บทที่ 2/1

1501 คำ
บทที่ 2/1 เฉินหลิงเว่ยกลับมาถึงเรือนในยามเย็น เดิมทีหวังไห่เถิงชวนนางไปร่วมรับมื้อเย็นด้วยกันแต่เฉินหลิงเว่ยปฏิเสธจะอย่างไรนางก็เป็นคนนอก ให้พวกเขามีน้ำใจอย่างไรนางก็ควรมีมารยาทรู้จักเกรงใจผู้อื่น หลังจากแยกกับครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านแล้วเฉินหลิงเว่ยก็คัดแยกผักในตะกร้าของนางโดยแบ่งตามอายุการเก็บรักษา พวกที่เหี่ยวเฉาได้ง่ายนางตั้งใจจะปรุงกินก่อน ส่วนพวกเผือกมันและหน่อไม้นางตั้งใจจะแปรรูปเก็บเอาไว้ เดิมทีนางไม่คิดจะสนใจสะสมอาหารแต่ประโยคที่เด็กน้อยหลี่ซิงซิงเอ่ยบอกว่าปีก่อนหิมะตกหนักนานถึงหกเดือน คนในหมู่บ้านบางคนหนาวตายบางคนหิวตาย แม้ในเรือนของนางตอนนี้จะมีเสบียงเพียงพอจนถึงหน้าเก็บเกี่ยวปีหน้า แต่หากเป็นเช่นที่เด็กน้อยบอกเล่ายามนั้นนางก็คงไม่อาจทนเห็นผู้คนอดตายไปต่อหน้าต่อตา ดังนั้นเฉินหลิงเว่ยจึงตั้งใจที่จะเริ่มสะสมเสบียงเพิ่มอีกสักหน่อย อีกทั้งยังคิดปลูกพืชตระกูลหัวพวกนี้เอาไว้ที่ท้ายที่ให้มากกว่าที่เคยตั้งใจเอาไว้ อย่างน้อยถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นที่เด็กน้อยเอ่ยบอกนางก็ยังพอมีเสบียงแบ่งปันผู้อื่นตอบแทนน้ำใจพวกเขาคืนบ้าง ในวันถัดมาเฉินหลิงเว่ยตื่นแต่เช้าเพื่อพลิกหน้าดินเตรียมลงพืชผัก ในยามสายก็ลงมือปลูกพวกหัวมันหัวเผือกที่บริเวณท้ายที่ ใช้แรงอยู่ครึ่งวันร่างกายอันบอบบางของนางก็เริ่มประท้วง ช่างน่าโมโหนักในอดีตนางเข้าป่าปีนเขา ลงพื้นที่ภาคสนามกับเหล่านักศึกษาฟ้าไม่มืดไม่สิ้นแรง จนได้รับฉายาหญิงแกร่งของมหาวิทยาลัย ยามนี้เพียงออกแรงมากหน่อยก็คล้ายจะเป็นลมเสียอย่างนั้น แต่ในเมื่อฝืนร่างกายไม่ไหวเฉินหลิงเว่ยก็ตัดใจหันมาทำงานเบาๆ ในร่มอย่างการปอกเปลือกหัวเผือกหัวมัน ล้างเห็ดแล้วหั่นฝานบางๆ ก่อนนำไปตากแดด “ท่านน้าเฉิน” เสียงสดใสเช่นนี้เห็นทีจะเป็นใครไปได้ ใบหน้าที่มักนิ่งเฉยของเฉินหลิงเว่ยพลันยิ้มอ่อนโยนยามเห็นเด็กน้อยช่างเจรจาวิ่งเข้ามาในเรือน “เสี่ยวซิงเจ้ามาได้อย่างไร” “ท่านแม่ให้ข้าเอาขนมกุ้ยฮวากับเนื้อหมูป่ามาให้ท่านเจ้าค่ะ” ขนมกุ้ยฮวา ขนมชนิดนี้จะว่าทำยากก็ไม่ยากนัก แต่วัตถุดิบไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวชาวบ้านในชนบทจะหาได้ง่ายๆ จึงไม่นิยมทำในทานกันแต่หรูซินหนี่ย์กลับสามารถทำมันออกมาได้จำนวนมากจนสามารถแบ่งปันมาให้นาง ดูเหมือนฐานะในอดีตของหรูซินหนี่ย์จะไม่ใช่สาวชาวบ้านธรรมดาเสียแล้วกระมัง “ท่านน้า