“หรือถ้าคุณว่าคืนนี้ช้าไป จะตรงนี้เลยก็ได้นะครับ”
“แน่ใจเหรอ?”
“แน่ใจครับ ถ้ามันจะช่วยทำให้คุณเป็นสุข ไม่ต้องรอให้ถึงคืนนี้ ตรงนี้เลยก็ได้...”
น้ำเสียงคนพูดกับแววตานั้นช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงเปล่งออกมาด้วยความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ในขณะที่นัยน์ตาแสนเศร้ากลับสั่นไหว ยิ่งในยามนี้...ยามที่ใบหน้าเล็กแหงนเงยต้องกับแสงไฟในห้องน้ำชายของโรงหนัง คนมองยิ่งรู้สึกว่ามันมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในนั้น
เด็กนี่ไม่ได้ใจกล้าอย่างที่ปากประชด
แท้จริงแล้วมันกำลังกลัวเขา
กว้างขวางมองนัยน์ตาลุ่มลึกนั้นอย่างถ้วนถี่ ตั้งแต่หัวจรดเท้า มองเหมือนกำลังอาศัยช่วงเวลานี้ไตร่ตรองความคิดของตัวเองด้วย ว่าจริงๆ แล้วเขาควรจะหักหาญน้ำใจ คนทำใจดีสู้เสือตอนนี้เลย หรือว่าควรจะบ่มเพาะความคุ้นชินให้คนตรงหน้าอีกสักระยะ
ชายหนุ่มก้าวขาเข้าไปหาร่างผอมโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าอ่างล้างมือ ห้องน้ำภายในโรงหนังช่วงบ่ายแก่ร้างไร้ผู้คน ไม่มีใครนอกจากพวกเขา หลังปะทะอารมณ์กันในโรงหนัง เป็นเขาที่เป็นฝ่ายผ่อนปรนอารมณ์ พยายามสะกดกลั้นเพียงเพราะเห็นว่าคนตรงหน้าทำหน้าตาจริงจังเอาเรื่อง บอกให้เขาทำตามอำเภอใจในค่ำคืนนี้ แต่ในความเด็ดเดี่ยวที่เห็น เขากลับรับรู้ได้ถึงความกลัวที่มีอยู่ในนั้น ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะกลัวการมีเรื่องอย่างว่าไปทำไม แต่พอจะยอมแพ้หันกลับไปดูหนังดีๆ ก็เป็นเจ้าเด็กหน้ามึนอีกนั่นล่ะ ที่ลุกจากเก้าอี้เดินหนีออกไปจนทำให้เขาต้องวิ่งตามมาจนถึงห้องน้ำในตอนนี้
ทุกย่างก้าวที่เดินเข้าไปหา เขามักจะเห็นสองขาเรียวของอีกฝ่ายชักเท้าถอยหลังตามจำนวนเท่าๆ กัน จนกระทั่งร่างของเด็กหนุ่มปีสองถอยชิดติดขอบอ่าง เจ้าตัวถึงได้รู้ว่าไม่มีหนทางให้หลีกเลี่ยงอีกต่อไปแล้ว เขาใช้จังหวะนี้เอาตัวเข้าไปแทรกกลางระหว่างขา โน้มใบหน้าหาอีกฝ่ายจนจมูกแทบชิดติดกัน เด็กหนุ่มร่างโปร่งยังคงแหงนหน้าสู้ รอคอยการกระทำของเขาอย่างคนจนมุม
กว้างขวางแค่นยิ้มมองความไม่ประสีประสาของลูกนกตัวน้อย อารมณ์กระสันเหือดแห้งจางหายแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์อยากกลั่นแกล้งคนน่าเอ็นดู จังหวะหนึ่งใช้ท่อนแขนตวัดรัดเอวอีกฝ่าย ก่อนจะรั้งยกจนร่างบางลอยหวือขึ้นไปนั่งอยู่บนอ่างล้างมือ สุดที่รักตื่นตระหนกสะดุ้งเฮือก
“ตกลงจะช่วยฉันจริงๆ ใช่ไหม?”
ชายหนุ่มถามย้ำ เปลี่ยนสรรพนามเมื่อพูดกันถึงเรื่องที่คิดว่าจริงจัง เฝ้ามองสีหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหูของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง ไร้ซึ่งคำตอบ มีเพียงแรงสั่นเทากับริมฝีปากที่เม้มแน่นเท่านั้น เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งอยากแกล้ง อยากจะรู้นัก...ว่าถ้าเขาทำต่อ เจ้าเด็กนี่จะมีปฏิกิริยายังไง ฉับพลันเขาเอื้อมมือไล่ปลดกระดุมทีละเม็ดที่เสื้ออีกฝ่ายด้วยมือเพียงข้างเดียว
สุดที่รักก้มมองการกระทำ กระดุมเม็ดแรกหลุดออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะตามมาด้วยเม็ดที่สองและที่สาม เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวด้านในวับแวมให้คนมองได้ใจสั่น
รุ่นพี่หนุ่มอาศัยจังหวะนี้โน้มหน้าลงไปหาให้จมูกโด่งได้คลอเคลียข้าง
แก้มหอมที่เขานึกชมอยู่หลายครั้ง
ทันทีที่ปลายจมูกสัมผัสแตะเข้ากับพวงแก้มนิ่ม เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ยังจงใจลากไล้อ้อยอิ่งเลื่อนไปยังใบหู ลมหายใจร้อนรินรดสร้างความรู้สึกวาบไหว สุดที่รักปิดตาฉับ ร่างกายแข็งทื่อไม่ไหวติง หมดสิ้นแล้วมาดคนทำใจกล้าเมื่อครู่
กว้างขวางเฝ้ามองดวงหน้าเด็กหนุ่มรุ่นน้อง มือข้างหนึ่งยังคงโอบเอวบางไว้แน่น ส่วนอีกข้างกำลังจะสอดเข้าไปในสาบเสื้อ
ตัวสั่นอย่างกับเจ้าเข้า
ถ้าเป็นคนอื่น...จังหวะนี้ต้องตอบสนองมากกว่านี้แล้ว อย่างน้อยก็ต้อง
ยกแขนมาคล้องคลอแล้วยั่วยวนให้เขาอุ้มเข้าไปห้องน้ำ หรือไม่ก็ลูบไล้ร่างกาย
ของเขา ก็ว่ากันไป แต่นี่กลับนั่งแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ ไม่ได้มีส่วนไหนอยากใกล้ชิด อยากสัมผัสเขาเลยสักนิด
“จะไม่ยั่วให้ฉันเกิดอารมณ์หน่อยเหรอ?”
“.......” คนถูกถามประหม่า เหงื่อกาฬผุดซึมทั้งๆ ที่แอร์เย็นฉ่ำ
สุดที่รักเคยเห็นมากับตา ว่ากว้างขวางทำอะไรต่อมิอะไรในที่สาธารณะได้มากแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เขาบังเอิญไปเห็นฉากร่วมรักในห้องน้ำผับระหว่างชายหนุ่มกับแฟนสาวคาตา แน่นอนว่าสถานการณ์คล้ายกัน รุ่นพี่หนุ่มคงไม่เขินอายที่จะทำมันเช่นกัน
มันเกิดขึ้นแน่ๆ
“ท่าทางใสซื่อแบบนี้หลอกกันไม่ได้หรอก แต่ถ้าอยากเพิ่มราคาให้ตัวเอง
ดูดี ที่บอกว่าไม่เคย...จะยอมเชื่อดูก็ได้”
“จะทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ อีกเดี๋ยวหนังคงจบแล้ว”
สุดที่รักบ่ายหน้าทั้งๆ ที่ยังคงหลับตา เขาไม่คิดแก้ไขความเข้าใจผิด
หากแค่ต้องการผ่านเรื่องนี้ให้มันจบๆ ไป หมดสิ้นช่วงเวลานี้ไปเมื่อไหร่ ก็ต่างคนต่างอยู่ ส่วนเรื่องรุ่นพี่ใจป่วยคนนี้จะรู้สึกอย่างไรกับเขานั้น สุดแท้แล้วแต่จะคิด
ชายหนุ่มเลิกคิ้วหยักริมฝีปาก มองคนกล้าแต่ปากก็นึกขำ ในห้วงหนึ่งของความคิดมีคำว่าเอ็นดูปนอยู่ในนั้นส่วนหนึ่ง
ถ้าบอกว่าเด็กนี่เพิ่มราคา แน่นอนว่าได้ผลสำหรับเขา
เพราะการหลบหน้าของอีกฝ่าย ทำให้สายตาคมมีโอกาสได้พินิจมอง
พวงแก้มใสขึ้นสีเรื่อ กว้างขวางถูกตรึงอยู่อย่างนั้นอย่างคนลืมตัว พลันเสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ดังแทรกขัดจังหวะขึ้น ชายหนุ่มหลุดภวังค์ แก้เก้อด้วยการเสตามองไปทางอื่น ส่วนเจ้าของมือถือเครื่องเก่าถือโอกาสนี้เป็นเรื่องโชคดีของวัน เจ้าตัวรีบล้วงออกมาดู
‘ชะ’
ชะ...ใครกัน
กว้างขวางชะโงกหน้าเหลือบมองหน้าจอแตกๆ ก็ได้แต่นึกสงสัย เขาคุ้นหูกับชื่อนี้ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินตอนไหน
สุดที่รักยิ้มด้วยความดีใจตั้งใจจะกดรับสาย ทว่ากลับถูกใครอีกคนแย่งมันไปต่อหน้าต่อตา
“อยู่กับฉันห้ามรับสายผู้ชายคนอื่น”
“นั่นเพื่อนผม อีกอย่างคุณไม่สิทธิ์มาห้ามอะไรแบบนี้กับผมนะครับ”
สุดที่รักขมวดคิ้ว ไถลตัวลงจากอ่างล้างมือ ก่อนจะพยายามคว้ามือถือของตัวเองจากคนสูงกว่า
“เป็นคนของฉันไม่มีสิทธิ์คุยกับคนอื่น นี่คือกฎ”
“กฎอะไรของคุณ เอามือถือของผมคืนมานะ!”
