เมื่อคุยธุระจบ สุดที่รักจึงโบกมือลาเพื่อนๆ ก่อนจะมุ่งหน้าเดินออกไปทางหน้าตึก แต่แล้วฝีเท้ากลับชะงักลงทันที เมื่อสายตาสบเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่ง นัยน์ตาเศร้าเบิกโต เมื่อเห็นรุ่นพี่หนุ่มยืนกดมือถืออยู่หน้าคณะ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นมือถือของเขาก็สั่นครืน ยกหน้าจอขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นแชทไลน์ที่คนตรงนั้นส่งมา
Gwangkhuang ‘มารออยู่หน้าคณะแล้วนะครับ’
สุดที่รักทำหน้าไม่ถูก อ่านข้อความแสนสุภาพซ้ำไปซ้ำมา
Sudtheerak_A ‘ไหนว่าวันนี้มีเรียนบ่ายไงครับ’
Gwangkhuang ‘ยกเลิกคลาส เบื่อๆ เลยจะชวนไปดูหนัง ไปกันนะ’
Sudtheerak_A ‘แต่ผมนัดกับเพื่อนไว้ วันหลังได้ไหมครับ’
คราวนี้ไม่ได้มาเป็นตัวอักษร หากแต่ส่งสติ๊กเกอร์รูปเจ้าหมีสีน้ำตาลเข้มกำลังนั่งกอดเข่าพร้อมกับจุดสามจุด
สุดที่รักหลุดยิ้ม หันไปมองเจ้าของสติ๊กเกอร์รูปหมี บางทีพี่กว้างกับหมี
ตัวนี้ก็หน้าคล้ายๆ กันแฮะ ด้วยความสงสารบวกกับความอยากอยู่ใกล้คนที่ตัวเองชอบ สุดที่รักพ่ายแพ้ต่อความต้องการ ส่งข้อความยกเลิกนัดกับชยางกูร ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าของรถยนต์คันโตที่หน้าตึกคณะ
“ไปก็ได้ครับ สงสารคุณหมีสีน้ำตาลหรอกนะ ไม่อยากให้นั่งเหงาคนเดียว”
น้ำเสียงสดใสพร้อมกับใบหน้าอมยิ้ม เรียกความสนใจคนที่ยืนรอและคิดจะตัดใจกลับคอนโดเมื่อสักครู่ไว้ทั้งหมด
รอยยิ้มแบบนี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
นัยน์ตาเศร้าเป็นประกายขัดแย้งกันอยู่ภายใน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูสวยงามตราตรึงอยู่ดี
ถ้าจะเป็นส่วนไหนของสุดที่รัก ก็คงจะเป็นตาเศร้าๆ นี่ล่ะมั้ง...ที่เขาชอบที่สุด
กว้างขวางเปิดประตูรถให้สุดที่รักเข้าไปนั่ง ก่อนจะเดินไปฝั่งคนขับและออกรถ ภาพทั้งหมดชาวคณะครุปีสองเห็นเต็มสองตา สร้างความงุนงงไม่น้อย ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน ได้แต่ถามกันและกันว่าเรื่องนี้คืออะไรยังไงกันแน่
เมื่อมาถึงโรงหนังในห้างสรรพสินค้าดังแห่งหนึ่ง รุ่นพี่หนุ่มเป็นคนจัดแจงซื้อตั๋วหนัง ซื้อน้ำและป๊อบคอร์นมาให้ทุกอย่าง สุดที่รักแทบไม่ต้องทำอะไร แค่ยืนรออยู่ที่เดิม ซื้อเสร็จก็ได้เวลาเข้าโรงพอดี ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในโรงหนังก่อนทิ้งตัวนั่งยังเก้าอี้ตรงกับกลางจอ ช่วงบ่ายแบบนี้คนดูหนังมักมีน้อยเนื่องจากเป็นวันธรรมดา จึงมีแต่พวกนักศึกษาไม่มีเรียนอย่างพวกเขา ที่มีไม่ถึงสิบคนเท่านั้นที่ใช้บริการ
“ป๊อบคอร์นไหมคะ?” หลังนั่งลง รุ่นพี่หนุ่มยื่นป๊อบคอร์นมาให้ คำถามที่ลงท้ายด้วยคะทำเอาต่างฝ่ายต่างชะงัก
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ”
“ขอโทษที ไม่ชินอะ” กว้างขวางสารภาพพร้อมยิ้มแห้ง ก่อนจะยื่นป๊อบคอร์นให้ “อา...”
สุดที่รักหันไปมองคนข้างกายที่ตอนนี้กำลังอ้าปากรอให้เขาป้อนราวกับลูกนกรออาหารจากแม่ สุดที่รักนึกขำก่อนจะหยิบป๊อบคอร์นใส่ปากให้ ในขณะที่โฆษณากำลังฉายอยู่บนจอยักษ์ รุ่นพี่หนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
“จริงๆ พี่ชอบนั่งตรงเก้าอี้วีไอพีมากกว่าเพราะมันกว้าง นั่งสบายดี” ชายหนุ่มเลือกเปลี่ยนคำเรียกตัวเองให้ดูสนิทสนมมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อหลายวันก่อน และก็ต้องยอมรับเลยว่ามันทำให้เขารู้สึกดีเวลาได้เรียกตัวเองแบบนี้อย่างหาสาเหตุไม่ได้
“แล้วทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนล่ะครับ นั่งสบายไหม ย้ายไหมครับ?” สุดที่รักมองขายาวๆ ของกว้างขวางที่หัวเข่าชิดติดกับเบาะด้านหน้าแล้วก็นึกเป็นห่วง กลัวจะนั่งไม่สบาย
“วันนี้ดูหนังผี กลัวคนแถวนี้จะตกใจแล้วหาคนกอดไม่เจอ พี่เลยมานั่งเก้าอี้เล็กๆ จะได้ใกล้กันอีกหน่อย”
“คุณ...” แผนสูงจริงๆ
“กอดได้นะอนุญาต” พูดพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มให้อย่างคนอารมณ์ดี สุดที่รักรีบเบือนหน้ากลับไปมองจอ เพราะรู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนมากเกินไปแล้ว
นี่เป็นแผนของผู้ชายคนนี้เพื่อเอาไว้จีบผู้หญิงแน่ๆ
หลังจากนั้นสักพักหนังผีที่ตีตั๋วเข้ามาดูก็เริ่มขึ้น มีบางช่วงบางจังหวะที่มาถึงฉากเหตุการณ์ชวนระทึก บวกกับเสียงซาวนด์ชวนสะดุ้ง ทำเอาคนไม่เคยดูหนังผีถึงกับหาที่หลบไม่ทัน สุดที่รักเหงื่อแตกพลั่กจนไรผมชื้นเหงื่อ แม้แอร์ในโรงจะเย็นแค่ไหนก็ตาม
“กลัวจริงๆ เหรอเนี่ย?” กว้างขวางกระซิบถามหลังเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลน เหมือนคนกำลังหนีผีซะเองของสุดที่รัก
สุดที่รักหลับตาแน่นอีกครั้งเมื่อในจอปรากฏภาพผีสาวหน้าเละโผล่โพล่งออกมาจากหลังประตูให้ได้ตกอกตกใจ มือไม้สั่นราวเจ้าเข้า ในขณะเดียวกันนั้นเองเขากลับได้รับสัมผัสจากฝ่ามือของคนข้างกาย กว้างขวางค่อยๆ สอดประสานนิ้วทั้งห้าเข้ากับมือของเขา ก่อนจะบีบกระชับแน่น ไม่รู้ทำไมเวลาที่สัมผัสกันทุกครั้ง ถึงเกิดความรู้สึกวาบวามได้ ขนาดนี้
จับที่มือ แต่สะท้านไปทั่วร่างกาย
“ไม่น่าแกล้งเลย ขอโทษนะครับ”
เสียงกระซิบแผ่วพร่าประชิดติดข้างแก้ม สุดที่รักหันกลับไปมองเจ้าของคำพูด เห็นใบหน้าหล่อเหลาห่างเพียงแค่ฝ่ามือกั้น มองสำรวจไปถ้วนทั่วทุกองค์ประกอบของผู้ชายคนนี้ตรึงในความคิด นานนับนาทีที่ทั้งสองเอาแต่จ้องมองกันและกัน ตาสบตา มือสอดประสาน
ต่างฝ่ายเหมือนตกลงไปในหลุมลึกที่ดูเหมือนว่าจะหาทางขึ้นไม่เจอ
ไม่มีใครรู้หัวใจตัวเอง แม้กระทั่งเจ้าของของมัน
เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ หัวใจดวงเล็กของสุดที่รักก็กระตุกไหวจนแทบหลุด
เพียงแค่ได้สบนัยน์ตาเศร้า กว้างขวางเหมือนคนติดอยู่ในภวังค์
‘แก้มสุดที่รักน่ะหอมจะตาย เผลอๆ หอมกว่าผู้หญิงที่มึงเคยหอมด้วยซ้ำ’
พลันคำพูดของไอ้อิ่มก็เด่นชัดขึ้นมาในสมอง วินาทีนี้คนสร้างกำแพงทางความรู้สึกกำลังฝ่าฝืนกฎที่ตัวเองเคยตั้งเอาไว้ เพียงเพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ ของคนตรงหน้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชวนให้เข้าหา เป็นกลิ่นหอมที่ไม่ใช่น้ำหอมราคาแพง อีกทั้งยังมีพวงแก้มใสขึ้นเส้นเลือดนี่อีกที่กำลังยั่วยวนดึงดูด
สุดที่รักหลบสายตาร้อนแรงที่มองมา กว้างขวางยามนี้คล้ายเด็กชาย
นักสำรวจ ใคร่รู้สิ่งแปลกใหม่ที่อยู่ตรงหน้า ยามนัยน์ตาคมมองที่แก้ม เขาก็รู้สึกร้อนที่แก้ม ยามนัยน์ตาคมมองไล้ที่ริมฝีปาก มันก็ร้อนริมฝีปากลามไปถึงทรวงอก
ผินใบหน้าหลบได้ไม่นาน กลับถูกนิ้วเรียวของอีกฝ่ายเกี่ยวประคองปลายคางให้หันกลับมา
ในตอนนั้นเองที่สุดที่รักไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้อีกแล้ว แม้แต่เสียงดังกระหึ่มชวนตกใจบนจอภาพ หลังถูกจมูกโด่งของกว้างขวางจรดแนบพวงแก้ม แถมยังฉกฉวยสูดดมเข้าปอดหนึ่งลมหายใจ
หอม...หอมจนอยากจะลองอีกสักครั้ง
แสงจากหน้าจอยักษ์วูบไหวกระทบร่างคนทั้งสองเกิดเป็นเงาขยับเขยื้อน ทว่าไม่มีผู้ร่วมดูหนังคนไหนสังเกตเพราะมัวแต่จดจ้องอยู่กับความน่ากลัวของเรื่องราวในจอภาพ มีเพียงคนสองคนตรงนี้เท่านั้นที่กำลังใช้เวลานี้มองตากันและกัน
“ขออีกทีนะ”
ชายหนุ่มกระซิบเสียงแผ่วพร่า ดวงตาสะท้อนความต้องการอย่างถึงที่สุด เขาไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าได้ปฏิเสธ ถือวิสาสะโน้มใบหน้าเข้าไปแนบแก้มนิ่มอีกรอบ ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุด
รสสัมผัสนุ่มนวลแบบนี้เขาเพิ่งเคยรู้จักเป็นครั้งแรกในชีวิต มันวาบหวามในอก เลือดกายร้อนแผ่ซ่านไปทั้งร่าง
“จูบได้ไหม?” เขาถามเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่ตอนนี้ปรือตามองอ่อนระทวย ร่างกายอ่อนแรงแทบจมไปกับเบาะที่นั่ง
สุดที่รักกัดริมฝีปากหลังได้ยินคำร้องขอชวนใจหวิว เขากระดากอายเกินกว่าจะอนุญาต ทั้งๆ ที่ในใจก็ไม่ได้นึกปฏิเสธอะไร
“รู้ไหม...ว่าพี่ไม่เคยจูบใคร นายเป็นคนแรก” กว้างขวางกระซิบข้างใบหู พลางกดนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากที่ขบเม้มของอีกฝ่ายเพื่อคลายออก
พี่ก็เป็นจูบแรกของผมเหมือนกัน...
สุดที่รักอยากพูดออกไปแบบนั้น แต่ใจไม่กล้าพอ
เมื่อไม่ได้รับการปฏิเสธ และเห็นว่าอีกฝ่ายยอมเปิดริมฝีปากให้ อารมณ์พลุ่งพล่านทั้งหมดที่กระสันซ่านไปทั่วร่างส่งผลให้ชายหนุ่มทำตามใจอยาก เอียงศีรษะงกๆ เงิ่นๆ เพราะไม่เคยจูบ ลมหายใจหอบถี่เมื่อความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากอีกฝ่ายประจักษ์อยู่ต่อหน้า ไม่รู้ทำไมกับคนอื่นถึงไม่นึกอยากจูบ แต่กับเด็กนัยน์ตาเศร้าตรงหน้า กลับทำให้เขาอยากจะลอง...
ความรักอาจไม่ใช่
ความเอ็นดูอาจใกล้เคียง
ชายหนุ่มไม่รอช้าประกบริมฝีปากกับอีกฝ่าย แต่มันเป็นเหมือนแค่การ
ใช้ปากแนบปากแบบไร้การขยับเท่านั้น เพราะไม่เคย ถึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่เพียงแค่เนื้อปากสัมผัสแตะต้องกันเท่านั้น กว้างขวางกลับมีความรู้สึกต้องการมันมากยิ่งขึ้น สัญชาตญาณนำพาให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติ เขาผละออกมาพลางจดจ้องริมฝีปากแดงๆ ตรงหน้า ก่อนจะเผยอปากออกเล็กน้อย แล้วส่งมอบเนื้อนุ่มประกบเข้ากับริมฝีปากอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนย่ามใจดูดดึงเนื้อนิ่มด้านในจนเกิดกลายเป็นเสียง
รู้สึกดีแทบบ้า
จูบครั้งที่สองนานกว่าครั้งแรกถึงเกือบนาที ครั้งนี้เป็นการทำความรู้จักกับคำว่าจูบให้มากยิ่งขึ้น มากจนแน่ใจแล้วว่าเขาทำมันเป็น แล้วก็ค้นพบว่าเขาทำได้ดีด้วย ยิ่งจูบ เสียงก็ยิ่งดัง ยิ่งยามได้ดูดดึงเอาริมฝีปากแดงตรงหน้าเข้ามาในปากทั้งบนทั้งล่างก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกดีพุ่งทะยาน คราวนี้เด็กชายนักสำรวจไม่จูบเพียงอย่างเดียว ยังลองส่งลิ้นชื้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายด้วย ทั้งแหย่ ทั้งกวาด ทั้งหยอกกับลิ้นที่อยู่ด้านใน สัมผัสชวนวาบหวามจนความกระสันก่อตัวกระจุกรวมอยู่ตรงส่วนสำคัญกลางกาย
มันรู้สึกแบบนี้นี่เอง
ส่วนนั้นของเขาแข็งขึงดุนดันผ่านเนื้อผ้า ความปวดร้าวหนึบหนับอยากจะปลดปล่อย เขาดึงมือของสุดที่รักที่ประสานกันเอาไว้ข้ามพนักเก้าอี้มาวางไว้บน
เป้ากางเกง อีกฝ่ายเหมือนจะตกใจ รีบชักมือกลับทันที
“ไม่ไหวแล้ว ช่วยพี่ที”
“คุณ...นี่มันในโรงหนังนะ คนอื่นก็อยู่” สุดที่รักหน้าแดงซ่าน เหลียวมองไปทั่วด้วยความอาย
“งั้นไปคอนโดพี่ เดี๋ยวนี้เลย”
“ผม...ยังไม่พร้อม”
“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม” เสียงฉุนดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าขุ่นเคือง กว้างขวางกำลังหงุดหงิดที่สุดที่รักขัดขืนไม่ยอมสักที
สุดที่รักไม่เคยทำเรื่องอย่างว่า มันเลยกลัวไปหมด ทั้งกลัวเจ็บ กลัวความรุนแรง กลัวทำไม่เป็น กลัวทำให้กว้างขวางหงุดหงิด เขาอยากหาข้อมูล อยากเรียนรู้ให้มากกว่านี้
“ผมกลัว...”
“พี่ทรมานใจจะขาดอยู่แล้ว เอาใจทุกอย่างแล้วนะ ยังกลัวกันอีกเหรอ ต้องให้รอถึงเมื่อไหร่”
สุดที่รักมองใบหน้าแดงก่ำของกว้างขวาง ชายหนุ่มขุ่นเคืองเมื่อถูกขัดใจ คนเอาอกเอาใจเมื่อหลายวันมานี้หายไปแล้ว
รู้อยู่เต็มอกแล้วล่ะ ว่าสิ่งที่รุ่นพี่คนนี้ทำดีด้วยก็แค่ต้องการเพียงร่างกายของเขา ไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งอื่นใดเหมือนอย่างที่ชายหนุ่มเสแสร้งแกล้งทำ
ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
เรามันบ้าเอง...บ้าที่ไปหวังอะไรลมๆ แล้งๆ นอกเหนือจากสิ่งที่ตกลงกันไว้
จุดประสงค์ที่พาตัวเองเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพราะเห็นใจ อยากจะช่วยชายหนุ่มหรอกเหรอ ในเมื่อตัดสินใจลงไปแล้ว ก็ไม่ควรจะมาประวิงเวลา คิดได้ดังนั้น สุดที่รักได้แต่ถอนหายใจปลดปล่อยความว้าวุ่น ปลดปล่อยความกังวลที่มีตลอดในหลายวันที่ผ่านมานี้ ความจริงทั้งหมดในตอนแรก คือเขาอยากช่วยกว้างขวางให้หลุดพ้นในสิ่งที่ค้างคาต่อกัน แต่เขากลับยื้อเวลาเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนๆ นี้ให้ได้นานที่สุด
เหมือนคนงี่เง่าไร้ค่าชะมัด
แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ยังไงเรื่องเราสองคนก็ไม่มีทางเป็นไปได้ กว้างขวางไม่เคยหยุดที่ใครนี่ เพราะงั้น...ตัดใจเสียแต่ตอนนี้
แค่ครั้งเดียว...แล้วให้มันจบลงสักที...
“ครั้งเดียวตามที่ตกลงกันไว้ ถ้ามันฝืนใจของนายมากเกินไป”
นั่นสิ
เดี๋ยวมันก็จบลงแล้ว
“ครับ แค่ครั้งเดียว เป็นคืนนี้เลยก็แล้วกันครับ”