‘เราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก จะจบแบบนี้ก็ไม่แปลก’
พี่สะใภ้เอ่ยประโยคนั้นตามจริง แต่ทำไมกันนะ สายตาที่หล่อนใช้มองถึงเต็มไปด้วยความเสียใจ ตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านหลังนั้นภูมินทร์ไม่สบายใจเลย เขาสงสารสองแม่ลูกใจแทบขาด อยากให้พี่ชายเปิดใจลองมองดรุณีสักครั้ง เท่าที่คุยกันเขายังมองไม่เห็นความน่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย
ภูมินทร์ต่อสายหาพี่ชาย “พี่หมอกว่างไหม ผมกำลังจะเข้าไปหา”
‘ไม่ต้องเข้ามา พี่ออกจากบริษัทมาสักพักแล้ว’
“อ้าวเหรอ พี่จะไปไหน”
‘ไปหาเพื่อนน่ะ แล้วนายมีอะไร’
“เปล่าหรอก แค่จะชวนไปกินข้าว ถ้าพี่มีนัดแล้วก็ไปเถอะ” แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป ภูมินทร์โกรธตัวเองที่ไม่กล้าพูดถึงความรู้สึกที่มี รวมไปถึงความน่าสงสารของสองแม่ลูก เย็นวันนั้นหลังรับประทานมื้อเย็นเสร็จภูมินทร์ก็นั่งดูทีวีกับมารดาโดยกอดแขนท่านไว้ ซบหน้าอ้อน พลางดูรายการซุบซิบดารา
“รักคุณแม่จัง”
“ไปไกลๆ เลย โตแล้วยังกอดแม่อยู่ได้”
“ทำหวง ผมขอกอดนิดเดียว”
“กอดแน่นแค่ไหน แม่ก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” ท่านรู้ทัน แฉลบสายตามอง
พ่อลูกชายตัวดีได้ยินเข้าก็ทำหน้าหงอย ครางฮือๆ ในลำคอจะอ้อนต่อ อยากอยู่อังกฤษต่อสักปี “คุณแม่อย่าใจร้ายกับผมนักสิ น่านะ นะครับ”
“อ้อนอะไรแม่แกอีกฮะเจ้ามีน ไม่ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเหรอ ไฟล์ทตีหนึ่งนะไม่ใช่หกโมงเช้า” เจ้าภูมินทร์มันขี้อ้อน ออเซาะขอทำงานต่อที่อังกฤษต่อสักสองสามปีถึงจะกลับไทย แต่คุณนายของบ้านกลับเซย์โนว์สถานเดียว แถมยังขู่จะริบบัตรเครดิตถ้าไม่ยอมกลับมาช่วยทำงาน
“คุณพ่ออย่าเร่งสิ ไว้อีกเดี๋ยวก็ได้ครับ เราออกจากบ้านสักสามทุ่มก็ยังทัน”
“ไปเร็วหน่อยก็ดีนะลูก แม่อยากเดินดิวตี้ฟรี”
“แม่ลูกดูทีวีกันตามสบาย พ่อขอไปอาบน้ำก่อนล่ะ”
“คุณพ่อ อย่าเพิ่งไปสิ มาช่วยผมอ้อนคุณแม่หน่อยนะ บริษัทเดิมที่ผมเคยทำงานด้วยเขาส่งอีเมล์มาชวนไปทำงานด้วย ท็อปไฟท์ระดับโลกเลยนะครับ ไม่ใช่พวกไก่กาจะเข้าได้ แต่เขากลับเลือกผม” งอแงหนักมาก อ้อนกอดเอวมารดาจนท่านจั๊กจี้ “นะครับ ขอเวลาสักสองปีนะ”
“ไม่ได้ ไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่อายุสิบหกจนจะยี่สิบหกอยู่แล้ว พี่ชายเราทำงานอยู่คนเดียว ไม่สงสารบ้างเหรอ”
“สงสารทำไมครับ พี่หมอกของผมทำงานเก่งจะตาย เป๊ะเวอร์ คุมโครงการ ดูงานฝ่ายบริหาร ติดต่องาน พบปะสังสรรค์ แต่ละอย่างสิวๆ ทั้งน้านนน”
คุณภูธเนศจ้องลูกชายตาเขียว “งานพี่เขาเยอะมากนะมีน ลูกก็โตแล้ว หัดมีความรับผิดชอบบ้าง หุ้นชื่อตัวเองก็มี ไม่ทำงานทำการ จะรอแต่เงินปันผลจากการบริหารงานของพี่ชายแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน เทียบจากไทม์ไลน์ดูแล้วตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี พี่เขาก็เข้ามาช่วยงานพ่อแม่เลยแถมทำตั้งหลายปีกว่าจะไปเรียนต่อ แล้วดูตัวเองซิ ไปทำงานบริษัทอื่นเฉยเลย ไม่ยอมมาช่วยกัน ไม่รู้แหละ ครั้งนี้พ่อเห็นด้วยกับแม่ จะให้เวลาอยู่อังกฤษต่อเพื่อเคลียร์ตัวเองหนึ่งเดือน ห้ามต่อรอง!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นภูมินทร์ยิ่งร้องโอดครวญดังมากขึ้น แต่ก่อนบิดาคอยสปอลย์เขามาตลอด แต่ทำไมตอนนี้กลับบีบให้กลับมาอยู่เมืองไทยซะงั้น ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งเป็นตูดหมึก “แค่เดือนเดียวไม่พอหรอกครับ เพื่อนผมมีหวังได้บินตามมาเฉ่งหัวแน่”
“ตามมาเฉ่งก็ดีสิ แม่จะได้ชวนไปเที่ยว ไรอันกับแมกซ์น่ารักมากเลยนะ” คุณแก้วหัวเราะชอบใจ
“โอ้ว ไม่นะ! ผมว่าคุณแม่ถูกพวกมันหลอกแล้วแหละ”
ไม่ว่าเปล่า ภูมินทร์ทำตัวสั่นลูบต้นแขนร่วมด้วย ไอ้สองคนนั้นมันร้ายจะตาย
“พูดไปเรื่อยนะเรา แซวเพื่อนซะเสียคนหมด”
ภูมินทร์หัวเราะหึหึในลำคอ เสียงข่าวในทีวีดึงความสนใจมากขึ้นทั้งสามหันไปดูจอ
‘คุณผู้ชมคะ วันนี้กีกี้กับจีจี้มีข่าวเด็ดประเด็นร้อนมานำเสนอให้ทราบกัน รู้ไหมคะว่านางเอกอักษรย่อ น ขาเตียงสั่น ที่เป็นข่าววันก่อนคือใคร’
‘แล้วคือใครกันล่ะคะคุณกีกี้ รีบเม้าท์มาค่ะ!’
‘ใจเย็นสิคะคุณขา’
‘จีจี้ก็ใจร้อนแทนท่านผู้ชมไงคะ คริคริ’
‘จัดไปค่ะ กีกี้ข่าวด่วนชวนเกาเหลาวันนี้มีเฉลยค่ะ เราไปดูวิดีโอสัมภาษณ์พร้อมๆ กันเลย ไปค่ะ!’
และภาพที่ถูกนำเสนออกมาคือนักธุรกิจคนหนึ่งกำลังเปิดใจกับนักข่าว เรื่องความรักที่ไปไม่รอดของคู่ตนเอง
ขณะเดียวกันพิธีกรสองสาวก็เล่าเรื่องต่อ
‘ซึ่งคนเฉลยก็ไม่ใช่ที่ไหน เขาคือนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศไทย คุณดนุ สามีของดาราสาวสังกัดช่องน้อยสีค่า! ไปฟังบทสัมภาษณ์สั้นๆ กันเลยค่ะ’ ส่งยิ้มมาให้กล้อง ก่อนหน้าจอจะฉายบทสัมภาษณ์ของนายดนุ ที่บอกเล่าว่าแยกกันอยู่กับภรรยาได้สักพักแล้ว ประกอบกับช่วงนี้ฝ่ายหญิงมีคิวถ่ายละครที่เมืองจีนหลายเรื่อง เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในกระแส จึงทำให้ทั้งสองคนไม่ค่อยได้คุยกัน วิดีโอจบลงเพียงเท่านั้น