บทที่ 4 (3)

987 คำ
‘เราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก จะจบแบบนี้ก็ไม่แปลก’ พี่สะใภ้เอ่ยประโยคนั้นตามจริง แต่ทำไมกันนะ สายตาที่หล่อนใช้มองถึงเต็มไปด้วยความเสียใจ ตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านหลังนั้นภูมินทร์ไม่สบายใจเลย เขาสงสารสองแม่ลูกใจแทบขาด อยากให้พี่ชายเปิดใจลองมองดรุณีสักครั้ง เท่าที่คุยกันเขายังมองไม่เห็นความน่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย ภูมินทร์ต่อสายหาพี่ชาย “พี่หมอกว่างไหม ผมกำลังจะเข้าไปหา” ‘ไม่ต้องเข้ามา พี่ออกจากบริษัทมาสักพักแล้ว’ “อ้าวเหรอ พี่จะไปไหน” ‘ไปหาเพื่อนน่ะ แล้วนายมีอะไร’ “เปล่าหรอก แค่จะชวนไปกินข้าว ถ้าพี่มีนัดแล้วก็ไปเถอะ” แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป ภูมินทร์โกรธตัวเองที่ไม่กล้าพูดถึงความรู้สึกที่มี รวมไปถึงความน่าสงสารของสองแม่ลูก เย็นวันนั้นหลังรับประทานมื้อเย็นเสร็จภูมินทร์ก็นั่งดูทีวีกับมารดาโดยกอดแขนท่านไว้ ซบหน้าอ้อน พลางดูรายการซุบซิบดารา “รักคุณแม่จัง” “ไปไกลๆ เลย โตแล้วยังกอดแม่อยู่ได้” “ทำหวง ผมขอกอดนิดเดียว” “กอดแน่นแค่ไหน แม่ก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” ท่านรู้ทัน แฉลบสายตามอง พ่อลูกชายตัวดีได้ยินเข้าก็ทำหน้าหงอย ครางฮือๆ ในลำคอจะอ้อนต่อ อยากอยู่อังกฤษต่อสักปี “คุณแม่อย่าใจร้ายกับผมนักสิ น่านะ นะครับ” “อ้อนอะไรแม่แกอีกฮะเจ้ามีน ไม่ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเหรอ ไฟล์ทตีหนึ่งนะไม่ใช่หกโมงเช้า” เจ้าภูมินทร์มันขี้อ้อน ออเซาะขอทำงานต่อที่อังกฤษต่อสักสองสามปีถึงจะกลับไทย แต่คุณนายของบ้านกลับเซย์โนว์สถานเดียว แถมยังขู่จะริบบัตรเครดิตถ้าไม่ยอมกลับมาช่วยทำงาน “คุณพ่ออย่าเร่งสิ ไว้อีกเดี๋ยวก็ได้ครับ เราออกจากบ้านสักสามทุ่มก็ยังทัน” “ไปเร็วหน่อยก็ดีนะลูก แม่อยากเดินดิวตี้ฟรี” “แม่ลูกดูทีวีกันตามสบาย พ่อขอไปอาบน้ำก่อนล่ะ” “คุณพ่อ อย่าเพิ่งไปสิ มาช่วยผมอ้อนคุณแม่หน่อยนะ บริษัทเดิมที่ผมเคยทำงานด้วยเขาส่งอีเมล์มาชวนไปทำงานด้วย ท็อปไฟท์ระดับโลกเลยนะครับ ไม่ใช่พวกไก่กาจะเข้าได้ แต่เขากลับเลือกผม” งอแงหนักมาก อ้อนกอดเอวมารดาจนท่านจั๊กจี้ “นะครับ ขอเวลาสักสองปีนะ” “ไม่ได้ ไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่อายุสิบหกจนจะยี่สิบหกอยู่แล้ว พี่ชายเราทำงานอยู่คนเดียว ไม่สงสารบ้างเหรอ” “สงสารทำไมครับ พี่หมอกของผมทำงานเก่งจะตาย เป๊ะเวอร์ คุมโครงการ ดูงานฝ่ายบริหาร ติดต่องาน