ท่านฝานเห็ดฝานเผือกพวกนี้ทำไมหรือเจ้าคะ” “เอาไปตากเก็บไว้” “ท่านน้าจะทำยาหรือเจ้าคะ” หลี่ซิงซิงเคยเห็นแต่การฝานสมุนไพรตากไม่เคยเห็นใครฝานเห็ดฝานเผือกตากเช่นนี้ก็อดสงสัยไม่ได้ “เอาไว้กินตอนหน้าหนาว” “หน้าหนาว เก็บได้นานถึงเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ” หลี่ซิงซิงแม้เป็นเพียงเด็กน้อยวัยสามขวบปี แต่นางกลับช่างเจรจาอีกทั้งยังรู้ความยิ่ง เฉินหลิงเว่ยจึงตั้งใจเอ่ยเล่าวิธีการและเหตุผลในการเก็บสะสมเสบียงตั้งแต่ยามนี้ โดยตั้งใจให้เด็กน้อยเป็นกระบอกเสียงไปบอกเล่าให้ผู้เป็นปู่ของนางฟัง หวังว่าหน้าหนาวปีนี้คนในหมู่บ้านจะได้มีวิธีเก็บสะสมเสบียงเพิ่มอีกหน่อย และเป็นเช่นที่นางคาดการในตอนเย็นหวังไห่เถิงก็มาหานางที่เรือน “ซิงซิงเล่าให้ข้าฟังว่าเจ้ามีวิธีการเก็บสะสมเสบียง” เฉินหลิงเว่ยยิ้มบาง นางค่อยๆ บอกเล่าวิธีการเก็บสะสมพืชจำพวกหัวเผือกหัวมันไว้นานๆ อีกทั้งยังแนะนำวิธีการเก็บเนื้อด้วยการรมควันหรือการหมักดองเป็นแหนม หวังไห่เถิงเบิกตากว้างไม่คิดว่าหญิงสาวบอกบางผู้นี้จะมีความคิดที่ดีถึงเพียงนี้ “ข้าจะนำเรื่องพวกนี้ไปบอกเล่าให้ชาวบ้านฟัง อ่อ...วันพรุ่งนี้อาเหรินจะเข้าเมือง เจ้าอยากได้สิ่งใดหรือไม่” “ข้าอยากได้น้ำมันมะพร้าว หรือจะเป็นก้อนไขมันแพะก็ได้เจ้าค่ะรบกวนท่านลุงบอกพี่ชายหวังซื้อมาให้ข้ามากหน่อยได้ไหมเจ้าคะ” “น้ำมันมะพร้าวหรือก้อนไขมันแพะ เจ้าจะเอาทำอันใดกัน” “เพียงอยากได้เท่านั้นเจ้าค่ะ” ในเมื่อนางไม่เอ่ยบอกหวังไห่เถิงก็ไม่เซ้าซี้เพียงรับทราบความต้องการของนางแล้วจากไป เฉินหลิงเว่ยปลีกตัวเข้าไปทำอาหารเย็นหลังปรุงอาหารง่ายๆ สองอย่างเสร็จก็ยกขึ้นโต๊ะอาหาร เพียงแต่ยังไม่ทันคีบอาหารเข้าปากใบหน้างามก็พลันอาบไปด้วยน้ำตา หลายวันแล้วที่นางมาอยู่ที่นี่แม้พยายามบอกตัวเองว่าให้ยอมรับและหางานทำให้หลงลืมเรื่องราวในอดีต แต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจยอมรับได้อย่างสมบูรณ์ เพียงแต่หลังร้องไห้อย่างหนักไม่นานนักนางก็ดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า แล้วทานอาหารบนโต๊ะจนหมด ยามตะวันลับฟ้าแสงเทียนพลิ้วไหวร่างเล็กบอบบางเดินออกมารับลมที่หน้าเรือนหลังน้อย สูดลมหายใจเข้าจนสุดก่อนผ่อนออกยาวๆ ชีวิตมีที่จมอยู่กับอดีตจะไม่มีวันก้าวไปข้างหน้า ต่อไปข้าคือ เฉินหลิงเว่ย แห่งหมู่บ้านเถาอี้ ……………………………………… เฉินหลิงเว่ยขมวดคิ้วเล็กรู้สึกปวดตาจนลืมไม่ขึ้น ช่างน่าโมโหนักเป็นเพราะเมื่อวานนางร้องไห้อย่างหนักเกินไปใช่หรือไม่ สุดท้ายกว่านางจะลืมตาขึ้นตะวันก็ขึ้นสูง วันนี้จึงต้องยกเลิกแผนการขึ้นแปลงผักเพิ่มเติม “ท่านน้าเฉิน” เฉินหลิงเว่ยยิ้มบางไม่ต้องเอ่ยถามก็รับรู้ได้ว่าเจ้าของเสียงสดใสนี้เป็นผู้ใด และทันทีที่นางเปิดประตูรั้วบ้านร่างเล็กก็เดินเข้ามาพร้อมถุงกระดาษห่อใหญ่ที่บังจนแทบไม่เห็นตัวผู้ถือของ ด้านหลังมีชายร่างสูงโปร่งผู้เป็นบิดาของเจ้าตัวน้อยเดินตามมาด้วยความห่วงใย “ท่านน้าเฉิน ช่วยรับของหน่อยเจ้าค่ะข้าถือไม่ไหวแล้ว” “เมื่อครู่ผู้ใดกันที่กล่าวว่าไม่หนักสักนิด” “ท่านพ่อ ท่านล้อเลียนข้าอีกแล้ว ข้าจะฟ้องท่านแม่ให้คืนนี้ท่านไปนอนกับท่านปู่” หวังเฮ่อเหรินเบิกตากว้าง เจ้าก้อนแป้งน้อยของเขาเดี๋ยวนี้รู้จักข่มขู่บิดาแล้วหรือ ช่างน่าตียิ่งนัก “วันนี้ข้านำน้ำมันมะพร้าวมาให้เจ้า ส่วนมันแพะหายากเหลือเกินข้าเดินจนทั่วเมืองก็ไม่พบเลยสักนิด” “รบกวนที่ชายหวังแล้ว” “รบกวนอันใด หากซินหนี่ย์มาได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนี้ต้องไม่พอใจแน่ๆ” เฉินหลิงเว่ยยิ้มบางเอ่ยขอบคุณหวังเฮ่อเหรินอีกเล็กน้อย เขาก็พาบุตรสาวกลับไปโดยไม่ลืมกำชับเจ้าตัวเล็กว่าห้ามฟ้องมารดาเรื่องที่ถูกเขาล้อเลียน เฉินหลิงเว่ยส่ายหน้าขบขันกับท่าทางของเขา ช่างเป็นบุรุษที่รักภรรยายิ่งนัก ร่างเล็กเดินไปในครัวก่อนตักขี้เถ้าจากก้นเตามาแช่น้ำทิ้งไว้ แล้วเดินไปด้านหลังเรือนเพื่อดูเมล็ดผักที่นางเพาะชำเอาไว้ตั้งแต่วันที่เข้าไปซื้อของในเมือง ใบหน้าหวานยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าต้นอ่อนผักที่นางเพาะชำยามนี้ขึ้นสูงประมาณ 2 ชุนแล้ว เห็นทีนางต้องเร่งเอาลงแปลงเพาะปลูกเสียแล้ว มิเช่นนั้นต้นอ่อนพวกนี้คงจะขาดสารอาหารตายไปเสียก่อน ดังนั้นวันนี้เฉินหลิงเว่ยจึงวุ่นกับการเพาะปลูกทั้งวันจนตะวันลับฟ้าจึงได้ลามือ และอาจเพราะวันนี้นางใช้แรงจากร่างเล็กมากเป็นพิเศษคืนนั้นนางจึงหลับสนิทตลอดทั้งคืน วันถัดมาเฉินหลิงเว่ยตื่นตั้งแต่ฟ้ามืดหลังหุงหาอาหารให้ตนเองแล้วก็ออกมารดน้ำให้เจ้าต้นผักน้อยของตนตั้งแต่แสงแรกของตะวันยังมาไม่ถึง เพียงแต่กว่านางจะรดน้ำแปลกผักทั้งหมดเสร็จก็ทำเอานางแทบหมดแรงเลยทีเดียว หลังจากรดน้ำผักเสร็จแล้วเฉินหลิงเว่ยจึงเข้าครัวรับมื้อเช้า ดวงตาหวานเปล่งประกายยามเห็นว่าขี้เถ้าที่นางแช่น้ำเอาไว้เมื่อวานเริ่มตกตะกอนแยกชั้น เฉินหลิงเว่ยหยิบน้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง และมะขามเปียกออกมาจากชั้นใบหน้าหวานยิ้มละมุน มือเล็กเริ่มจัดการผสมสิ่งต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว ใช้วลาอยู่ค่อนวันนางจึงออกมาจากห้องครัว ………………………………………
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม