เสียงฝนตกกระหน่ำดังรบกวนกระทบโสตประสาทคนกำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียง หากแต่เหตุการณ์โกลาหลเมื่อคืนยังคงส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าเพลียแรง เจ้าของร่างรับรู้ถึงสติ แต่ก็ทำเพียงแค่ขยับกายควานหาความอบอุ่นจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ก่อนใบหน้าเรียวจะพบเข้ากับวัตถุอุ่นนุ่ม จากนั้นจึงฝากฝังเสี้ยวหน้าหนึ่งไว้กับมันแล้วครางในลำคออย่างพึงพอใจ พลันในวินาทีต่อมาสิ่งที่คิดว่าเป็นวัตถุนั้นกลับขยับไหว ร่างโปร่งถูกรัดแน่นชวนให้อึดอัด
วินาทีนั้นเลยฝืนปรือตามอง พบวัตถุอุ่นร้อนที่ว่า แท้จริงแล้วคือแผ่นอกหนาของใครอีกคน ผู้ซึ่งถือวิสาสะนอนร่วมเตียงกับเขาตั้งแต่เมื่อคืน
สุดที่รักเบิกตาโพลง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับอีกคนที่ถูกรบกวนเวลานอน ชยางกูรมองดวงหน้าที่ห่างไม่ถึงคืบด้วยตาปริบๆ
“ชะ!” สุดที่รักรีบผลักอกชยางกูรออกห่าง ทำเอาคนที่นอนหมิ่นเหม่ขอบเตียงร่วงหล่นสู่พื้น
“โอยยยย จะผลักกูทำไมเนี่ย”
“ก็เมื่อกี้นาย...”
สุดที่รักกุลีกุจอลุกขึ้นยืนข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง พลางชี้นิ้วใส่คนตัวสูงกว่าตรงหน้าอย่างคนไปไม่ถูก
เมื่อกี้...ไม่ต่างอะไรกับการถูกกอด
ชยางกูรยันกายลุกขึ้นยืน มองคนลุกลี้ลุกลนพลางคลำสะโพกตัวเองป้อยๆ
“เมื่อกี้กูทำไม?”
“นาย...”
สุดที่รักอ้ำอึ้งไม่กล้าไขข้อกระจ่างถึงความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ จะให้เขาพูดออกไปได้ยังไง ว่าตั้งแต่เกิดมา นอกจากพ่อแม่แล้ว ยังไม่เคยมีใครได้นอนกอดเขาอย่างนี้เลย อีกอย่างเขาอยากท้วงถึงเรื่องไม่เหมาะสม คนเป็นเพื่อนกัน แถมยังเป็นผู้ชายด้วยแล้ว ใครมาเห็นเข้าคงดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดไป เดี๋ยวจะหาว่าเขาจริงจัง คิดมากเกินไปหรือเปล่า ท่าทีที่แสดงออกเลยทำได้แค่ยืนเก้ๆ กังๆ เหงื่อแตกพลั่ก นัยน์ตาเศร้าหลุกหลิกเสมองไปทางอื่นอย่างจนใจ
ชยางกูรเห็นท่าทางแปลกประหลาดกับดวงหน้าขึ้นสีจึงตีความได้ในทันที เขายกยิ้มมุมปากพลางกอดอกใช้สายตาทะเล้นมองคนตรงหน้า
“ตกลง...เมื่อกี้กูทำไม? อย่าบอกนะว่ามึงเขินที่กูกอด”
“ม...ไม่ใช่อย่างนั้น ก็แค่ตกใจ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ เราไม่ค่อยชอบ” ปลายประโยคติดปรามเสียงเบา ไม่อยากให้คนที่ตนมั่นใจว่าเป็นเพื่อนกันต้องมาทำอะไรแปลกๆ แบบนี้อีก
เมื่อได้ยินคำว่าไม่ชอบ คนฟังถึงกับหน้าเจื่อน รอยยิ้มเหือดหาย และก่อนที่บรรยากาศจะชวนอึดอัดไปมากกว่านี้ คนตัวสูงกว่าจึงแสร้งหัวเราะแสดงสีหน้าเอือมระอา พลางเดินเข้าไปหาอีกคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากมนแรงๆ หลายครั้ง
“โหยยยนี่มึงคิดไปถึงไหนแล้ว ถึงได้บอกว่าไม่ชอบที่กูทำ ทีเมื่อคืนล่ะ หมาน้อยตัวไหนที่มันร้องไห้ขี้มูกโป่งสะอึกสะอื้นจนกูต้องอยู่ปลอบใจ สำนึกซะบ้าง แล้วอากาศแม่งก็เย็น ผ้าห่มก็ไม่มีให้กู กูคงเผลอหาไรมากอดแบบไม่รู้ตัวนั่นล่ะ ใครจะอยากกอดมึงล่ะ คร้าบ อีกอย่างอ้อมแขนพี่ชะนี่สาวๆ ร้องขอกันระงมนะครับไ*****อ”
“เจ็บๆ ชะเจ็บ” สุดที่รักเบี่ยงศีรษะหลบนิ้วที่จิ้มย้ำไม่เลิก
พอเพื่อนเอ๋อมันร้องด้วยความเจ็บ ไอ้ชะถึงกับหน้าเหวอ รีบชักมือกลับแทบไม่ทัน
“มึงนี่ชอบทำให้กูหงุดหงิดนะ เดี๋ยวกูโบกเลย” มันเป็นความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำร้ายไม่สุด ดีใส่ก็ไม่สุด ปากว่าจะโบก แต่ก็ทำได้แค่ท่าทาง เพราะทำไปกลัวมันเจ็บอีก
คนถูกว่าคลำศีรษะป้อย พลางเหลือบไปมองนาฬิกา ซึ่งตอนนี้เข็มสั้นชี้ไปที่เลขแปด เข็มยาวชี้ไปที่เลขหก พลันนัยน์ตาโศกถึงกับเบิกกว้าง
“สาย!!”
สบถเพียงแค่นั้น ร่างโปร่งก็วิ่งวุ่นไปทั่วห้องโดยลืมใครอีกคนไปเสียสนิท ชยางกูรได้แต่มองคนรีบร้อนลนลานทำนู่นทำนี่
“รีบไปไหนเนี่ย?”
“ทำงานพิเศษ ทำไมนาฬิกามันไม่ปลุก วันนี้พี่พลอยให้เข้าก่อนเวลาด้วย” สุดที่รักตอบพลางติดกระดุมเสื้อเชิ้ตไปด้วย
“ปกติเข้ากี่โมง?”
“เก้าโมงครึ่ง”
“แล้ววันนี้พี่เขาให้ไปก่อนกี่โมง”
“แปด”
“เอ้า สายแล้วดิวะ แปดครึ่งมึงยังยืนหัวโด่อยู่นี่อยู่เลย”
“เราไปก่อนนะ อาบน้ำระวังแผลด้วย ถ้าออกไปช่วยล็อคประตูให้ด้วยนะ” เห็นรูปร่างผอมบางอย่างนี้ แต่ก็มีความว่องไวไม่เบา สุดที่รักพูดส่งท้ายพร้อมกับปาผ้าเช็ดตัวใส่หน้าชยางกูร
ปัง!
สิ้นเสียงปิดประตูโครมใหญ่ฝีมือจากคนรีบร้อน จึงหลงเหลือเพียงร่างสูงที่ยืนตรงกลางห้องด้วยสภาพเสื้อยืดกับกางเกงบ๊อกเซอร์ เขามองบานประตูนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะก้มมองผ้าเช็ดตัวในมือ ความนิ่มอุ่นในอ้อมแขนเมื่อครู่รางเลือนแทบหายไปแล้ว ทว่าคนยืนนิ่งกลับพยายามดึงเอารสสัมผัสนั้นมาใส่ใจอีกครั้ง พลันใบหน้าคมคายได้รูปเผยอมยิ้มขึ้นมาเพียงลำพัง
“อยากกินอะไรครับ?”
“อะไรก็ได้ค่ะ มายด์แล้วแต่พี่กว้างเลย” คนถูกถามยิ้มสวยเอาใจสารถี
ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มตอบขณะขับรถสปอร์ตคันหรูพาแฟนสาวออกมาหาอะไรทาน คนหล่อเหลาหันไปมองหน้าคนข้างกายเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะหันกลับไปมองถนน เอื้อมมือข้างหนึ่งมาลูบศีรษะอย่างเอ็นดู
“ถ้าแล้วแต่พี่ เราคงต้องไปกินอะไรที่ว่ากันที่โรงแรม”
คำพูดหลายแง่ทำเอาหญิงสาวถึงกับเขินอาย ความตรงไปตรงมาในเรื่องความต้องการของกว้างขวางช่างชัดเจนจนเธอไปไม่เป็นอยู่หลายครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังชอบและหลงเสน่ห์ในแบบฉบับของกว้างขวางอยู่ดี
“พี่กว้างอ่ะ กินข้าวก่อนสิคะ กินข้าวเสร็จค่อยกินมายด์ต่อก็ได้”
กว้างขวางหัวเราะด้วยความพึงพอใจ พลางเหลือบมองไปยังเรือนร่างหญิงสาว วันนี้แฟนสาวของเขาใส่ชุดค่อนข้างมิดชิด เน้นไปทางหรูหราไฮโซด้วยชุดจั๊มกางเกงขายาวสีกรมท่าพร้อมกระเป๋าถือแบรนด์ดังที่เขาเพิ่งซื้อให้ไปเมื่อวันก่อน
สายตาพินิจพิเคราะห์ของรุ่นพี่สุดหล่อนั้น หญิงสาวเข้าใจดีว่าไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก
กว้างขวางชอบที่จะได้เห็นรูปร่างส่วนสัดชวนจินตนาการมากกว่านี้
“ชุดมายด์ไม่สวยเหรอคะ พี่กว้างถึงได้มองตาขวางเชียว” เธอโน้มกายออดอ้อน เห็นชายหนุ่มชะงักไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะยิ้มจางให้เธอ
“สวยครับ แต่พี่ชอบมองอะไรที่มันสบายตากว่านี้”
มายด์หัวเราะให้คำพูดอ้อมค้อมติดสุภาพ ในเวลาที่ผู้ชายที่ชื่อกว้างขวางไม่เกิดอารมณ์ป่าเถื่อน นำความต้องการทางเพศมาเป็นที่หนึ่ง เขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายอารมณ์ดี ยิ้มง่าย และสุภาพกับเธอเท่านั้น
เธอมองคนพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่กำลังก่อตัว ด้วยใบหน้าหล่อเหลาดึงดูดในยามที่เขาเม้มริมฝีปาก ทำให้คนมองอย่างเธอเกิดอารมณ์ตามได้ไม่น้อย ยอมรับเลยว่าพี่กว้างขวาง เป็นผู้ชายที่ช่างมีบุคลิกปลุกเร้าอารมณ์เบื้องลึกของผู้หญิงได้อย่างดีเยี่ยม
“สบายตา...แบบนี้เหรอคะ?” เสียงหวานเอ่ยอ้อยอิ่ง พร้อมกับมือที่ลูบไล้ไปบนช่วงอกของตัวเองผ่านเนื้อผ้าราคาแพง ชุดนี้มีซิปอยู่ด้านหน้า จึงไม่ยากที่จะใช้มันมาเป็นสิ่งยั่วยวนคนตรงหน้า เธอจับตัวซิปและดึงรั้งมันลงจนถึงหน้าท้อง เผยให้เห็นเนินเนื้อขาวอิ่มโดยมีชั้นในสีดำโอบอุ้มจนเกิดเป็นร่อง
“แบบนี้จะสบายในตอนท้าย แต่ตอนนี้จะทรมานครับ”
เขาตอบอย่างซื่อตรงต่อห้วงอารมณ์ บัดนี้เหงื่อกาฬเริ่มผุดซึมบนหน้าผากขาว กว้างขวางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สิ่งสำคัญกลางกายตื่นตัวเมื่อถูกเย้าด้วยภาพตรงหน้า
ยิ่งเห็น ยิ่งอึดอัด
อยากสัมผัส อยากปลดปล่อย
“งั้นให้มายด์ช่วยทำให้พี่กว้างหายทรมานตอนนี้ดีไหมคะ...” มือบางซุกซนเลื่อนไหลไปตามต้นขาของชายหนุ่ม แต่ก่อนจะไปถึงตรงส่วนนั้น กลับเป็นกว้างขวางที่หยุดการกระทำเอาไว้ มือแกร่งข้างหนึ่งละจากพวงมาลัยมาตะครุบมือของหญิงสาว
“พี่จะบังคับรถไม่ได้ มายด์หยุดเล่นก่อนนะคะ”
“มายด์ไม่ได้จะทำอะไรเลยนะคะ แค่...” จงใจโน้มกายเข้าไปใกล้อีกนิด จนกระทั่งหน้าอกอวบอัดเบียดเสียดต้นแขนแกร่ง “ปลดปล่อยให้พี่กว้าง แถมตอนนี้มายด์ก็หิวพี่กว้างแล้วด้วย”
ชายหนุ่มหันสบตาหญิงสาวที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความต้องการของเธอจะพุ่งจนถึงขีดสุดไปแล้ว ในท้ายที่สุด เขาสนองเธอด้วยการเอื้อมมือไปบีบขยำเนินเนื้อ สัมผัสความอุ่นนุ่มปลุกเร้าอารมณ์ได้ไม่หยอก หญิงสาวหลับตาพริ้ม พร้อมกับครางเสียงหลงในลำคอ มือบางข้างหนึ่งจับมือของชายหนุ่มเอาไว้เพื่อนำทางควานหาความเสียวซ่าน ส่วนอีกข้างก็เอื้อมไปลูบคลำกลางกายผ่านผิวผ้าของรุ่นพี่หนุ่ม แผ่วเบาจังหวะหนึ่ง ก่อนเค้นคลึงยั่วยุไม่ผ่อนแรง หากแต่เป็นกว้างขวางที่เริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ รถสปอร์ตที่ขับด้วยความเร็วระดับเกินร้อยรวนเร เขารู้ตัวว่าอารมณ์เริ่มไม่ปกติ จึงรีบตะครุบมือซนแล้วจับให้ห่างกาย
“พอก่อน เดี๋ยวพี่เสียสมาธิ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า
“หืม...พี่กว้างมีมุมนี้ด้วยเหรอเนี่ย”
“มุมอะไรครับ?” กว้างขวางเลิกคิ้ว
“มุมหักห้ามใจตัวเองไงคะ ปกติพี่กว้างจะไม่ยั้งเลย รุนแรงกับมายด์ตลอดจนมายด์นึกสงสัยว่าพี่กว้างเป็นซาดิสม์หรือเปล่า”
“พี่ห้ามใจเพราะพี่กำลังขับรถอยู่ต่างหาก เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำไงคะ แล้วพี่ก็ไม่ได้ชอบความรุนแรงอย่างที่มายด์เข้าใจ พี่รู้แค่ว่าร่างกายกับสมองมันสั่งให้พี่ทำ ขั้นไหน แรงไหม อันนี้คงอยู่ที่คนรับมันไป”
“กับคนอื่น พี่กว้างรุนแรงแบบนี้ด้วยหรือเปล่า?” เพราะสงสัยถึงได้เอ่ยปากถาม เธออยากรู้ว่าผู้หญิงหลายคนในอดีต ถูกกว้างขวางทำอะไรแบบนี้เหมือนกับเธอหรือไม่
“จำกัดความคำว่ารุนแรงของมายด์ให้พี่ฟังหน่อย”
“ก็...มีเซ็กซ์ได้ทุกที่ที่อยากมีโดยไม่สนใจใคร เอาแรงจนเหมือนโลกสั่น แถมยังเอานาน เอาได้หลายๆ ครั้งโดยไม่พัก บีบเนื้อบีบตัวจนเป็นรอยช้ำ บังคับให้ทำให้ ทั้งท่าปกติ แล้วก็ท่าพิสดาร ใช้ของเล่น...”
“พอๆ ๆ” คนฟังเอ่ยขัดเพราะสุดจะทนฟังคำสาธยาย เขาหัวเราะ ก่อนเอ่ยด้วยอารมณ์ที่เริ่มผ่อนคลาย “ถ้านี่คือความรุนแรงที่มายด์คิด ใช่...พี่รุนแรงแบบนี้กับทุกคน”
เขาตอบอย่างไม่อาย และไม่คิดจะปิดเป็นความลับอะไรกับแฟนสาว
“พี่กว้างอ่ะ! มายด์หึงนะคะ”
“หึงทำไมคะ คนอื่นก็คือคนอื่น แล้วคนอื่นที่ว่าก็เป็นอดีตไปแล้ว แต่มายด์คือปัจจุบันของพี่นะ” เขาเอื้อมมือไปโยกศีรษะเธอเบาๆ อย่างเอาใจ
“ก็มายด์ไม่อยากให้พี่กว้างทำลึกซึ้งอะไรแบบนี้กับใครนี่คะ ต่อไปนี้ทำกับมายด์คนเดียวพอนะ มายด์จะรับไว้ทุกอย่างเอง”
ไม่ว่ารสสัมผัสของกว้างขวางจะรุนแรงแค่ไหน เธอก็จะขอรับหน้าที่นี้ ด้วยตัวเอง กว้างขวางเป็นคนที่เธอรักอย่างสุดหัวใจ เขามีครบทั้งรูปทั้งทรัพย์ เป็นใครบ้างไม่อยากได้มาเป็นคนรัก ถึงจะติดเรื่องความต้องการทางเพศหนักหน่วงนี่ก็เถอะ
“จะทนกับพี่ได้สักแค่ไหนกันเชียว” ชายหนุ่มเปรยเสียงเบา ถ้าแค่นี้ว่ารุนแรงแล้ว ที่ยังไม่แสดงออกมาอีกมากมายนั่นคงไม่ต้องพูดถึง อาการกระหายเพศสัมพันธ์ไม่เคยปรานีเขา แล้วเขาก็ไม่เคยคิดที่จะปรานีคนของตัวเองด้วยเช่นกัน
อารมณ์ป่าเถื่อน หิวกระหาย เป็นเหมือนโรคร้ายที่รักษาไม่หาย
เขายังมีอีกเยอะให้ต้องตกใจ
“ทนได้สิคะ ให้มายด์เป็นคนสุดท้ายของพี่กว้างนะคะ นะ...”
คนสุดท้าย...ฟังแล้วดูห่างไกลจากชีวิตของนายกว้างขวาง เขาไม่คิดจะหยุดอยู่ที่ใครเป็นคนสุดท้าย
อย่างน้อยก็ตอนนี้...
กว้างขวางยิ้ม หากแต่ไม่ตอบรับ เขากำลังสนใจทางข้างหน้า อีกโค้งเดียวเท่านั้นก็จะถึงย่านหน้ามหาวิทยาลัย ที่ซึ่งมีร้านอาหารและร้านกาแฟไว้นั่งเล่นให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
“หาอะไรกินหน้ามอแล้วกันนะคะ พี่นึกขึ้นได้ว่าไอ้เขมนัดเจอ”
“พี่กว้าง...ฟังมายด์อยู่หรือเปล่า ให้มายด์เป็นคนสุดท้าย” หญิงสาวเริ่มงอแงเมื่อเห็นชายหนุ่มเบี่ยงเบนประเด็น
เธอเคยได้ยินว่ากว้างขวางจับยาก หัวใจของรุ่นพี่หนุ่มคนนี้ไม่เคยเป็นของใครจริงๆ คงเป็นดังคำเขาว่า ทุกครั้งที่จริงจัง จะเป็นทุกครั้งที่ชายหนุ่มบ่ายเบี่ยง หลบเลี่ยง
หญิงสาวรีบทวงหาความสำคัญด้วยการโถมกายเข้าไปกอด ซบหน้าซุกบน อกแกร่ง กว้างขวางถอนหายใจอย่างจนใจ ก่อนจะเอื้อมมือลูบเรือนผมเธอ
“เป็นเด็กดีของพี่ก่อน ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน”
“สัญญานะ สัญญากับมายด์ มายด์ขาดพี่ไม่ได้แล้ว”
เธอสารภาพออกมาจากขั้วหัวใจ บัดนี้หญิงสาวเสพติดผู้ชายคนนี้ไปเสียแล้ว แล้วมันก็ทรมานด้วยถ้าคิดว่าชีวิตต้องขาดผู้ชายคนนี้ไป ด้วยเพราะอยากเอาใจบวกกับฉุดรั้งให้ชายหนุ่มหันมาสนใจเธออีกครั้ง จึงเลื่อนใบหน้าเข้าไปหา ก่อนจะเป็นฝ่ายประกบริมฝีปากก่อน แลบลิ้นอุ่นพยายามสอดดุนเข้าไปในโพรงปาก ฉกฉวยโอกาสนี้ปรนนิบัติอย่างเอาใจ
กว้างขวางชะงัก รีบสะบัดหน้าหลบสัมผัสจาบจ้วงที่ไม่ได้รับอนุญาต
ห้ามจูบ
เขาหวงการสัมผัสแบบนี้ เพราะไม่มีใครดีพอให้เขาต้องจูบ
“มายด์! ไม่น่ารักแล้วนะ! พี่บอกทำไมไม่ฟัง”
ความสนใจทั้งหมดมีให้กับหญิงสาว สายตาเดือดดาลไม่สบอารมณ์จ้องเอาเรื่องคนอายุน้อยกว่า ปลายเท้าผ่อนแรงเหยียบคันเร่งอย่างคนเผลอไผลห้วงอารมณ์คุกรุ่นเป็นเหตุให้มือทั้งสองซึ่งจับพวงมาลัยเสียศูนย์...
สายแล้ว...
ความรีบเร่งไม่ได้ทำให้คนรีบร้อนมาถึงที่หมายได้ไวสมใจอยาก เพราะกว่าที่จะเดินทางมาถึง ซึ่งปกติต้องใช้เวลานานกว่าสิบห้านาที วันนี้เขากลับต้องเจอกับอุปสรรคมากมายราวกับโชคชะตากลั่นแกล้ง ตั้งแต่หารถมอเตอร์ไซค์ออกมาหน้าปากซอยหอไม่ได้ ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากซอยในระยะเกือบสองกิโลเมตร ออกมาถึงก็ดันลืมบัตรรถไฟฟ้า ต้องเสียเวลาไปหยอดเหรียญรับบัตรขาเดียวอีก อุปสรรคเหล่านั้นทำเอาสุดที่รักเหนื่อยหอบแถมยังมาสายเกินกว่าเวลาทำงานจริงๆ เสียอีก
งานพิเศษที่ว่า คือการเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัย เป็นหนึ่งในงานที่เขาสมัครเอาไว้ ซึ่งงานที่นี่ถือเป็นงานหลักที่เขาให้เวลาด้วยมากที่สุด เพราะเงินดีและมีทิปให้ทุกครั้ง เนื่องจากร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านที่มีชื่อเสียง มีคนมาใช้บริการหลากหลาย ทั้งนิสิตนักศึกษา รวมไปถึงเหล่าดารา และเหล่านักรีวิวอาหารจากทั่วประเทศ ด้วยเพราะการตกแต่งของร้านที่เน้นความปลอดโปร่ง มีจุดเด่นคือการนำสวนดอกไม้และธารน้ำขนาดย่อมมาเสริมสร้างให้บรรยากาศผ่อนคลาย และมีพื้นที่ให้ได้พูดคุย สังสรรค์ หรือนัดประชุมกันถึงสามชั้น อีกทั้งเมนูอาหารก็ยังมากมาย แถมราคาก็อยู่ในระดับที่นักศึกษาจับต้องได้อีกด้วย
อีกไม่กี่สิบเมตรก็จะถึงร้าน สองขาก้าวยาวอย่างร้อนรนบนทางเท้าซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนยืนรอรถประจำทางตรงจุดจอด ดวงตาโศกฉาดฉายความเป็นกังวล เมื่อความไวของตัวเองถูกขัดด้วยสิ่งกีดขวางมากมาย นึกเกรงใจเจ้าของร้านซึ่งเป็นพี่บัณฑิตร่วมสถาบันซึ่งจบไปแล้วหลายปีมาตลอดทาง เมื่อหลายวันก่อนเธอไหว้วานเขาเอาไว้ว่าขอให้รีบมาทำงานก่อนเวลา เพราะวันนี้เธอมีนัดกับหมอฝากครรภ์ แถมเพื่อนเด็กเสิร์ฟอีกสองคนก็ดันมามีควิซช่วงเช้านี้เสียด้วย ครั้นจะให้พ่อครัวกับบาริสต้ามารับออเดอร์พร้อมทำไปด้วย ก็คงเสียเวลาไปกันใหญ่
ถ้าสายไปกว่านี้ คงทำลูกค้าเสียความรู้สึก และร้านก็คงเสียกำไรไปมาก
สุดที่รักรีบเร่งตัวเอง เดินฝ่าผู้คนมากมาย บ้างยืนบนทางเท้า บ้างลงมายืนชะเง้อคอมองรถเมล์โดยสารถึงบนถนนใหญ่ เดินเบี่ยงซ้าย หลบขวาไม่ทันระวังสิ่งรอบข้าง กระทั่งจังหวะหนึ่งเดินเลี่ยงลงมาบนถนน เพราะต้องหลบรถเข็นขายส้มตำไก่ย่างควันโขมงบนทางเท้า
วินาทีนั้นมีรถสปอร์ตสีดำแล่นมาประชิดในระดับไม่เร็วมาก หากแต่ดูเสียศูนย์ไร้ทิศทางเหมือนคนขับขาดการควบคุม
“น้องระวัง!”
“พี่กว้าง!”
โครม!