ป้าศรีเป็นคนรับใช้ที่บ้าน ถือเป็นคนสนิทของคุณแม่ จะว่าเป็นแม่นมของสุดที่รักก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะป้าศรีเห็นเขาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ เธอเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี จนกระทั่งพ่อกับแม่เสีย ป้าศรีจึงตกงานจนต้องระเห็จไปรับจ้างเก็บใบชาที่ไร่ชาแห่งหนึ่งในเชียงราย มีบ้างที่แวะเวียนมาดูปัดกวาดเช็ดถูบ้านสวนให้ แต่ด้วยภาระทั้งลูก หลานและสามีจึงไม่มีเวลามาติดต่อสุดที่รักมากนัก อีกอย่างเธอเห็นว่าลูกชายเพียงคนเดียวของคุณท่านที่เสียไปมีคนรับไปเลี้ยงแล้ว เธอจึงวางใจไปได้เปราะหนึ่ง
“ป้าติดต่อคุณบ่อได้เลย คุณสุดจะเฮียนจบเมื่อใดเจ้า เมื่อใดจะกลับมาผ่อบ้านสวน”
“อีกนานอยู่ครับป้าศรี ป้ามีอะไรหรือเปล่า น้ำเสียงฟังดูไม่สบายใจเลย”
ป้าศรีอึกอักเพียงชั่วครู่ ก่อนจะโพล่งความไม่สบายใจในช่วงหลายเดือนมานี้ให้เขาฟัง
“ก็คุณลุงของคุณสุดน่ะก่ะเจ้า เป็นผีบ้าผีบออะหยังก่อบ่าฮู้ เอาแต่แวะมาผ่อบ้านสวน บางเตื่อยังเอาคนงานมาเก็บมากวาดผลไม้ไปหมด ทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าของที่เสียงั้น วันนั้นเห็นแกเปรยๆ ว่าไค่ได้ตี่ตรงนี้ ป้าก็เถียงกลับก่ะ แกท่าจะโมโห เลยเอาคนมาขู่ ลูกบ่าวป้าก็โดน คุณสุดขะใจ๋กลับมาได้ก่อ ป้าใจบ่อดีเลย”
เป็นความจริงทุกอย่างดังคำบอกเล่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา บ้านสวนไม่เคยสงบ มีคนเข้าออกเป็นว่าเล่น คุณลุงที่ว่าคือพี่ชายของแม่ ชื่ออนันต์ เป็นพี่ชายที่ทำตัวไม่เหมือนพี่ชาย เคยมีคดีฉ้อโกงเงินหลวงจากการเข้าเป็นผู้นำชุมชนจนต้องโทษจำคุกมาแล้ว ลุงอนันต์ยามขัดสน มักมาอาศัยแม่ของสุดที่รักเป็นประจำ
สุดที่รักเป็นกังวลขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าป้าศรีกับครอบครัวกำลังได้รับอันตราย ถูกระรานจากคนเป็นลุง
“แล้วป้ากับโปรดเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“บ่อเจ้า เปิ่นบ่อได้ยะหยังเตื่อ แค่ขู่บ่อดาย แต่อีกหน่อยคงบ่อแน่”
“ป้าใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เวลาลุงไปที่นั่นก็อย่าไปขัดขวางแกเลย เดี๋ยวจะรับได้อันตราย...ขอผมคุยกันคุณกำพลหน่อยครับ”
“ครับ”
“คุณกำพลครับ ผมขอฝากดูป้าศรีกับครอบครัวแกไว้หน่อยได้ไหมครับ แกเป็นคนของแม่แล้วก็รักบ้านสวนมาก ผมกลัวว่าถ้าแกขัดขวางลุงอนันต์เข้าแกจะเดือดร้อน อีกไม่กี่เดือนผมก็ปิดเทอมแล้วจะกลับไปฝึกงานที่นั่น ถึงเวลานั้นผมจะกลับไปดูแลบ้านของผมเอง”
“ได้ครับ ถ้ามีโอกาส ผมว่าคุณควรกลับมาให้บ่อยๆ คุณลุงของคุณหวังจะได้ที่นี่แล้วก็ย่ามใจด้วยเพราะเจ้าของบ้านตัวจริงอย่างคุณไม่อยู่ โฉนดเป็นชื่อคุณก็จริง แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครคุม เขาเลยถืออภิสิทธิ์เป็นญาติมาระรานที่นี่อยู่ตลอด”
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณคุณกำพลมากๆ ผมจะรีบเรียนให้จบ แล้วจะกลับไปอยู่ถาวร”
“ครับผม ช่วงนี้ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลให้”
“ขอบคุณครับ”
“ดูแลตัวเองโตยเน้อเจ้า ขะใจ๋มาเน้อ ป้ากับลุง แล้วก็บ่าโปรดรออยู่เน้อเจ้า” เสียงป้าศรีดังแทรกอยู่ไม่ไกล สุดที่รักนึกถึงท่าทางของป้าศรีออก ถึงได้ยิ้มออกมา
สุดที่รักวางสายหลังล่ำลากันเสร็จ มองมือถือเครื่องเก่าชั่วอึดใจ พลันความหวังใหม่ก่อเกิดขึ้น นัยน์ตาเศร้าทอดมองดวงดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง
บ้าน...ถึงพ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังมีบ้านที่รออยู่
หลังจากเรียนจบ เขาจะกลับไปอยู่ที่นั่น...
หลังจากนั่งได้ไม่นาน สุดที่รักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาทางนี้ หันไปมองก็ต้องตกใจ เป็นรุ่นพี่ปีสี่อย่างกว้างขวางกำลังเดินหนีคนเป็นพ่อ สีหน้าและแววตาหงุดหงิดบึ้งตึง สถานการณ์คุกรุ่นพาให้คนนั่งอยู่ก่อนเลือกที่จะหลบฉากสุดที่รักเดินออกจากศาลาเบี่ยงกายไปทางพุ่มไม้ใกล้ๆ ก่อนจะยอบกายลง
“หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้ตัวดี”
“พ่อจะอะไรกันนักกันหนา เลิกหาคู่ดูตัวให้ผมเถอะ ให้ผมมีสิทธิ์เลือกด้วยตัวเองบ้าง!” ชายหนุ่มตวัดกายกลับมาเผชิญหน้าคนเป็นพ่อ
“เลือกอย่างนั้นเหรอไอ้กว้าง ผู้หญิงคนนั้นแกใช้คำว่าเลือกแล้วเหรอ? ขายขี้หน้าฉิบหาย เอาผู้หญิงเต้นกินรำกินมาเปิดตัวต่อหน้าคนเป็นร้อย รสนิยมแกนับวันจะยิ่งถดถอยลงเรื่อยๆ” เมฆาเดือดดาล ชี้นิ้วไปทางงานเลี้ยง
“อย่างน้อยผมก็เป็นคนได้เลือก ไม่ใช่ให้พ่อมาบงการชีวิตไปหมดทุกเรื่องแบบนี้”
“แกคิดว่าสิ่งที่ฉันทำให้ทั้งหมดคือการบงการชีวิตแกอย่างนั้นเหรอ? ฉันหวังดีกับแกต่างหาก อีกหน่อยเรียนจบก็ต้องรับช่วงต่อจากฉัน ฉันปูรากฐานให้แกจนแกแทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม อย่างนี้มันยังไม่ดีอีกเหรอ?”
“หึ...พ่อหวังดีกับผมหรือหวังดีกับตัวเองกันแน่ ให้ผมไปบริหารธุรกิจเพื่อจะได้เอาเงินไปปรนเปรออีหนูคนที่สองที่สามของพ่อใช่ไหม? คิดว่าผมไม่ขายหน้าบ้างเหรอ ที่มีพ่อเลี้ยงดูผู้หญิงเป็นสิบ แล้วแต่ละคนก็อายุน้อยกว่าผมด้วยซ้ำมั้ง ผมขอถามหน่อย ว่านี่พ่อเลือกแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มยอกย้อนอย่างไม่เกรงกลัว
“ไอ้กว้าง ไอ้ลูกระยำ!!”
เพี๊ยะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่น เป็นฝ่ามือเดียวที่หยุดคำพูดหยาบคายของคนเป็นลูก เมฆาเงื้อมือขึ้นอีกรอบหวังจะตบหน้าสั่งสอนลูกชายอีกครั้ง ความผิดหวังถาโถมผ่านแววตาสั่นระริก แต่สุดท้ายเขาทำมันไม่ลง เลยได้แต่กำมือเหนือหัวไว้แน่น
“มึงไม่เคยทำอะไรได้ดั่งใจกูสักอย่าง! ไม่เคยทำตัวเป็นลูกที่ดี มีแต่สร้างปัญหา สร้างความอับอาย ถ้าคิดว่าการที่กูประเคนทุกอย่างให้มึงมันทำให้มึงลำบาก ต่อจากนี้ไปมึงก็ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองซะ มรดกทุกอย่างกูจะไม่ให้แม้แต่สตางค์แดงเดียว กูจะดูซิ ว่าน้ำหน้าอย่างมึงจะทำอะไรได้”
“ดีครับ ผมก็เหนื่อยที่จะต้องทำตามในสิ่งที่พ่อสั่งเต็มทน ต่อจากนี้ไปคนอย่างกว้างขวางจะยืนด้วยตัวเอง จะไม่รบกวนแม้แต่สตางค์แดงเดียว”
“เออ! กูจะรอดู ซมซานกลับมาเมื่อไหร่อย่าหาว่ากูใจร้าย ถึงเวลานั้นอย่ามาเรียกร้อง อย่ามาหาว่ากูบังคับอีก”
เมฆาประกาศกร้าว คำพูดทุกคำล้วนแล้วแต่ดูถูกคนเป็นลูก ทว่าในห้วงหัวใจคนเป็นพ่อกลับสะท้านปวดร้าวยิ่งกว่าอะไร ไม่มีใครรับรู้ ว่าเขาหวังดีกับลูกชายตรงหน้า แค่ไหน สิ่งที่ทำไปทุกอย่างก็เพราะว่าอยากให้มีอนาคตที่มั่นคง
พูดจบชายวัยกลางคนหันหลังกลับเพื่อเข้าไปในงาน ทว่าเดินไปได้แค่เพียงก้าวเดียวก็หันกลับมาอีกครั้ง
“อ่อ...แล้วก็สบายใจได้นะ คุณหญิงรตีพับโครงการดูตัวแกกับหลานอุ่นไปแล้ว เชิญไปกกกอดอีตัวที่ไหนก็ไป ถ้าคิดว่าคนอื่นดีกว่าหลานอุ่น นั่นก็คงเพราะสายตาแกต่ำ สมแล้วที่ไม่คู่ควรกับเขา จากนี้ไปฉันจะรอดูว่าถ้าแกไม่มีเงิน ไม่มีรถจะยังมีใครสนใจแกอยู่อีกไหม” พูดจบก็หมุนกายกลับเข้างานไปทันที ปล่อยทิ้งคนเป็นลูกยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
กว้างขวางกัดฟัน มือกำแน่นจนสั่นระริก ขอบตาร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลันน้ำตาใสไหลรินอาบแก้ม ความเจ็บแปลบแล่นปลาบสะท้านภายใต้อกกว้าง
กี่ปีมาแล้วที่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้ ต้องทะเลาะกับพ่อที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกอีกสักกี่ครั้ง ต่อให้ทำตามคำสั่งมากแค่ไหน แต่เขากลับไม่เคยทำให้พ่อพอใจเลยสักครั้ง
ยิ่งพยายาม...คำว่าพอใจก็เหมือนยิ่งห่างไกลไปทุกที
จะมีใครเข้าใจเขาบ้าง ว่าตัวตนที่แท้จริงของกว้างขวาง ไม่ได้สวยงามอย่างที่ใครเห็น
เขาเหนื่อย...เหนื่อยเหลือเกิน
อยากหาที่พักพิง แต่เขามองไม่เห็นทางเลยสักนิด
ชายหนุ่มปล่อยให้น้ำตาไหลริน แล้วบอกตัวเองว่ามันคือน้ำตาแห่งความเจ็บใจ หลังจากนี้เขาจะพิสูจน์ให้ผู้ชายคนนั้นได้เห็น ว่าคนอย่างกว้างขวางก็สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง
เขาสูดลมหายใจพยายามสงบสติอารมณ์ ยกมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ ก่อนจะเบือนหน้าหลบแสงสป็อตไลท์ตรงสระว่ายน้ำ เห็นศาลาริมน้ำว่างเปล่าไร้คนจึงเดินเข้าไปนั่ง จังหวะที่หย่อนกายนั่ง เป็นจังหวะที่ได้สบตากับใครอีกคนซึ่งนั่งยองตรงพุ่มไม้ หากยืนอยู่ตรงสระว่ายน้ำจะไม่เห็น ทว่าตรงศาลาเขากลับเห็นร่างผอมโปร่งได้อย่างชัดเจน
สุดที่รักนิ่งอึ้ง หัวใจร่วงหล่น ไม่คิดว่าชายหนุ่มรุ่นพี่จะเดินมาทางนี้ กว่าที่จะขยับกาย กว้างขวางก็มายืนอยู่ตรงนี้เสียแล้ว
นัยน์ตาแดงก่ำแข็งกร้าว ขายาวก้าวเข้าไปหา ก่อนจะคว้าเอาต้นแขนบางมาไว้ในมือ
“ได้ยินอะไรบ้าง?!” น้ำเสียงติดโมโห ตวาดลั่นบริเวณ
“ผ...ผม” สุดที่รักไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปาก เพราะความเกรงกลัวต่อรุ่นพี่
ทำไมเขาจะต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ของกว้างขวางอยู่เรื่อย
“ได้ยินหมดเลยสินะ...ถามก็ช่วยตอบด้วย”
สุดที่รักรีบพยักหน้า ในขณะที่มือก็พยายามแกะมือแกร่งออกจากแขน แรงบีบของชายหนุ่มสร้างความเจ็บปวดจนต้องนิ่วหน้า
“สมเพชฉันล่ะสิ”
“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น” สุดที่รักแก้ไขความเข้าใจ ใบหน้าเล็กแหงนมองคนสูงกว่า นัยน์ตาเศร้าเหลือบเห็นรอยแดงบนแก้มขาว นึกเป็นห่วง จึงเอ่ยถามอย่างลืมความกลัว
“เจ็บไหมครับ?”
“......”
“รอแป๊บนึงนะครับ” สุดที่รักอาศัยจังหวะที่กว้างขวางงุนงง ดึงแขนออกจากการจับกุม ก่อนจะรีบวิ่งหายไปไหนสักที่ ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าซึ่งมีก้อนน้ำแข็งสองอยู่ในนั้น
“อะไร?”
“ประคบเอาไว้ครับ จะได้ไม่บวม”
กว้างขวางเหลือบมองผ้าห่อน้ำแข็งในมือเด็กหนุ่มร่างโปร่ง ก่อนกลับมาสบกับนัยน์ตาโศก
นอกจากนัยน์ตาโศกที่ตรึงสายตา ชายหนุ่มร่างสูงยังเผื่อแผ่มองรอยฝ่ามือบนแก้มใสของอีกฝ่าย และมุมปากที่มีเลือดแห้งกรังติดด้วย
เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ตรงหน้ายืนนิ่ง สุดที่รักถือวิสาสะจับผ้าเช็ดหน้าห่อน้ำแข็งประคบให้ที่ข้างแก้ม ความเย็นสัมผัสเข้ากับแก้มขาว ทว่าในหัวใจของชายหนุ่มกลับร้อนผ่าว
ความรู้สึกหนึ่งก่อเกิด
เขามอง...มองบาดแผลของอีกฝ่ายที่เกิดขึ้นข้างเดียวกัน มองการกระทำอ่อนโยนของคนตรงหน้า
“การชอบใครสักคนด้วยเจตนาดีนั่นคือความกล้าที่ยิ่งใหญ่ คุณเคยได้ยินที่เขาพูดกันไหม ว่ารักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รักคือการให้อะไรทำนองนั้น เขาอาจจะเป็นคนแบบนั้น ส่วนได้อะไรจากการชอบคุณ อาจจะเป็นความสุขใจ”
“บางทีใครคนนั้นอาจเป็นคนที่ทำให้คุณกว้างขวางมีความสุขจริงๆ เสียที ไม่ต้องทนทรมานกับความต้องการฉาบฉวยของตัวเองแบบนี้”
“คนที่มาเติมเต็มชีวิตของคุณให้สมบูรณ์”
จู่ๆ คำพูดของหมอภาคภูมิก็โลดแล่นในสมอง
การกระทำของรุ่นน้องคนนี้กำลังทำให้เขาเข้าใจมันมากขึ้น
ชอบด้วยเจตนาดี...
“ทำดีกับฉันทำไม ทั้งๆ ที่ฉันทำไม่ดีกับนายไว้ตั้งเยอะ”
“.......” สุดที่รักชะงักมือ มองสบตากับรุ่นพี่
จะให้บอกได้ยังไง ว่าในหัวใจยังมีคำว่ารักอยู่เต็มไปหมด
“เรื่องเมื่อกี้...” กว้างขวางพูดขึ้นพร้อมกับยึดผ้าเช็ดหน้ามาไว้ในมือ ก่อนจะยื่นมันไปแตะบนแก้มของคนตัวเล็กกว่า เสตามองทางอื่น
“......”
“อย่าเอาไปบอกใคร” เขาอาย...อายเกินกว่าจะให้ใครรับรู้ว่าเขาร้องไห้
“......”
“เข้าใจไหม?”
“ครับ”
นัยน์ตาเศร้าสั่นไหว ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วแก้ม ทว่าความอบอุ่นกลับซึมซาบไปทั่วทั้งหัวใจ
พี่กว้างทำดีกับเขา...
นอกจากการกระทำเหนือความคาดหมายแล้ว ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้สุดที่รักสั่นสะท้านไปทั้งกาย
กว้างขวางยิ้ม ยิ้มจางๆ ให้เขา
คนถูกมองและยิ้มให้รีบหลุบตาลง ใบหน้าเห่อร้อน หัวใจวูบไหว
กว้างขวางมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเนิ่นนานโดยไม่พูดอะไรออกมา เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากมอง แต่ยิ่งได้มองก็ยิ่งถูกตรึงให้มองอยู่อย่างนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าสุดที่รักเป็นเพียงคนเดียวที่เยียวยาความเจ็บช้ำให้เขาในหลายวันมานี้
ความดีของสุดที่รักเด่นชัดและถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของชายหนุ่มอีกครั้ง
“หาตัวตั้งนาน อยู่ที่นี่นี่เอง” เสียงอิ่มดังขึ้นไม่ไกล กว้างขวางรีบชักมือกลับ ส่วนสุดที่รักก้าวถอยหลัง หลบหน้าหลบตา “มาเล่นอะไรกันตรงนี้ ไมไม่ชวนกูมาเล่นด้วย”
“พูดอย่างกับเด็กสิบขวบรอพ่อแม่กินเลี้ยง” กว้างขวางพรูลมหายใจ พลางส่ายหน้า
“เหมือนตอนเด็กๆ ไง ที่กูกับมึงรอพ่อแม่กินเลี้ยงจนดึกดื่น...สุดที่รัก กลับกันเถอะ”
อิ่มส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มร่างบาง ก่อนจะถือวิสาสะคว้าข้อมือมาไว้ในมือ กว้างขวางมองตามทันที
“พี่อิ่ม...ผมขอกลับไปนอนที่หอได้ไหมครับ?” สุดที่รักทักท้วง ถ้าให้นอนบ้านธารามาลา เขายอมเสียค่าแท็กซี่กลับหอพักเสียดีกว่า
“ไม่ต้องกลัว ป้ารตีไม่ได้นอนด้วยซะหน่อย เดี๋ยวก็ไปส่งแกที่บ้านแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ พี่ขอโทษนะที่เมื่อกี้ช่วยไว้ไม่ทัน...เจ็บมากไหม?”
แววตานักเรียนนายร้อยสั่นไหว เผลอไผลเอื้อมมือไปหวังสัมผัสแก้มใส ขึ้นรอยนิ้วมือ แต่กลับต้องหยุดอยู่กลางอากาศ เมื่อถูกใครอีกคนรีบรั้งข้อมือเอาไว้
อิ่มมองมือกว้างขวาง ก่อนจะมองเจ้าตัว
“กูไปด้วย”
“ไปไหน?”
“ไปนอนบ้านมึง”
“......”
“ถังแตกแล้ว พ่อตัดกูออกจากกองมรดกเรียบร้อย”
“มึงว่าไรนะ?”
“เดี๋ยวกูขับรถตามไป”
“แล้วแฟนมึงล่ะ?”
“ให้กลับเอง เดี๋ยวกูไปบอกก่อน” พูดจบก็เหลือบสายตามองสุดที่รักอีกครั้ง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในงาน
“ร้อยวันพันปีไม่เคยไปนอน พี่ชวนให้ตายมันก็ไม่ไป เพราะแม่งต้องนอนกกผู้หญิง...” อิ่มหุบปากลงฉับ หลังนึกขึ้นได้ว่าเป็นเรื่องไม่ควรพูด “เอ่อ...เรากลับกันก่อนเนอะ คืนนี้ต้องนอนที่บ้านพี่นะ ไม่นอนโกรธมากๆ”
สุดที่รักยิ้มเจื่อน สุดท้ายจึงจำยอมพยักหน้าตอบรับ อิ่มยิ้มร่าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะกอดคอน้องชายสุดที่รักเดินไปพร้อมกัน ในขณะที่เดินไปยังลานจอดรถ ตลอดทางสุดที่รักได้แต่นึกถึงสัมผัสเย็นเยียบบนแก้มกับรอยยิ้มเพียงน้อยนิดของใครคนนั้น
แค่นี้ก็พอแล้ว
เหมือนได้เยียวยาหัวใจแล้ว