“ฉันตั้งกฎแบบนี้กับทุกคนที่คบกัน ห้ามคุยกับคนอื่นตอนที่อยู่กับฉัน
ห้ามส่งสายตา ห้ามยิ้มให้ใคร ห้ามทักทาย” กว้างขวางชูมือถือที่ยังคงสั่นครืด
ขึ้นเหนือศีรษะ
ความสูงนั้นแน่นอนว่าสุดที่รักเอื้อมไปไม่ถึง กายโปร่งได้แต่ยื้อแย่งวนรอบกายสูง สีหน้าว้าวุ่นเพราะถูกกลั่นแกล้ง
“ผมไม่ได้คบกับคุณซะหน่อย?”
หลังสิ้นคำพูด คนฟังถึงกับชะงัก กระพริบตาปริบๆ
เออนั่นสิ...ไม่ได้คบกันซะหน่อย ทำไมต้องตั้งกฎเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ด้วยวะ
“ถึงไม่คบ แต่ตอนนี้ถือว่านายช่วยฉัน เป็นคนของฉัน มันไม่มีอะไรต่าง เพราะฉะนั้น...ห้ามคุย”
“เอาคืนมาเถอะครับ เพื่อนผมอาจจะกำลังมีปัญหา”
สุดที่รักกลัวจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ชยางกูรเลือดร้อนเคยมีกรณีอุบัติเหตุ
ขี่มอเตอร์ไซค์ล้มมาแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่ไปร้านเหล้าแล้วมีผู้หญิงมาติดพัน จนแฟนเขามาหาเรื่องถึงโต๊ะก็มีเหมือนกัน
“เพื่อนคนนี้สำคัญขนาดนั้นเชียว?” ท่าทีร้อนรนเกินพอดีทำให้ใครอีกคนนึกสงสัย
“สำคัญครับ” เพราะเป็นเพื่อนสนิทที่สุด ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น โดยไม่ได้คิดเลยว่าคำพูดนี้จะไปรบกวนจิตใจคนตรงหน้าเต็มเปา
กว้างขวางนิ่งงันพลันเกิดความหงุดหงิดเล็กๆ ขึ้นในใจ ก่อนจะเลือกหันหน้าหนี มือถือเครื่องเก่าหยุดสั่นไปแล้ว ชายหนุ่มถึงได้ลดมือลงมามอง เห็นแจ้งเตือนแอปพลิเคชันอะไรต่อมิอะไรมากมายลายตาไปหมด ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้เปิดดูมันนานมากแล้ว เฟซบุ๊กที่แจ้งเตือนหลายสิบทำให้เขานึกอะไรขึ้นได้
เขาเพิ่มเพื่อนเด็กนี่ไป แต่ยังไม่ได้รับการอนุญาต
เมื่อรับรู้ว่าเป็นหนึ่งคนไม่สำคัญของเด็กนัยน์ตาเศร้า คนที่มีความสำคัญกับคนมากมายก็ยิ่งหงุดหงิดหนัก นิ้วโป้งเลื่อนหน้าจอไปมา กดนั่นไถนี่จนทำบางสิ่งบางอย่างที่ตั้งใจไว้สำเร็จก็โยนมือถือเครื่องเก่าคืนเจ้าของ
“ใครก็ไม่สำคัญเท่าฉัน แล้วถ้าใจไม่กล้าพออย่าปากดีอีก นายเสร็จฉันเร็วๆ นี้แน่ ไม่ต้องห่วง”
พูดจบก็เดินออกจากห้องน้ำไปทันที สร้างความกริ่งเกรงให้คนฟังไม่น้อย สุดที่รักสั่นไหวแต่เพราะไม่อยากตื่นตูมไปก่อนเหตุเลยสะบัดศีรษะไล่ความกังวลใจนั้นไป ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอปรากฏหน้าโปรไฟล์ของรุ่นพี่สุดหล่อผู้โด่งดังซึ่งขึ้นสถานะว่าเป็นเพื่อนกับเขาเรียบร้อยแล้ว แถมเขายังกดติดตามความเคลื่อนไหวของชายหนุ่มอีกด้วย
กว้างขวางเดินนำออกมาถึงหน้าโซนโรงภาพยนตร์ ตามหลังมาด้วยสุดที่รักที่ กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดอยู่เคียงข้าง นัยน์ตาเศร้ามองรุ่นพี่หนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“ทำไม? นายน่าจะดีใจนะที่เป็นเพื่อนกับคนดัง มีคนเป็นพันที่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่ฉันไม่อนุญาต”
ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ เชิดปลายคางคล้ายกับว่าตนนั้นมีชื่อเสียง ใครต่อใครต่างก็ต้องการตัว สุดที่รักได้แต่ถอนหายใจพลางเสหน้าไปทางอื่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะดีใจจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ ที่รุ่นพี่ที่ตัวเองแอบปลื้มบังคับให้รับแอด แต่ตอนนี้มันตะขิดตะขวงใจยังไงแปลกๆ เมื่อคนที่วาดฝันไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด
“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินกัน”
กว้างขวางออกเดินนำอีกครั้งโดยมีสุดที่รักวิ่งตามแทบไม่ทัน ชายหนุ่มเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโซนโรงหนังเท่าไหร่นัก เป็นร้านซูชิสายพานที่เขาชอบมากที่สุดเพราะสะอาดและใส่ใจทุกขั้นตอนในการทำ
เมื่อเดินมาถึงหน้าร้าน พนักงานสาวยิ้มแย้มเดินนำ พลางผายมือให้แขกทั้งสองยังที่นั่งด้านหน้าสายพานซึ่งมีเชฟชาวญี่ปุ่นกำลังลงมือปั้นซูชิอย่างตั้งใจอยู่อีกฝั่งหนึ่ง กว้างขวางเงยหน้ามองคนที่ยืนทำท่าเก้ๆ กังๆ หลังสั่งสาเกจากพนักงานเสร็จ
“นั่งลงสิ”
“ผม...กินไม่เป็น”
นัยน์ตาเศร้ากวาดมองอาหารปั้นเป็นก้อน มีเนื้อปลาดิบ ปลาหมึก กุ้ง และสารพัดอย่างที่เขาไม่รู้จัก หมุนวนบนสายพาน ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยกินของดิบแบบนี้มาก่อน
“ไม่เห็นยากนี่ หยิบจานที่ชอบแล้วก็คีบเข้าปาก นั่งลงก่อนเถอะ เดี๋ยว
คนอื่นจะหาว่าฉันพาเด็กบ้านนอกมากิน”
สุดที่รักผลุบนั่งทันที พลันสายตาเหลือบไปเห็นราคาโปรโมชั่นที่วางอยู่ตรงหน้า
“แค่นี้เนี่ยนะคุณ พันห้า?” นิ้วเรียวชี้ไปที่รูปเซตเมนูพิเศษที่มีเฉพาะ
เดือนนี้
“อืม ปูอิมพอตจากญี่ปุ่นก็แพงเป็นธรรมดา อยากกินไหมล่ะ?”
“ไม่ล่ะครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้า พันห้าของเขากินได้หลายอาทิตย์เลยนะถ้าประหยัดดีๆ
“งั้น...อ่ะ”
รุ่นพี่หนุ่มดันจานซูชิหน้ากุ้งสุกมาไว้ตรงหน้าสุดที่รัก เด็กหนุ่มมองมันสลับกับคนให้อยู่หลายครั้ง
“อย่าบอกนะว่ากินไม่เป็นจริงๆ นี่ตะเกียบ...” กว้างขวางดึงตะเกียบให้แยกออกจากกัน ก่อนจะคีบวาซาบิวางไว้บนหน้ากุ้งแล้วคีบมันจิ้มซอสเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมันให้เด็กหนุ่มรุ่นน้อง “ที่เหลือก็แค่อ้าปาก อา...” ชายหนุ่มอ้าปากนำ
สุดที่รักลังเล แต่เมื่อชักช้าอยู่นานก็ถูกรุ่นพี่หนุ่มคะยั้นคะยอให้ต้อง
อ้าปากรับจนได้ เคี้ยวตุ้ยๆ ได้ไม่นาน พลันเกิดรสชาติแสบขึ้นจมูกจนสำลักไอ สมองเย็นวาบ น้ำตาไหลออกมาไม่ขาด
“เฮ้ย! โทษที วาซาบิคงเยอะไปหน่อย” กว้างขวางหน้าเหวอแต่ก็อดขำไม่ได้ รีบคว้าน้ำเปล่าให้คนข้างๆ ได้ดื่ม
“มันอะไรกันเนี่ยคุณ ทำไมน้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้” สุดที่รักทุรนทุราย
ไม่น้อย ผุดลุกผุดนั่ง กระพริบตาปริบๆ ด้วยความแสบเคือง
“ไอ้เขียวๆ นี่เขาเรียกวาซาบิ นี่อยู่ในป่าในเขามาเหรอถึงได้ไม่รู้จัก กินของแบบนี้ไม่เป็น”
กว้างขวางกลั้นขำจนน้ำหูน้ำตาเล็ด คว้ากระดาษทิชชู่ยื่นให้รุ่นน้อง
สุดที่รักรับมาเช็ดหางตา
“มันอร่อยตรงไหนกันครับ ข้าวราดแกง อาหารตามสั่งในมหาลัยยังอร่อยกว่านี้ แถมราคาก็ถูกกว่าหลายเท่า”
สุดที่รักเถียงคอเป็นเอ็นพลางดื่มน้ำในแก้วจนหมด ความแสบชาขึ้นจมูกจึงค่อยๆ หายไป ถ้าถามว่าเคยเห็นของพวกนี้ไหม เขาก็ตอบได้เลยว่าเคย แต่ไม่เคยลิ้มลอง เพิ่งมารู้วันนี้เอง...ว่ารสชาติไม่ได้แพงสมกับราคาเลยสักนิด
“อย่างน้อยมันก็สะอาดกว่าอาหารที่นายว่ามา ของพวกนั้นมีแต่น้ำมัน ของผัด ของทอด หาประโยชน์ไม่เจอ...เดี๋ยวนะ”
"......."
รุ่นพี่หนุ่มเหลือบเห็นเศษข้าวติดมุมปาก ส่วนหนึ่งเลอะยันปลายคาง
เขาเอื้อมมือเข้าไปหา ฝ่ามือประคองข้างแก้ม นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดเม็ดข้าวออกให้
“เลอะเทอะใหญ่แล้วเรา”
สัมผัสแผ่วเบาที่เกิดขึ้น ชวนให้หัวใจอีกฝ่ายกระตุกไหว สุดที่รักซึมซับ
การกระทำแสนธรรมดานี้เอาไว้ แม้รุ่นพี่คนนี้จะไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับเขา มันคือเรื่องดีๆ ที่ชายหนุ่มพอจะมีให้
นัยน์ตาเศร้าตวัดหลบไปทางอื่นเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะรับรู้ถึงความคิด แผ่นอกร้อนผ่าวมากขึ้นทุกขณะในตอนที่คนตัวสูงยังคงเอาแต่จ้องมองใบหน้าเขาอยู่เงียบๆ พร้อมกับนิ้วโป้งที่เกลี่ยไล้ข้างแก้ม หากมากเกินไปกว่านี้ สุดที่รักเกรงว่าตัวเองจะแสดงท่าทีขัดเขินออกมาเสียก่อน จึงรีบปัดมือกว้างขวาง พลางถอยออกมาจากรัศมีเล็กน้อย เห็นอีกฝ่ายชะงักมือก่อนจะลดมันลงข้างตัว เพื่อเป็นการไม่ให้บรรยากาศเงียบชวนอึดอัดเกินไป เขารีบหาเรื่องมาคุยทันที
“แต่นี่มันก็แพงโดยใช่เหตุนะครับ ข้าวปั้นสองก้อนราคาร้อยกว่าบาท
กินเท่าไหร่ถึงจะอิ่มครับ รสชาติก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเค็มซอส แถมยังปวดหัวตอนกินครีมสีเขียวๆ นี่อีก เอาไว้วันหลังผมจะแนะนำอาหารอร่อยๆ ให้คุณรู้จัก”
“อะไรที่นายว่าอร่อย?”
“ก็พวก...บะหมี่เกี๊ยวหน้าร้านสะดวกซื้อที่ผมทำงาน ซุปเปอร์ตีนไก่
ในตลาดหลังมหาลัยก็อร่อย”
“ตีนไก่?”
กว้างขวางขมวดคิ้วมุ่น ทำหน้าเหลือเชื่อเสียเต็มประดา เกิดมาไม่เคยลองลิ้มชิมรสตีนไก่ที่เด็กหนุ่มว่ามาเลยสักครั้ง และแน่นอนว่าต่อจากนี้ก็คงจะไม่แม้แต่ลองแน่ๆ แค่คิดก็ขนลุกขนพอง
“รสชาติมันจะแซ่บๆ เผ็ด ร้อน เหมือนพวกต้มยำหม้อไฟ อะไรทำนองนั้น
น่ะครับ”
“ถ้าพวกต้มยำ ไอ้ธีเคยพาไปกินมาม่าร้านที่มันดังๆ รสชาติก็ดีอะนะ แต่เผ็ดไป ไม่ชอบ”
“มาม่าที่หม้อละหลายร้อยนั่นเหรอครับ ที่ใส่กุ้งตัวใหญ่ๆ ใส่ไข่หลายๆ ฟอง คุณนี่กินแต่ของแพงๆ”
“นายก็กินแต่ของถูกๆ สมถะเหลือเกินนะ” กว้างขวางส่ายหน้า ใช้มือผลักศีรษะสุดที่รักจนโงนเงน ก่อนจะหันมาคีบซูชิเข้าปาก “มากับนายก็ดีเหมือนกัน ไม่เปลืองดี รู้ไหม...ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นน่ะนะ เขาจะขอให้ฉันพาไปกินร้านหรูกว่านี้ แพงกว่านี้อีก อย่างพวกอาหารอิตาเลี่ยนในโรงแรม บุฟเฟ่ต์นานาชาติบนรูฟท็อป สั่งไวน์ขวดเป็นหมื่นแต่กินไปแค่สองจิบ สเต็กปลาจานละสองพัน อะไรแบบนี้”
สุดที่รักอ้าปากกว้างฟังกว้างขวางสาธยาย นี่พวกคนรวยเขาใช้เงินกันแบบนี้เองเหรอ
“เอาหน่อยไหม?” มือแกร่งยื่นแก้วเซรามิกเล็กๆ ที่มีสาเกรสแรงบรรจุอยู่
“อะไรเหรอครับ?”
“เหล้าญี่ปุ่น”
สุดที่รักส่ายหน้าแทนคำตอบ ดูก็รู้ว่ารสชาติแรงแค่ไหน สังเกตได้จากใบหน้าเปลี่ยนสีของชายหนุ่มได้ในตอนนี้
“ดีจังนะครับ คนรวยอยากกินอะไรก็กิน ราคาแพงแค่ไหนก็ไม่ต้องคิดมาก แต่ผมว่า...คุณประหยัดหน่อยก็ดีนะครับ พ่อคุณตัดคุณออกจากกองมรดกแล้วไม่ใช่เหรอ?” นัยน์ตาเศร้าใสซื่อ หยิบยกเรื่องกว้างขวางทะเลาะกับพ่อเอามาพูด
สิ่งที่เด็กหนุ่มพูดออกมา ดูแววตาก็รู้ว่าพูดออกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เตือนด้วยความหวังดี เห็นเป็นอย่างนั้น คนฟังถึงได้หัวเราะร่วนด้วยความชอบอกชอบใจ
ซื่อบริสุทธิ์โดยแท้...
ก็ถ้าพ่อยึดทรัพย์สินของเขาจริงๆ เขาจะได้มานั่งหน้าสลอนในร้านอาหารแพงหูฉี่แบบนี้เหรอ เครดิตการ์ดทุกใบก็ยังคงรูดได้ปกติ แถมเมื่อวานเขาเพิ่งจ่ายเงินให้ลูกจ้างไร่ชาที่เชียงรายไปหลายแสนอยู่เลย
พ่อก็พูดขู่ไปอย่างนั้น เคยทำจริงเสียที่ไหน เขามีภาษีดี ใช้ความเป็น
ลูกชายคนเดียวเป็นข้อต่อรองไปจนกว่าพ่อจะได้ลูกสะใภ้สมใจอยากนั่นล่ะ ขืนตัดเงิน ตัดทุกอย่างที่เขาเคยได้ เกิดเขาประท้วงหนีหายไปขึ้นมา เป็นพ่อนี่ล่ะจะหนาวไม่รู้ตัว
“นั่นสิ งั้นมื้อนี้คงเป็นมื้อแพงมื้อสุดท้าย วันหลังคงต้องพึ่งนายให้พาไปหาของข้างทางกินแล้วล่ะ” ชายหนุ่มแสร้งพูด คิดแกล้งเด็กน้อยนัยน์ตาเศร้าเล่น
“ได้สิครับ ของข้างทางไม่ได้มีแต่ของไร้ประโยชน์นะครับ วันหลังผมจะพาคุณไปที่ของผมดูบ้าง”
กว้างขวางพรูลมหายใจพลางส่ายหน้า เชื่อเขาเลย เพิ่งจะเคยเจอคน
แบบนี้ ทุกทีมีแต่คนร้องขอให้เขาพาไปกินของหรูๆ มีอย่างที่ไหน กลับจะพาเขาไปกินอาหารหลักสิบ
ชายหนุ่มหยิบข้าวปั้นหน้ากุ้งสุกกับไข่หวานมาให้สุดที่รัก คราวนี้เขาไม่ได้ใส่วาซาบิเพิ่ม ก่อนจะหันไปหาพนักงานเพื่อสั่งเซตอาหารที่คิดว่าเด็กหนุ่มสามารถกินได้ รอไม่นานเซตข้าวปลาหิมะนึ่งซีอิ๊วก็ถูกเสิร์ฟให้ตรงหน้า
“กินซะ วันหลังจะไม่ได้กินอะไรแพงๆ แบบนี้แล้วนะ” รุ่นพี่หนุ่มสั่งให้กิน สุดที่รักจำยอมแม้ในใจจะคิดว่ามันเกินความจำเป็น อันที่จริงเขากินข้าวปั้นบนสายพานก็ได้แค่มันยังไม่ชินเท่านั้นเอง
ต่างคนต่างกินอาหารของตัวเองจนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สักพัก เสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นยังเบื้องหลัง
“โอ้โห...วันนี้โชคดีเจอคนดังสุดหล่อเว้ย”
“อ้าว! ไอ้พัทธ์ ว่าไงไม่เจอกันตั้งนาน มานั่งด้วยกันสิ”
กว้างขวางหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายคนหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างสนิทกันพอดูเพราะเคยอยู่ในทีมบาสเกตบอลด้วยกัน ข้างกายมีสาวสวยหุ่นดีในชุดนักศึกษาต่างสถาบันยืนอยู่ด้วย เขาเชื้อเชิญที่ว่างด้านข้าง ก่อนจะรินสาเกให้เพื่อนชาย
สองคนล้วนแล้วต่างดูดีคล้ายพวกดารา ผิวพรรณหมดจด กระเป๋าถือของผู้หญิงเป็นกระเป๋ายี่ห้อดังราคาคงแพงลิบ
“สบายดีว่ะ ช่วงนี้ชิวหน่อยพักซ้อมก่อนไปแข่งกีฬามหาลัย”
คนมาใหม่ยิ้มกว้างพลางเหลือบตามองใครอีกคนซึ่งนั่งข้างเพื่อนของเขา ก่อนจะหันมาขอคำอธิบายจากกว้างขวางด้วยสายตา
“นี่รุ่นน้องที่มหาลัยกู ส่วนนี่เพื่อนสมัยมัธยมปลายของฉัน”
“อ๋อออ” พัทธ์ลากเสียงยาว คำพูดขัดกับสายตาแปลกประหลาดที่มองมายังสุดที่รัก
จังหวะเดียวกันนั้นเองที่มือถือของสุดที่รักสั่นขึ้นอีกครั้ง เป็นเจ้าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย สุดที่รักลุกขึ้นก่อนจะขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก กว้างขวางนึกห้ามแต่กลับห้ามไม่ทัน ได้แต่ทอดสายตามองแผ่นหลังบางที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“กูนึกว่ามึงจะเปลี่ยนแนวซะอีก เห็นมึงมีข่าวควงสาวออกเพจเป็นว่าเล่น แต่วันนี้กลับควงเด็กผู้ชายจืดๆ มากินข้าวด้วย แปลกใจสุดๆ”
“ทำไมวะ ถ้ากูจะเปลี่ยนแนวมันผิดตรงไหน?”
กว้างขวางละสายตาจากคนที่ยืนอยู่หน้าร้าน ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับคำพูดแปลกๆ ของเพื่อน
“มันไม่แปลกไปเหรอวะ ผู้ชายกับผู้ชาย ยิ่งกับมึงที่โคตรหล่อ โคตรรวย หาสาวมาควงได้ไม่ซ้ำ คนทั่วไปแม่งจะคิดว่ามึงเบี่ยงเบนเอา รสนิยมเป็นเรื่องส่วนบุคคลก็จริง แต่สังคมส่วนใหญ่ไม่ได้เคารพเรื่องความชอบส่วนบุคคลเท่าไหร่ ที่กูพูดเพราะหวังดีนะ เห็นมึงตั้งแต่เดินเข้าร้านละ คนมองไม่หยุดเลย กูเป็นห่วงชื่อเสียงมึง หรือว่านี่เด็กมึงจริงๆ?”
คนถูกถามหน้าตึง หลังเห็นสีหน้าคาดคั้นระคนตัดสินจากเพื่อน
“เพื่อนหนูสวยๆ รวยๆ เยอะเลยนะคะ ถ้าพี่กว้างขวางสนใจ เด็กมหาลัยอื่นก็แซ่บไม่แพ้กันน้า” หญิงสาวที่มาด้วยโพล่งออกมาด้วยความหวังดี
อีกด้านหนึ่งที่หน้าร้านอาหาร...
“โทษที เมื่อกี้ดูหนังอยู่”
“/มึงเบี้ยวนัดกูเพื่อไปดูหนังเนี่ยนะ? ไปดูกับใครวะ?” คนปลายสายพ่นน้ำเสียงหงุดหงิดออกมา
“คือ...”
สุดที่รักอึกอัก ถ้าพูดความจริงออกไป ชยางกูรคงได้พ่นไฟเป็นแน่
“กับเพื่อนๆ ที่คณะ แต่ตอนนี้เลิกแล้ว”
“/เออๆ ๆ อยู่ไหนอะ เดี๋ยวกูไปรับ”
“ม...ไม่ต้องๆ เย็นนี้ต้องไปทำงานต่อ ว่าจะไปเลย”
“/แล้วหลังจากนั้นอ่ะ?”
“ก็กลับห้อง”
“/คืนนี้ไอ้เจมส์ ไอ้ม่อนชวนไปแดกเหล้า มึงห้ามเบี้ยว เลิกงานแล้วกูจะไปรับที่ร้าน”
“เอ่อ...”
“/ห้ามเบี้ยว สะกดเป็นไหม หมู่นี้มึงหายหน้าไปเลยนะ รู้ไหม...”
“.......”
“ว่าเพื่อนๆ คิดถึง”
น้ำเสียงแผ่วเบาของคนปลายสาย ทำให้คนฟังใจอ่อน ไม่รู้คืนนี้รุ่นพี่
จอมเผด็จการนั่นจะพาเขาไปไหนหรือเปล่า หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็อยากจะกลับไปเจอเพื่อนๆ
“ยังไงเลิกแล้วจะโทรหานะ”
“/อืม...เดินไปไหนก็ดูตาม้าตาเรือด้วย รถรามันเยอะ ข้ามถนนก็ใช้สะพานลอย”
“รับทราบ”
“/มีอะไรก็รีบโทรมาหากู ห้ามหายไปเฉยๆ เข้าใจไหม?”
“รู้แล้ว เป็นห่วงอะไรขนาดนั้น”
“/ค...ใคร?! ใครห่วงมึง” ชะโพล่งออกมาอย่างลนลาน สร้างเสียงหัวเราะให้สุดที่รักได้ไม่น้อย
“ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราจะโทรหาก็แล้วกัน”
“/อืม”
สุดที่รักกดวางสาย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน พลันสองเท้าที่ย่างก้าวก็หนักอึ้งขึ้นทุกที เมื่อได้ยินบทสนทนาของชายหนุ่มสองคนที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าพ่อมึงรู้ว่ามึงควงเด็กผู้ชายจะเป็นไงวะ ได้ข่าวจากแม่ว่างานเลี้ยงวันก่อน มึงพาดาราโป๊ไปแนะนำให้พ่อแม่รู้จัก แค่นั้นกูว่าพ่อมึงก็คงอกแตกตายแล้วมั้ง ระวังหน่อยไอ้กว้าง พ่อมึงจะเป็นโรคหัวใจเอาสักวัน มีลูกไม่ได้ดั่งใจ”
“กูไม่ได้ควงใครทั้งนั้น ตอนนี้กูโสด ส่วนเด็กนั่นก็แค่มีไว้เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยบางอย่างของกู มึงก็รู้ กูไม่คิดจริงจังกับใคร”
“งั้นไอ้เด็กนี่ก็แค่ขนมกินเล่นว่างั้น?” พัทธ์กระเซ้า
“หึ...”
“ก็ดีว่ะ ท่าทางมอซอ หน้าตาก็...งั้นๆ ไม่ได้เหมาะสมกับมึงเลย กูว่ามึงคว้ามาแดกก็ว่าเป็นโชคดีของเด็กมันละ จ่ายไปเยอะป่ะวะ ดูแล้วไม่น่าแพง แดกแล้วรีบชิ่งเหอะ เขาว่ารักร่วมเพศแม่งอารมณ์รุนแรงนะเว้ย เกิดมันรักมึงมากๆ แล้วทนมึงทิ้งไปไม่ได้ ทำทุกวิถีทางให้มึงอยู่กับมันจะทำไง พูดไปแล้ว...ดาราโป๊คนก่อนยังโอเคกว่านะกูว่า”
“อืม ไม่ต้องห่วง มันชอบกูในแบบโง่ๆ คงไม่คิดทำอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างกูก็ได้มาฟรี ไม่ได้จ่ายสักบาท” ชายหนุ่มพูดและแค่ยกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม
เขาไม่ได้เถียงไอ้พัทธ์ เพราะยังยึดติดกับเสียงส่วนใหญ่ที่โลกอยากให้เป็น แต่เหมือนเขาจะใช้คำผิดไปนิด แท้จริงแล้ว ‘ชอบในแบบโง่ๆ’ เขาควรแก้เป็น ‘ชอบในแบบซื่อๆ’ แต่ก็ไม่ได้แก้ ปล่อยเลยตามเลยไปเสียอย่างนั้น
อีกอย่าง...เขาไม่ใช่รักร่วมเพศ และเขาไม่คิดจะรักไอ้เด็กนั่นด้วย
ไม่มีวันนั้นแน่ๆ
“ของฟรีแดกแล้วอาจกลายเป็นของแสลง ได้มาง่ายๆ แบบนี้ยิ่งน่ากลัว อย่าลืมป้องกันนะไอ้กว้าง”
“รู้น่ะ กูก็ป้องกันทุกครั้ง ไม่ต้องห่วง ลองแล้วก็ทิ้ง มึงก็รู้ว่ากูเบื่อง่าย”
“ร้ายกว่าเดิมเยอะเลยนะครับท่านเทพ”
กว้างขวางได้แต่หัวเราะในลำคอ พลางส่ายหน้าไปมาให้คำแซว
ภายนอกที่แสดงออกนั้นแสนจะเหยียดหยามเพื่อให้คนอื่นยังคิดว่าตัวเองยังเป็นผู้ชายที่เหนือกว่าใคร ทว่าหลังพลั้งเผลอพูดคำดูถูกออกไปในอกมันกลับแกว่งไกวแปลกๆ
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
“พี่พัทธ์...”
“อะไรจ๊ะ?”
หญิงสาวข้างกายลนลานหลังหันไปเจอใครอีกคนซึ่งยืนนิ่งอยู่เบื้องหลัง เธอสะกิดแฟนหนุ่มให้รู้ตัว หากแต่ไม่มีอะไรทันการ