พบปะสังสรรค์ แต่ละอย่างสิวๆ ทั้งน้านนน” คุณภูธเนศจ้องลูกชายตาเขียว “งานพี่เขาเยอะมากนะมีน ลูกก็โตแล้ว หัดมีความรับผิดชอบบ้าง หุ้นชื่อตัวเองก็มี ไม่ทำงานทำการ จะรอแต่เงินปันผลจากการบริหารงานของพี่ชายแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน เทียบจากไทม์ไลน์ดูแล้วตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี พี่เขาก็เข้ามาช่วยงานพ่อแม่เลยแถมทำตั้งหลายปีกว่าจะไปเรียนต่อ แล้วดูตัวเองซิ ไปทำงานบริษัทอื่นเฉยเลย ไม่ยอมมาช่วยกัน ไม่รู้แหละ ครั้งนี้พ่อเห็นด้วยกับแม่ จะให้เวลาอยู่อังกฤษต่อเพื่อเคลียร์ตัวเองหนึ่งเดือน ห้ามต่อรอง!” เมื่อได้ยินอย่างนั้นภูมินทร์ยิ่งร้องโอดครวญดังมากขึ้น แต่ก่อนบิดาคอยสปอลย์เขามาตลอด แต่ทำไมตอนนี้กลับบีบให้กลับมาอยู่เมืองไทยซะงั้น ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งเป็นตูดหมึก “แค่เดือนเดียวไม่พอหรอกครับ เพื่อนผมมีหวังได้บินตามมาเฉ่งหัวแน่” “ตามมาเฉ่งก็ดีสิ แม่จะได้ชวนไปเที่ยว ไรอันกับแมกซ์น่ารักมากเลยนะ” คุณแก้วหัวเราะชอบใจ “โอ้ว ไม่นะ! ผมว่าคุณแม่ถูกพวกมันหลอกแล้วแหละ” ไม่ว่าเปล่า ภูมินทร์ทำตัวสั่นลูบต้นแขนร่วมด้วย ไอ้สองคนนั้นมันร้ายจะตาย “พูดไปเรื่อยนะเรา แซวเพื่อนซะเสียคนหมด” ภูมินทร์หัวเราะหึหึในลำคอ เสียงข่าวในทีวีดึงความสนใจมากขึ้นทั้งสามหันไปดูจอ ‘คุณผู้ชมคะ วันนี้กีกี้กับจีจี้มีข่าวเด็ดประเด็นร้อนมานำเสนอให้ทราบกัน รู้ไหมคะว่านางเอกอักษรย่อ น ขาเตียงสั่น ที่เป็นข่าววันก่อนคือใคร’ ‘แล้วคือใครกันล่ะคะคุณกีกี้ รีบเม้าท์มาค่ะ!’ ‘ใจเย็นสิคะคุณขา’ ‘จีจี้ก็ใจร้อนแทนท่านผู้ชมไงคะ คริคริ’ ‘จัดไปค่ะ กีกี้ข่าวด่วนชวนเกาเหลาวันนี้มีเฉลยค่ะ เราไปดูวิดีโอสัมภาษณ์พร้อมๆ กันเลย ไปค่ะ!’ และภาพที่ถูกนำเสนออกมาคือนักธุรกิจคนหนึ่งกำลังเปิดใจกับนักข่าว เรื่องความรักที่ไปไม่รอดของคู่ตนเอง ขณะเดียวกันพิธีกรสองสาวก็เล่าเรื่องต่อ ‘ซึ่งคนเฉลยก็ไม่ใช่ที่ไหน เขาคือนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศไทย คุณดนุ สามีของดาราสาวสังกัดช่องน้อยสีค่า! ไปฟังบทสัมภาษณ์สั้นๆ กันเลยค่ะ’ ส่งยิ้มมาให้กล้อง ก่อนหน้าจอจะฉายบทสัมภาษณ์ของนายดนุ ที่บอกเล่าว่าแยกกันอยู่กับภรรยาได้สักพักแล้ว ประกอบกับช่วงนี้ฝ่ายหญิงมีคิวถ่ายละครที่เมืองจีนหลายเรื่อง เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในกระแส จึงทำให้ทั้งสองคนไม่ค่อยได้คุยกัน วิดีโอจบลงเพียงเท่านั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม