ง เห้อ... ยังไม่ตื่นอีกหรือ เฉินหลิงเว่ยเจ้ากลายเป็นคนขี้เซาวันๆเอาแต่นอนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นับจากที่อี้หลินและน้องสาวของนางส่งเฉินหลิงเว่ยขึ้นเรือมาเฉินหลิงเว่ยก็ได้รับการดูแลอย่างดีแม้อาหารการกินจะธรรมดาแต่ก็ได้ทานครบทั้งสามมื้อ ดังนั้นสามวันนี้เฉินหลิงเว่ยจึงหลบอยู่ในห้องเล็กๆ นี่ตลอดเวลา และใช้เวลาทั้งหมดนั่งที่ริมหน้าต่างเรือและร้องบอกตัวเองให้ตื่นจากฝันประหลาดนี่เสียที “พรุ่งนี้ก่อนฟ้าสางเรือจะเทียบท่า แม่นางโปรดเตรียมตัวให้พร้อม” “ข้าทราบแล้ว ขอบใจเจ้ามาก” เฉินหลิงเว่ยเอ่ยเสียงราบเรียบ นางยังไม่คุ้นชินกับการพูดคุยโดยใช้ถ้อยคำโบราณเช่นนี้ ดังนั้นสงวนคำไว้จะดีที่สุด เป็นเช่นที่ชายผู้นั้นเอ่ยบอกในวันถัดมาเพียงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าเรือก็เทียบท่า เฉินหลิงเว่ยก้าวเท้าลงจากเรือแล้วถอนหายใจยาว แคว้นเกากว้างใหญ่เพียงนี้แล้วหมู่บ้านเถาอี้อยู่ทิศทางใดกัน ดวงตาหวานกวาดตามองไปรอบตัวเห็นร้านบะหมี่เล็กๆ ที่ข้างทางก็พลันยิ้มกว้าง ก่อนพุ่งตรงไปหาแผนที่พูดได้ในทันที “บะหมี่ 1 ชาม” เด็กหนุ่มวัยประมาณยี่สิบต้นๆ เร่งมือทำบะหมี่ในทันที เพราะร้านของเขาเป็นร้านเล็กๆ ดังนั้นน้อยนักที่จะมีลูกค้ามาแวะมานั่งกินดังนั้นเมื่อได้ยินเฉินหลิงเว่ยเอ่ยสั่งบะหมี่เขาจึงไม่รีรอเร่งมือทำสุดชีวิต “บะหมี่ได้แล้วขอรับคุณหนู” แม้เฉินหลิงเว่ยจะแต่งกายธรรมดาแต่ท่าทางและผิวพรรณนั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นให้นางไม่เอ่ยแสดงตัวหรือวางท่าสูงส่ง ภาพลักษณ์ที่แสดงออกมาก็บ่งบอกว่านางต้องมีชาติตระกูลอันดี “น้องชายเจ้าพอจะรู้จักหมู่บ้านเถาอี้หรือไม่”  ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าที่ดูอย่างไรอายุก็ไม่น่าจะเกิน 18 ปีเอ่ยเรียกตนเองว่าน้องชายแล้วนึกขบขันในใจ แต่จะอย่างไรนางก็เป็นลูกค้าเขายอมลดอายุลงมาสักหน่อยจะเป็นไรไป “หมู่บ้านเถาอี้ คุณหนูท่านจะไปทำอะไรที่นั่นหรือขอรับ” “ก่อนหน้านี้มีคนนำที่ดินผืนหนึ่งในหมู่บ้านมาขายให้ข้า วันนี้ข้าจึงอยากไปดูเสียหน่อย” “อ่อ... ท่านเดินขึ้นไปทางเหนือประมาณ 50 ลี้ก็ถึงขอรับ”  50 ลี้ นี่มันเกือบ 25 กิโลเมตรเลยมิใช่หรือไร เอาเถิดตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก นางเดินให้เร็วหน่อยก็คงถึงหมู่บ้านก่อนฟ้ามืดกระมัง “ขอบใจมาก บะหมี่เจ้าราคาเท่าไหร่”  "3 อีแปะขอรับ"  เฉินหลิงเว่ยหยิบเงินวางให้ชายหนุ่มตรงหน้า 1 เหรียญทองแดง ด้วยเงินจำนวนนี้เทียบเท่ากับบะหมี่ 30 กว่าชามเลยทีเดียว ชายขายบะหมี่ตรงหน้าเบิกตากว้าง แล้วเร่งเอ่ยปฏิเสธด้วยเข้าใจว่านางอาจฟังราคาผิด แต่ยามที่เฉินหลิงเว่ยยืนยันจ่ายด้วยราคานี้เขาก็ฉีกยิ้มกว้างยินดี เช่นนี้เขาก็มีเงินจ่ายค่ายาให้มารดาแล้ว   “ขอบคุณ ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณขอรับเช่นนั้นซาลาเปานี่ข้ามอบให้ท่านไว้ทานระหว่างเดินทางนะขอรับ” เฉินหลิงเว่ยไม่ได้ปฏิเสธ ในเมื่อเขายื่นน้ำใจให้นางก็ควรรับไว้ ใช้เวลาร่วมครึ่งวันในการเดินทางในที่สุดก็มาถึงจุดหมายเสียที หลังจากที่ได้พบหัวหน้าหมู่บ้านเถาอี้และมอบจดหมายของอี้หลินให้เขาแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็พานางไปยังที่แห่งหนึ่ง “ไม่คิดว่าอี้หลินจะขายที่ผืนนี้ให้ท่าน มันเป็นที่ดินของบิดานาง อี้หลินนางรักที่นี่มาก แม้ตัวไม่อยู่ก็ยังส่งเงินมาจากให้ข้าดูแล” เฉินหลิงเว่ยไม่ได้เอ่ยต่อให้มากความ นางเพียงรับกุญแจพวงเล็กแล้วไขประตูรั้วเข้าไปด้านใน บ้านของอี้หลินเป็นบ้านหลังเล็กมีเพียงเรือนหลักหนึ่งหลัง ด้านซ้ายมือเป็นเรือนโล่งๆ มุงหลังคาคล้ายว่าก่อนหน้าจะมีการเลี้ยงสัตว์เช่นแพะหรือวัว ส่วนด้านขวามือเป็นห้องเล็กๆคล้ายห้องเก็บของ เมื่อเข้าไปในเรือนก็มีเพียงห้องโล่งๆ ที่มีโต๊ะกลมตั้งอยู่ด้านหน้าฉากกั้น ส่วนด้านหลังฉากกั้นเป็นเตียงนอนและชั้นวางผ้าขนาดเล็ก  เฉินหลิงเว่ยมองดูข้าวของเครื่องใช้ในบ้านที่สะอาดสะอ้านและพร้อมใช้ราวมีคนอยู่อาศัยตลอดเวลาแล้วอดที่จะชื่นชม หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ เขาช่างเป็นคนซื่อสัตย์แม้อี้หลินไม่เคยกลับมาบ้านตรวจสอบ แต่เขาในฐานะผู้ดูแลก็ยังดูแลบ้านของนางเป็นอย่างดี หลังจากสำรวจในตัวเรือนแล้วเฉินหลิงเว่ยก็เดินมายังด้านหลังเรือนที่เป็นที่โล่งกว้างประมาณ 5 หมู่ (1หมู่ (ไร่จีน) = 166.5 ตารางวา หรือ 666 ตารางเมตร) ดูเหมือนเราต้องใช้ชีวิตที่นี่จริงๆ สินะ หลังจากหลอกตัวเองมาหลายวันเฉินหลิงเว่ยก็เริ่มปลงตกว่ายามนี้ตนเองไม่ได้ฝัน แม้ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรแต่เหมือนนางจะข้ามภพมาอยู่ในร่างของพระชายาท่านอ๋องอะไรสักคนที่ถูกสังหารด้วยยาพิษจนสิ้นใจ เอาเถิดในอดีตเจ้าของร่างจะเป็นใครนางล้วนไม่ใส่ใจในเมื่อตอนนี้สถานะของเจ้าของร่างเดิมได้ตายไปแล้ว เช่นนั้นต่อไปนางก็คือ เฉินหลิงเว่ย หญิงชาวธรรมดาผู้หนึ่งในหมู่บ้านเถาอี้ ดวงตาหวานเปล่งประกายเมื่อในหัวเริ่มวางแผนการปลูกพืชผลบนที่ตรงหน้า มือเล็กหยิบกิ่งไม้แห้งวาดผังการปลูกพืชผักลงบนพื้นดินคร่าวๆ ที่ดินห้าหมู่จะว่ามากก็ไม่มากจะว่าน้อยก็ไม่น้อย แต่สำหรับนางที่ตัวคนเดียวเพียงเท่านี้นับว่ากำลังพอดี เฉินหลิงเว่ยวางแผนปลูกไม้ผลยืนต้นไว้รอบๆ ที่ จากที่นางเดินในตลาดเมื่อเช้าผลไม้นั้นเป็นสินค้ามีราคา แต่เพราะไม้พวกนี้ใช้เวลานานกว่าจะให้ผล ดังนั้นในยามที่นางกำลังเริ่มตั้งตัวจึงไม่ควรทุ่มทุนไปกับมันมากนักแต่ก็ไม่ควรปล่อยผ่านการปลูกไว้รอบๆ ที่จึงเป็นสิ่งที่ดี ส่วนพื้นที่ที่เหลือนางจะลงพืชที่มีอายุสั้นเก็บเกี่ยวได้เร็ว ต้องขอบคุณอี้หลินที่นางขุดบ่อเอาไว้ที่หลังบ้าน ดังนั้นแม้อยู่ไกลจากลำธารแต่เฉินหลิงเว่ยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาน้ำ วันนี้วางแผนพรุ่งนี้ค่อยลงมือแล้วกัน ………………………………………

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.3K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.2K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook