บนเตียงยับยู่มีร่างสองร่างนอนเคียงกัน คนหนึ่งหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราไม่รู้ทุกข์ร้อน ใบหน้าขาวสะอาดดูผ่อนคลาย เสี้ยวหนึ่งซบฝังเข้ากับหมอนสีขาวใบโต กายกำยำเปลือยเปล่ามีผ้าห่มนุ่มปกคลุมให้ความอุ่นไว้แค่ครึ่งล่าง
การนอนครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่หลับสนิทที่สุดในรอบหลายเดือน ซึ่งแตกต่างกับใครอีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง
สุดที่รักปรือปรอยลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า นับตั้งแต่กิจกรรมทางเพศครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น เขาแทบจะไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าเคยหวานขาวซีดไร้เลือดฝาด ริมฝีปากบางที่เคยชุ่มฉ่ำบัดนี้หลงเหลือไว้เพียงความแห้งผาก ไม่เพียงเท่านั้นความเจ็บปวดรวดร้าวทั่วร่างยังแล่นลามแปลบปลาบในตอนขยับไหว เพียงแค่เอี้ยวตัวก็ระบมร้าวตั้งแต่ต้นคอยันปลายเท้า
สุดที่รักกัดฟันยามความปวดแล่นริ้ว โดยเฉพาะบริเวณสะโพก ต้นขา
ปลีน่อง นอกเหนือจากนี้คือช่องทางคับแคบด้านหลังที่สร้างความเจ็บเสียดระบมบวมนานหลายนาทีที่เขาพยายามจะลุก ทว่ายิ่งฝืนก็ยิ่งเจ็บ ที่สุดของความพยายามคือความล้มเหลว ยอมทิ้งกายนอนนิ่งไม่ไหวติง
นานนับหลายชั่วโมงกว่าการเสพสมร่วมรักจะจบลง ไม่รู้รุ่นพี่หนุ่มไปเอาเรี่ยวแรงมากมายมหาศาลแบบนั้นมาจากไหน อารมณ์ต้องการที่พลุ่งพล่านทุกครั้งยามกิจกรรมบนเตียงครั้งก่อนเสร็จสิ้น มันมักเริ่มต้นอีกครั้งในเวลาต่อมาไม่นานนัก
สุดที่รักเคยนึกสงสัยว่าอาการเสพติดเซ็กซ์ของกว้างขวางนั้นหนักหนาสาหัสถึงขั้นไหน
ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ถี่ถ้วนแล้วล่ะ
และสำหรับเขา...นี่ไม่ใช่บทร่วมรัก
การร่วมรักต้องมาจากความรักระหว่างคนสองคน
ครั้งหนึ่งสุดที่รักเคยวาดฝันและจินตนาการถึงบทร่วมรักของเขากับคนรัก มันจะต้องเกิดขึ้นและเป็นไปอย่างนุ่มนวล มองด้วยสายตาแสนหวงแหนขณะเชื่อมกาย เป็นหนึ่ง โอบกอดกันและกันจนแนบแน่นสร้างความอบอุ่นหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมแสนหวาน สุดท้ายจุมพิตข้างแก้มแล้วกระซิบบอกคำว่ารักให้ได้ยิน ก่อนหลับใหลไปพร้อมกันจนถึงเช้า
แต่นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
ความจริงก็คือ เพศสัมพันธ์นับครั้งไม่ถ้วนที่เสร็จสมไปเมื่อคืน กว้างขวางเป็นคนจัดแจงทุกท่วงท่าเองทั้งหมด การกระทำเป็นตัวบ่งบอกชั้นเยี่ยมว่าบทร่วมรักของผู้ชายที่ชื่อกว้างขวางนั้นรุนแรง พิสดาร และแปลกประหลาดมากเพียงไร ตัวเขาหมดแรงตั้งแต่สองครั้งแรก ในขณะที่รุ่นพี่หนุ่มเหมือนเพิ่งเริ่มต้น กว้างขวางยามเซ็กซ์จัดคือผู้นำแสนเผด็จการอย่างแท้จริง
ป่าเถื่อน หยาบโลน รุนแรง เอาแต่ใจ
นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็น่าละอายใจ เป็นเขาเองที่ยินยอมมอบกายให้รุ่นพี่หนุ่มคนนี้ได้เสพสม บำบัดความใคร่ชั่วครั้งชั่วคราว จะมานึกเศร้าโศกเสียใจกับสิ่งที่สูญเสียให้ชายหนุ่มเอาตอนนี้คงไม่ทันแล้ว สู้เอาเวลาที่มีในตอนนี้หาวิธีลุกออกจากเตียงโดยที่ไม่ให้อีกคนรู้ตัวจะดีกว่า
เวลานี้สุดที่รักไม่ต้องการอะไรนอกไปจากหลีกหนีกว้างขวางตลอดกาล
ไม่ต้องพบ ไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว
อย่าว่าแต่กระดากอายต่อคนกระทำเลย กับตัวเองที่เป็นอยู่ในตอนนี้ สุดที่รักแทบไม่อยากจะมองเลยด้วยซ้ำ
คิดได้อย่างนั้นก็พยายามยันกายลุกนั่ง โชคร้ายที่ช่วงเอวถูกปราการกักกั้นท่อนแขนแกร่งของกว้างขวางวางพาดอยู่บนหน้าท้องอย่างแน่นหนา เขากัดฟันกลั้นลมหายใจค่อยๆ จับแขนรุ่นพี่หนุ่มให้ออกจากกาย โชคยังเมตตาอยู่บ้างที่ชายหนุ่มยังคงสลบไสลอิ่มเอมเหมือนถูกเติมเต็ม ถึงแค่ครางเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะพลิกกายเปลี่ยนท่านอนให้สบายขึ้นเท่านั้น
เป็นโอกาสให้ใครอีกคนลอบออกจากสมรภูมิใคร่ เท้าเรียวก้าวลงแตะพื้น ก่อนเจ้าตัวจะหยัดกายลุกขึ้นยืน วินาทีนั้นราวกับโลกทั้งใบเอนเอียง สร้างความมึนเบลอไปชั่วขณะ สุดที่รักสะบัดหน้ายกมือขึ้นกุมหน้าผากโดยอัตโนมัติ
ปวดหัวหนักมาก
อาจเป็นเพราะไม่คุ้นเคยกับเหล้าญี่ปุ่น บวกกับกิจกรรมร้อนนอนน้อยเมื่อคืนที่ทำให้สุดที่รักถึงกับก้าวขาไม่ออก นานทีเดียวกว่าที่ร่างบางจะปรับตัวขยับกายได้อีกครั้ง เขาคว้าเสื้อผ้าที่วางกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น เสื้อเชิ้ตนักศึกษาขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี กางเกง สแล็คสีดำพร้อมเข็มขัดถูกเจ้าของรวบเก็บอย่างลวกๆ เมื่อได้ทุกอย่างมาไว้ในมือเรียบร้อย สุดที่รักเดินเขย่งย่องไปยังห้องน้ำ ไม่รอช้าจัดการสวมเสื้อผ้า แล้วเดินออกไปโดยไม่คิดสำรวจตรวจตราสิ่งอื่นใดอีก
พลันจังหวะที่เงยหน้าหลังก้มลงสวมใส่กางเกงอย่างทุลักทุเลเสร็จ แววตาเศร้าสบเข้ากับเงาสะท้อนตัวเองในกระจก ใบหน้าตอบนั้นซีดเซียวไร้เลือดฝาด ริมฝีปากแห้งผากจนแตกลอก ทุกอย่างบนใบหน้าไร้สีสันจืดชืดไม่น่ามอง ทว่ามองไล่ลงมายังลำคอกลับมีรอยช้ำสีกุหลาบแดงเถือกปรากฏให้เห็นเด่นชัดกว่าสิ่งใด
คนมองมองด้วยความกระดากอายระคนสมเพช ยกมือขึ้นแตะสัมผัสรอยช้ำ นอกจากลำคอแล้วยังมีให้เห็นบนแผ่นอกหลายจุด มองรอยเหล่านี้เพื่อตอกย้ำความบัดสีที่เกิดขึ้นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักแต่อย่างใด พลันม่านน้ำตาพรูพรั่งเคลือบคลอ ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ยอมปล่อยให้มันไหล กล้ำกลืนฝืนเก็บมันเอาไว้ดังเดิม สูดลมหายใจเข้าสุดปอด ก่อนจะออกไปจากห้องน้ำ
ห้ามร้องไห้...
นายไม่ได้อ่อนแอ...
ก็แค่เสียตัวครั้งแรก...
เดินย่องออกมาได้ก็เหลือบมองร่างใครอีกคน กว้างขวางยังคงนอนหลับไม่รู้ตื่น นอนคว่ำไม่เคลื่อนไหว แนบเสี้ยวหน้ากับหมอนนุ่ม สุดที่รักมองชายหนุ่มด้วยแววตา เจ็บเสียด
คนๆ นี้ควรใช้ชีวิตอยู่ให้ห่างที่สุด
เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าที่แตะต้องไม่ได้...
ส่องแสงเจิดจรัส เห็นชัดแต่ห่างไกล...
ไกลจนเกินเอื้อม...
ครั้งหนึ่งแค่ได้แอบรักก็สุขล้นหัวใจแม้ไม่ได้ครอบครอง แต่มันกลับทำให้คนมองอิ่มเอมและเติมเต็มทุกๆ วันในชีวิต
ทว่ามาในวันนี้...นักท่องดวงดาวตัวเล็กได้มีโอกาสมาสัมผัสกับดาวดวงนี้ เขากลับพบว่าบนพื้นแข็งที่กำลังสัมผัสมีแต่ความหยาบกร้าน
เหน็บหนาว อ้างว้าง ไม่มีแม้แต่อากาศให้หายใจ
เข้าใจแล้วล่ะ...มองจากที่ห่างไกล คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
สุดที่รักกระตุกยิ้มจางให้ตัวเอง ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นความรู้สึกที่มีต่อกว้างขวางเอาไว้ที่นี่ มองคนหลับใหลด้วยอารมณ์ไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์ใดใด
จากนี้ไม่มีอะไรให้ต้องข้องเกี่ยวกันอีก สิ่งที่เขารับปากอยากช่วย ก็สำเร็จลุล่วงไปแล้ว แม้ไม่ได้ด้วยดี เพราะใจคนให้กลับพังสลายอย่างไม่คาดคิดก็ตาม
ขอคืนความทรงจำดั่งภาพฝันให้เจ้าของ
ทุกอย่างที่รวมเป็นกว้างขวาง
ลูกบาส ชุดพละ กลิ่นหอมและอ้อมกอดแสนอุ่นในครั้งนั้น
ลาก่อน
ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าตรู่ยังมีแสงแดดรำไรให้เห็นอยู่แท้ๆ แต่ทันทีที่ก้าวออกมาจากประตูเลื่อนอัตโนมัติชั้นล่างสุดของคอนโดหรู ฟ้าฝนกลับก่อเค้าอึมครึม ก่อนหยดน้ำเม็ดใสจะพร่างพรูลงมาจากท้องฟ้าสีหม่นโดยไม่ทันให้คนที่เพิ่งเดินออกมาได้ตั้งตัว สุดที่รักเงยหน้า หรี่ม่านตามองสายฝนตกกระหน่ำก่อนรีบยกมือขึ้นมาบดบัง
แต่จะให้กลับเข้าไปก็คงไม่ได้อีกแล้ว
มองซ้ายมองขวาหาที่หลบฝน แต่บริเวณนั้นไม่มีสิ่งใดช่วยบดบังได้เลย จึงตัดสินใจกัดฟันวิ่งฝ่าสายฝนออกไปจากบริเวณคอนโดหรู วิ่งไกลหลายร้อยเมตรจนกระทั่งออกมาถึงหน้าปากซอย เหลือบไปเห็นป้ายรถเมล์ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลก็รีบเข้าไปหลบ มือบางลูบใบหน้าเปียกชื้น การหลบไม่เกิดผลใดใดเมื่อร่างทั้งร่างเปียกปอนไปหมดแล้ว สุดที่รักยืนกัดฟันหนาวสั่นจนต้องจับกระชับเสื้อฮู้ดตัวบางของกว้างขวางที่ถือวิสาสะเอามาใช้โดยไม่บอกกล่าว เขาไม่ได้อยากขโมย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเสื้อนักศึกษาของเขาขาดวิ่น กระดุมหลุดจากรังแทบไม่เหลือ
นอกเหนือจากอาการหนาวสั่นอย่างผิดวิสัย ยังมีอาการปวดหัวตัวรุมคล้ายจะเป็นไข้เกิดขึ้น นี่คงเป็นสภาพและอาการของคนดื่มเหล้าเยอะ ถูกกระทำและขาดนอน
สุดที่รักมองหาทางออก ตั้งใจจะกลับแท็กซี่แต่เมื่อตรวจดูเงินในกระเป๋ากลับพบว่ามันมีไม่มากพอ เขากำธนบัตรในมือก่อนตัดสินใจยัดมันกลับคืนกระเป๋ากางเกง
คงต้องกลับรถเมล์
ไม่ทันสิ้นสุดความคิด อาการปวดหนึบในสมองก็กำเริบอีกครั้ง เจ้าตัวพยายามสะบัดหน้าไล่ความมึน เหมือนกำลังจะหน้ามืดและล้มลงตรงนี้เสียให้ได้ ป้ายรถเมล์พื้นที่มีไม่เยอะ หลังคาน้อยนิดไม่ได้ช่วยบดบังสายฝนที่กำลังตกลงมา มันสาดซัดจนร่างบางเปียกปอน สุดที่รักเวียนหัวยากบรรยาย ช่องท้องเริ่มปวดมวน ช่องทางด้านหลังก็ระบมบวม ตลอดการก้าวเดินเขารู้สึกว่ามีของเหลวบางอย่างไหลซึมออกมาเป็นระยะ
แน่ล่ะ...มันคือของเหลวจากกายผู้ชายคนนั้น
กว้างขวางไม่ได้ใช้ถุงยางอีกเลยหลังจากสามครั้งแรก
อาการปวดร้าวไปทั่วตัวทำให้เจ้าของร่างยืนโงนเงน หลับตาแน่น พยายามสะบัดหน้าซีดเซียว สุดท้ายของความอดทน...สุดที่รักหมดสติ ล้มทั้งยืนบนทางเท้าไร้ผู้คน
“ครับ ได้ครับ ผมกำลังจะเข้าคลินิก”
อีกฝั่งหนึ่งของถนนซึ่งเป็นทางวันเวย์ที่คลาคล่ำเต็มไปด้วยรถยนต์ติด
ไฟแดงกำลังมุ่งหน้าเข้าใจกลางเมืองกรุง รถเก๋งสีขาวมุกคันหนึ่งจอดอยู่บริเวณนั้น คนขับไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นจิตแพทย์หนุ่มที่กำลังคุยโทรศัพท์กับพยาบาล
“คงอีกสักพักนะครับเพราะตอนนี้ฝนตกแล้วรถก็ติดหนักมาก ปัญหา โลกแตกจริงๆ ...เดี๋ยวนะครับคุณพริม...เฮ้ย! เอ่อ...เดี๋ยวไว้ค่อยเจอกันนะครับ”
สายฝนทำให้จิตแพทย์จิตใจห่อเหี่ยวไม่น้อย คุยโทรศัพท์ไปด้วยก็เล่นที่ปัดน้ำฝน มองฟ้า มองถนนไปทั่ว กระทั่งเหลือบสายตาไปยังอีกฝั่งหนึ่งของถนน เขาเห็นใครสักคนล้มพับไปต่อหน้าต่อตา แถมยังไม่มีใครอยู่ตรงนั้น...
“ฉิบ...” ชายหนุ่มสบถเมื่อเปิดประตูรถเจอกับฝนห่าใหญ่
“เฮ้ยคุณ! นั่นจะไปไหน จอดรถติดไฟแดงแบบนี้แล้วเดี๋ยวไฟเขียวจะทำไง” รถด้านหลังลดกระจกหลังเห็นชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของรถคันหน้าเปิดประตูแล้ววิ่งข้ามถนนไปหยุดยืนอยู่ตรงเกาะกลางเลน
ภาคภูมิยกมือขึ้นบังสายฝน แต่กลับพบว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร เขาสบถในลำคออีกครั้งก่อนจะถอดแว่นแล้วใช้มือปาดน้ำฝนออกจากใบหน้า พร้อมกับ หันไปตะโกนใส่เจ้าของรถคันหลัง
“ผมเห็นคนเป็นลม จะรีบพากลับมาที่รถ ไฟแดงอีกตั้งหลายร้อยวินะคุณ สิ่งที่คุณควรทำคือเปิดประตูรถให้ผมหน่อย”
เขาบอกแค่นั้นก็รีบวิ่งข้ามถนนอีกฟากไปหาร่างเด็กผู้ชายคนนั้น
“คุณ!!” หมอหนุ่มเรียกสติ ช้อนร่างโปร่งขึ้นพิงหน้าตักตัวเอง “อ้าว! คุณสุดที่รัก!!”
ภาคภูมิเขย่าร่างเด็กหนุ่มซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเจอที่ปั๊มน้ำมัน ตบหน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติ ทว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดใด ใบหน้าและริมฝีปากซีดเซียวเกือบม่วงของคนในอ้อมแขนทำให้เขาตื่นตระหนก ก่อนตัดสินใจช้อนร่างบางขึ้นแนบอก วิ่งฝ่าสายฝนข้ามถนนกลับมายังรถ ยังดีที่รถคันหลังยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง ใครคนนั้นออกมาจากรถ ก่อนจะวิ่งมาเปิดประตูให้เขา
“ขอบคุณมากนะครับ”
ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วกลับไปที่รถ ภาคภูมิปิดประตูให้คนสลบ ก่อนจะก้าวขึ้นรถอย่างเร่งรีบเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนสี เขาเปลี่ยนจุดหมายปลายทางเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่
เมื่อมาถึง ภาคภูมิส่งสุดที่รักเข้าห้องฉุกเฉิน ก่อนจะขอเป็นคนตรวจเช็คอาการให้ด้วยตัวเอง ด้วยเพราะเคยทำงานอยู่ที่นี่ในระยะหนึ่ง จึงคุ้นเคยกับคนของโรงพยาบาลนี้เป็นอย่างดี
“ตัดเสื้อผ้าเขาออกเลยครับ” เขาสั่งพยาบาลประจำเวร
เมื่อเสื้อผ้าเปียกชื้นทุกชิ้นถูกตัดออก ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เล่นเอาคนมองถึงกับตกตะลึง นิ่งงันไม่ไหวติง
เรือนร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยร่องรอยบอบช้ำจากการทำรัก
มันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ
ลำคอขาวม่วงเป็นจ้ำลามลงมายังยอดอก ต้นแขนทั้งสองข้างมีรอยช้ำคล้ายถูกบีบถูกรั้งแรงๆ ต้นขาด้านในเปรอะเปื้อน เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นเจือปนมากับเลือดเหลว ซ้ำมันยังคงไหลออกมาจากช่องทางด้านหลังของคนหมดสติไม่ขาดในตอนนี้ ข้างสะโพกปรากฏรอยนิ้วมือจางๆ ภาคภูมิไล่มองทั้งหมด มองไม่ละสายตาจนไปถึงข้อเท้าเล็ก ซึ่งมีคล้ายรอยบาดของเชือกทั้งสองข้าง
นี่มัน...ไม่ต่างอะไรกับการถูกข่มขืน
“คุณหมอคะ...” พยาบาลสาวเอ่ยเรียก คนเป็นหมอถึงได้สติก่อนจะรีบทำการรักษาไปตามอาการที่ปรากฏ
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าการดูแลรักษาจะเสร็จสิ้น ซึ่งหมอภูมิเป็นคนทำเองทั้งหมด ทั้งการรักษาบาดแผลบอบช้ำ เช็ดตัว รวมไปถึงการทำความสะอาดช่องทางระบมบวมให้เด็กหนุ่ม เขาวัดอุณหภูมิให้เป็นอย่างสุดท้ายและค้นพบว่าร่างบางนั้นถูกไข้รุมเร้าอย่างหนัก เลยตัดสินใจฉีดยาและสั่งพยาบาลเติมน้ำเกลือให้คนป่วย ก่อนจะเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยใบหน้าเงียบขรึมอย่างที่คนรอบข้างไม่เคยเห็นมาก่อน
ชายหนุ่มต่อสายหาใครอีกคนขณะยืนมองร่างสุดที่รักผ่านกระจกใส
ไม่ต้องเดาก็พอรู้ ว่าตัวก่อเรื่องครั้งนี้เป็นใคร
‘ไม่มีสัญญานตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...’
เมื่อคนปลายสายไม่รับอยู่หลายครั้ง ภาคภูมิสบถในลำคอก่อนจะตัดใจ หันมากดมือถือของสุดที่รักเพื่อหาคนติดต่ออื่น
‘ชยางกูร’
48 miss called
“เดี๋ยวนะ มีใครตายหรือเปล่า?” หมอภูมิขมวดคิ้วเมื่อเห็นหน้าจอปรากฏสายที่ไม่ได้รับ ซึ่งเป็นคนๆ เดียวกันทั้งหมด
หมอหนุ่มตัดสินใจกดโทรกลับไปเบอร์ดังกล่าว รอสายไม่ถึงเสี้ยววินาที คนปลายทางก็กดรับแล้วกรอกเสียงใส่เขาไม่ยั้ง
“สุด! มึงอยู่ที่ไหน? มึงหายไปไหนทั้งคืน กูโทรไปก็ไม่รับ มึงรู้ไหมว่ากูตามหามึงให้ทั่ว กูไปรับมึงที่ทำงานเมื่อคืน เขาก็บอกว่ามึงไม่ได้ไป มึงไปทำเหี้ยอะไรมา คนอื่นเขาเป็นห่วงกันไปหมด!!” น้ำเสียงร้อนรนระคนขุ่นเคืองอยู่ในที
“เดี๋ยวคุณ...ผมไม่ใช่คุณสุดที่รัก”
“...แล้วคุณเป็นใคร? สุดที่รักอยู่ที่ไหน!!” ชยางกูรตะคอกเสียงกร้าว มากกว่าความโกรธคือความเป็นห่วงสุดหัวใจ
“เขาอยู่โรงพยาบาล ผมเจอเขาเป็นลมอยู่แถวป้ายรถเมล์เลยพามา”
“โรงพยาบาลไหน?”
“โรงพยาบาลXXX แถวเพลินจิตครับ คุณ...เดี๋ยวคุณ...ฮัลโหล? อะไรของเขา” หมอภูมิสบถเบาๆ มองมือถือในมือ ก่อนจะหันไปสนใจคนป่วยหมดสติอีกครั้ง