ตอนที่ 7.2

3672 คำ
กว้างขวางเอาแต่มองสุดที่รักยืนอ้าปากรับอาหารที่ไอ้อิ่มคะยั้นคะยอจะป้อน จนกระทั่งแฟนสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้า และได้ยินเสียงคุณหญิงรตีดังกระทบโสตประสาท เขาถึงได้รู้สึกตัว “สวัสดีค่ะ” ไอดอลสาวยกมือไหว้กระฉับกระเฉง “สวัสดีครับทุกคน” ชายหนุ่มร่างสูงกลับมายิ้มอีกครั้ง พลางยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน แต่พอกวาดตามองกลับพบว่าทั้งพ่อแม่และผู้ใหญ่อีกฝั่งเอาแต่มองพวกเขาอย่างต้องการหาคำอธิบาย ยิ่งพ่อของเขายิ่งไปกันใหญ่ ตาโตเท่าไข่ห่าน ไร้ซึ่งรอยยิ้มอย่างสิ้นเชิง จ้องมองเขาอย่างคาดคั้นหาคำตอบ ท่าทีตื่นตะลึงเหงื่อตกของผู้เป็นบิดาทำเอาเขาหลุดหัวเราะออกมาอย่างนึกสะใจ จังหวะนั้นมีบริกรถือถาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เดินผ่าน เขาคว้าเอาแก้วเชมเปญสีเหลืองอ่อนมาไว้ในมือสองแก้ว ก่อนจะยื่นให้แฟนสาว ชนแก้วเสียงดังเคร้ง แล้วยกดื่ม กลั้วของเหลวไว้ในปากส่งเสียงดังอย่างไร้มารยาท “นี่มายด์ แฟนผมเอง” เขาเฉลยความใคร่รู้ของสายตาทุกคู่ “มายด์คะ นี่พ่อแม่พี่ ส่วนนี่คุณอาสุพรต คุณอาหทัยกาญจน์ แล้วก็คุณป้ารตี ผู้ปกครองของไอ้อิ่มกับน้องอุ่นค่ะ” “สวัสดีค่ะคุณป้า คุณอา” หญิงสาวแสดงความนอบน้อมในท่าทีกระฉับกระเฉง แววตาส่อประกายใคร่ทำความรู้จัก หลังแอบกวาดตามองทั้งเสื้อผ้า หน้าผมของผู้ใหญ่ตรงหน้า ทุกคนล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยชุดแบรนด์ดังระดับไฮเอนด์ หน้าตา ผิวพรรณดูดีราวกับหลุดออกมาจากละครหลังข่าว “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ หนูเป็นคนรักของพี่กว้างขวางค่ะ” พูดจบก็ซบไหล่ชายหนุ่ม ก่อนมองด้วยสายตารักใคร่ “อะไรนะ?!” เมฆาขมวดคิ้วพร้อมกับอุทานเสียงดัง คุณหญิงรตีถึงกับยกมือขึ้นมาทาบอก อุทานตาเถรก่อนจะหันไปมองเมฆาอย่างคนต้องการคำอธิบาย คนเป็นพ่ออย่างเมฆาตาแทบถลนออกจากเบ้า มองหญิงสาวคนที่ลูกชายเอ่ยว่าเป็นแฟน ทรงผมดัดเป็นลอนปล่อยยาวสยาย ชุดเกาะอกสีแดงเพลิงเผยเนินเนื้อขาวกระจ่าง กระโปรงสั้นเต่อขึ้นมาครึ่งขาอ่อน รองเท้าส้นเข็มสูงหลายนิ้ว ทุกอย่างดูไม่ให้เกียรติงานเลี้ยงระดับนี้เท่าไหร่นัก ดูไปแล้วไม่ต่างอะไรกับเด็กนั่งดริงค์จ่ายค่าตัวเป็นชั่วโมง เท่าที่ผ่านมา เขาพอจะรู้มาบ้างว่าลูกชายของตัวเองทำตัวเป็นพ่อหนุ่มลอยชาย คบคนมากหน้าหลายตา เปลี่ยนไวไม่มีซ้ำขนาดไหน แต่ก็ไม่มีใครเลยสักคนที่มันจะพามาเปิดตัวอย่างเช่นคนนี้ นั่นทำให้เขาอดตกใจไม่ได้ “อะไรกันพ่อเมฆ ไหนบอกว่าพ่อกว้างไม่มีคนรัก ไม่มีพันธะ” คุณหญิงรตีอดไม่ได้ หันขวับถามคนเป็นพ่อ เมฆาอึกอักไร้ซึ่งคำตอบ ก็เขาไม่เคยเห็นมันจะจริงจังกับใครนี่ แล้วก็รู้ใจลูกชายตัวเองดีด้วยว่าคนอย่างกว้างขวาง ไม่ยอมหลงหลักปักฐาน จริงจังกับใครแน่ ถึงได้มั่นอกมั่นใจตอบรับคำเกริ่นของคุณหญิงรตีที่หวังเกี่ยวดองให้ทั้งสองตระกูลดังเป็นทองแผ่นเดียวกัน ด้วยเห็นว่าหลานอุ่นเองก็เพียบพร้อมเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะมาเป็นสะใภ้ศิริไพศาล “พ่อผมเขาทำแต่งานครับ เลยไม่รู้ความเป็นไปของลูกชาย นี่เป็นคนรักคนแรกของผมที่จริงจังมาก เลยพามาฝากตัวกับพ่อแม่ไว้ มายด์น่ารักนะครับ...” พูดเสร็จก็หันไปยิ้มให้แฟนสาว พลางแสร้งส่งสายตากักขฬะแสดงให้ผู้ใหญ่โดยรอบได้เห็น “อ้อนเก่ง แล้วก็...เอาเก่ง เอ๊ย! ผมหมายถึงเอาใจเก่งด้วยน่ะครับ” “ไอ้กว้าง!” เมฆาเค้นเสียงปรามหลังคำพูดสองแง่สามง่ามทำให้ใครหลายคนที่ยื่นอยู่ตรงนี้วางตัวกันไม่ถูก คุณหญิงรตีกับหทัยกาญจน์ถึงกับหน้าเห่อร้อน มองหลานชายสุดหล่อ พูดจาหยาบโลนด้วยรอยยิ้ม อุ่นเองก็ไม่ต่างกัน หากแต่ระงับสติอารมณ์ด้วยการจับต้นแขนของมารดาเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “คุณมายด์เขาเป็นดาราด้วยนะคะคุณแม่ ก็เลยทั้งสวย ทั้งหุ่นดีแบบนี้ไม่ผิดหรอกค่ะที่พี่กว้างจะทั้งรักและเอ็นดู” “เรียนที่เดียวกันรึ?” คุณหญิงรตีกล้ำกลืนฝืนถาม มองด้วยสายตาไม่สู้ดีนัก ในเมื่อหลานชายที่หมายมาดจะเอามาเป็นเขยของตระกูลพามาเสียขนาดนี้ จะให้เธอทำอย่างไรได้ เลยแก้เก้อด้วยการถามไถ่เล็กๆ น้อยๆ เป็นมารยาท “ใช่ค่ะ แต่ปีนี้งานเข้าเยอะไปนิดนึง มายด์เลยดรอปเอาไว้ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยลงเรียนอีกที” มายด์พูดด้วยความพาซื่อ ไอดอลเพิ่งเริ่มมีชื่อเสียง ไม่ได้มีความรู้ติดตัวมากนัก เข้าตำราสวยใสไร้สมองได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหญิงรตีเหยียดสายตาใส่เด็กสาวตรงหน้า ตัดสินไปเสียแล้วว่าคนๆ นี้คงเป็นศัตรูหัวใจของหลานสาว “การเรียนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เต้นกินรำกิน ไม่สนใจการเรียนอย่างนี้ ภายภาคหน้าคงลำบากแย่ ไม่เหมือนยัยอุ่น เรียนดี กิจกรรมเด่น กิริยามารยาทงาม เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ไม่ได้...” คุณหญิงรตีพูดร่ายยาว ก่อนจะไล้สายตามองชุดกระโปรงสั้นของมายด์ “ชอบแต่งตัวล่อเสือ ล่อตะเข้ เหมือนพวกนางงามตู้โชว์ที่เขาใช้เงินจ่ายแล้วผ้าก็หลุดล่อนจ้อน อ่อ...หรือจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เกาะผู้ชายมีเงิน หวังรวยทางลัด โดยไม่ต้องเรียนให้เปลืองสมอง?” มายด์ชักสีหน้าทันทีหลังคุณหญิงตรงหน้าพูดจบ เธอกัดฟันแน่นเตรียมจะเอ่ยเถียง ทว่าขณะนั้นเอง มีนักข่าวจากสื่อหลายสำนักเดินเข้ามาเลียบเคียง ขออนุญาตสัมภาษณ์และถ่ายรูป “ขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบก็เดินตามนักข่าวไปยังมุมหนึ่งของงานเลี้ยง “พ่อเมฆ เห็นทีว่าฤกษ์วันนี้จะไม่ค่อยดี หลานของฉัน ฉันดูแลมาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม อบรมบ่มเพาะนิสัยให้สมกับเป็นผู้ดี จะให้มาเกลือกกลั้วแข่งขันกับแม่ดารานั่นเห็นทีคงจะไม่ได้ เอาไว้พ่อกว้างพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกที หรือถ้าไม่พร้อมจะไม่มีวันที่สองตระกูลของเราเกี่ยวดองกันเลย ฉันก็ไม่มีปัญหา” คุณหญิงรตีเอ่ยตัดสัมพันธ์กันซึ่งหน้า ทำเอาเมฆาถึงกับลนลาน หน้าชาเป็นอย่างมาก เขารับฟัง ก่อนจะหันไปพูดกับลูกชายตัวดี “ออกไปคุยกันข้างนอก” “มีอะไรจะคุย ก็คุยกันตรงนี้ก็ได้ครับ ผมต้องรีบไปเทคแคร์แฟนผม” “นี่แกยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ว่าทำให้ฉันเสียหน้าขนาดไหน!” เมฆาเข่นเขี้ยว ไม่ไว้หน้าลูกชายอีกต่อไป “ที่ตระกูลธารามาลามาในวันนี้ก็เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าจะให้แกกับหลานอุ่นมาดูตัวกัน แต่แกกลับเอาผู้หญิงอย่างนั้นมาเปิดตัว คิดว่ามันเหมาะแล้วเหรอ ขายขี้หน้า!” “พ่อกว้าง ป้าน่ะเห็นเรามาตั้งแต่เด็กๆ รู้ดีว่าเราเป็นเด็กดี โตขึ้นคงเป็นผู้ใหญ่ปกป้องผู้หญิงสักคนหนึ่งได้ อุ่นก็โตเป็นสาวแล้ว อีกสองปีก็จะเรียนจบ ถ้าถูกใจน้องสักนิด ก็ดูใจกันไปก่อน ได้ฤกษ์ดีเมื่อไหร่ก็ค่อยหมั้นหมายกัน ป้าไว้ใจเราที่สุด แต่มาวันนี้เห็นพ่อกว้างมีคนของพ่อกว้าง บอกตามตรงว่าป้าผิดหวัง    อย่างน้อยควรจะมีดีกว่านี้ ไม่ใช่พวกชอบเปลืองเนื้อเปลืองตัว โชว์หน้าตา โชว์เนื้อหนังให้คนอื่นได้เชยชมแบบนี้ พ่อกว้างควรหาได้ดีกว่านี้ คนที่เป็นกุลสตรี ปรนนิบัติเราได้ไม่ขาดตกบกพร่อง” “หมั้น?” กว้างขวางขมวดคิ้วหลังข้อสงสัยที่ว่าทำไมธารามาลามาที่นี่ถูกไขให้กระจ่าง แต่ที่มากไปกว่านั้นคือเขาอึ้งที่แผนการดูตัวในครั้งนี้ไม่เหมือนการดูตัวครั้งก่อนๆ ที่พ่อมักหาลูกสาวนักธุรกิจดังมาให้ เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะเห็นดีเห็นงามให้เขาคบกับอุ่น ซึ่งเขาเห็นเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น “อะไรนะคะคุณป้า?” อุ่นเองก็ตกใจไม่ต่างกัน สาบานได้ว่าแผนการนี้ เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน “จะให้อุ่นกับพี่กว้าง...หมั้นกัน?” เพล้ง!! เสียงแก้วแตกกระทบพื้นดังขึ้นเบื้องหลัง เรียกให้ทุกสายตาหันไปมองคนทำตกไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นเด็กหนุ่มร่างโปร่งแต่งตัวมอซอไม่เข้ากับสถานที่เป็นที่สุด สุดที่รักพลาดพลั้งเผลอทำแก้วน้ำหลุดมือ หลังได้ยินอุ่นพูดประโยคไม่คาดฝัน หัวใจกระตุกไหวจนพาลให้มือไม้อ่อนไปหมด “โอ๊ย!” อุ่นซึ่งยืนอยู่ด้านหน้ารีบยอบกายลงทันทีเพราะรู้สึกแสบชาบริเวณข้อเท้า เมื่อก้มลงดูก็พบว่าเศษแก้วกระเด็นบาดจนเกิดแผล เลือดไหลซึมเป็นทาง “ตายจริง! ยัยอุ่น” คนเป็นแม่อุทานหลังเห็นเลือดสีแดงฉานไหลย้อยเปรอะเปื้อน “อุ่น เราขอโทษ!” สุดที่รักตาเบิกโพลง ทำอะไรไม่ถูก เพี๊ยะ!! “ไอ้เด็กเหลือขอ! ซุ่มซ่าม! นี่แกทำอะไรลงไป ทำไมไม่ระวัง ถ้าหลานฉันเป็นอะไรล่ะน่าดู” คุณหญิงรตีโวยวาย ตบหน้าสุดที่รักอย่างที่ทุกคนไม่ทันได้ห้ามปราม ก่อนจะรีบเข้าไปดูอาการของหลานสาว “ขอโทษครับๆ ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ” คนถูกต่อว่าหน้าชา สะท้านคำด่าว่าเจ็บแสบไปถึงอก แต่ก็อดทนอดกลั้นเก็บเอาไว้ ไม่นานแก้มใสก็แดงเรื่อเป็นรอยนิ้ว แรงตบมากจนมุมปากแตกเล็กน้อย มีเลือดผุดซึมให้ได้เห็น “คุณพี่...” “คุณป้า...” ทุกคนต่างอุทานออกมา ตกใจการกระทำร้ายกาจของคุณหญิงรตี อิ่มเบิกตาโตห้ามไม่ทัน “ป้ารตี! ...” นักเรียนนายร้อยก้าวเข้าไปหาคนเป็นป้า หวังจะไปเผชิญหน้ากันสักตั้ง “อิ่มหยุด!” คนเป็นพ่อห้ามลูกชาย ด้วยไม่อยากให้คนสองคนทะเลาะกันให้เป็นขี้ปากของชาวบ้าน "ยืนบื้ออยู่ทำไม รีบไปหากล่องปฐมพยาบาลมาสิ!” คุณหญิงรตีตวาดอย่างไม่ไว้หน้าอีกครั้ง สุดที่รักสะดุ้งตัวโยน ก่อนจะร้อนรนหมุนกาย วิ่งไปตามหากล่องปฐมพยาบาล  ฝ่าสายตาแปลกประหลาดจากดงผู้ดี ไม่มีใครคิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเลยสักคน “เจ็บไหมยัยอุ่น ตายแล้ว...แผลใหญ่เชียว ถ้าเป็นแผลเป็นขึ้นมา ฉันจะเอาเรื่องไอ้เด็กกำพร้านั่นให้ถึงที่สุด หลานของฉันอยู่ดีๆ ยังมาถูกมันทำร้ายทางอ้อม ขาหมดสวยกันพอดี” คุณหญิงรตียังหัวเสียไม่หยุด พาลใส่คนทำอย่างเจ็บแสบ “เห็นไหมตาพรต แม่กาญจน์ เด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่อย่างมัน ขาดการอบรมตั้งแต่เด็ก ถึงได้ไม่รู้จักระวังแบบนี้ จะเอามาเลี้ยงทำไม เข้างานสังคมก็มีแต่จะทำให้เสียชื่อตระกูล นี่แค่เรื่องเล็กๆ นะ ถ้าต่อไปมันไปกินไปโกงคนอื่นแล้วใช้ชื่อธารามาลาแอบอ้าง แล้วเขาตามมาเอาผิดกับเรา เราไม่เสียไปกันใหญ่เหรอ” “คุณพี่ คุณพี่ทำเกินไปนะคะ แล้วสุดที่รักไม่ใช่เด็กแบบนั้นหรอกค่ะ เลิกว่าหลานเถอะนะคะ หลานไม่ได้ตั้งใจ” หทัยกาญจน์สีหน้าไม่สู้ดี เธอไม่เห็นด้วยกับคำพูดของพี่สาวสามีเลยสักนิด “แม่กาญจน์ก็ใจดีกับมันมากไป มันทำยัยอุ่นเจ็บถึงขนาดนี้ยังไปให้ท้ายมันอีก” “มันเป็นอุบัติเหตุต่างหาก ใครๆ ก็เห็น” อิ่มขมวดคิ้ว หมดอร่อยกับของกินในมือ “ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ท้ายประโยคเขาพึมพำอย่างหัวเสีย ทว่าคุณหญิงรตีกลับได้ยินเต็มสองหู “ตาอิ่ม! นี่น้องแกนะ ยังไปแก้ตัวให้มันอีก” “พอเถอะครับคุณพี่ เสียงดังอายชาวบ้าน” สุพรตที่ยืนเงียบอยู่นานอดปรามไม่ได้ “อิ่ม พาน้องไปนั่ง พ่อไปช่วยสุดที่รักหากล่องปฐมพยาบาลก่อน” “พาน้องไปตรงนั้นเถอะอิ่ม” เมฆาเดินนำให้หลานชายพาน้องสาวไปนั่งยังเก้าอี้ด้านหนึ่งของงาน “แผลเท่าเส้นผม ดูป้ากู อย่างกับจะส่งยัยอุ่นไปประกวดนางงาม” อิ่มกัดฟันแน่น แววตามีแต่ความเดือดดาล พูดเค้นเสียงต่ำเมื่อเดินมาใกล้กว้างขวาง ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งอยู่ในเหตุการณ์พรูลมหายใจพลางส่ายหน้าระอา เขาเห็นแล้วล่ะ ว่าบาดแผลจากเศษแก้วไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย คุณหญิงรตีทำให้เป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศเอง กว้างขวางปล่อยให้ครอบครัวนั้นดูแลกันเอง เพราะไม่อยากเข้าไปใกล้ ถ้าให้เขาฟังเสียงคุณหญิงป้ามหาโหดบ่นอีกเพียงประโยคเดียว เขาคงอกแตกตาย ชายหนุ่มยกแชมเปญดื่มจนหมดแก้ว แล้วฝากแก้วเปล่าให้บริกรซึ่งเดินผ่านมาพอดี ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วงาน พลันสายตากลับไปสะดุดอยู่กับร่างโปร่งที่เอาแต่วิ่งวุ่นไปมา เขามองเด็กนั่นเดินไปขอความช่วยเหลือจากบริกรตรงประตูทางออก เห็นพนักงานหลายต่อหลายคนไม่ให้ความร่วมมือคนแต่งตัวแสนธรรมดา ด้วยเพราะคิดว่าลำดับความสำคัญของคนๆ นี้ยังเทียบเท่าไม่ได้กับการเสิร์ฟเครื่องดื่ม และให้บริการแก่บรรดาคนไฮโซภายในงาน แต่มันก็ไม่ได้ลดละความพยายาม วิ่งขอจากคนนั้นไม่ได้ ก็ไปถามเอากับอีกคน จนกระทั่งผู้จัดการห้องอาหารเดินเข้ามาภายในงานพอดี เห็นความลนลานของลูกค้าจึงเข้าไปถามไถ่ หลังจากนั้นไม่นาน สุดที่รักก็ได้กล่องปฐมพยาบาลมาไว้ในมือ ร่างโปร่งเหงื่อแตกพลั่กรีบนำมันไปยังที่ๆ อุ่นนั่ง กว้างขวางไล่สายตามองตาม เห็นคุณหญิงรตีเอาแต่พูดปาวๆ ใส่ร่างโปร่งจนมันหน้าเสียอีกรอบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงโดนเหยียดหยามชุดใหญ่ไม่มีชิ้นดี ขนาดเขาที่ไม่ใช่คนโดนต่อว่า ยังรู้สึกเจ็บใจกับคำพูดด่าทอไม่ไว้หน้านั้นเลย การกระทำของคุณหญิงป้าคงเป็นความหวงแหนหลานเกินเหตุ ใครต่อใครต่างมอง และแน่นอนว่าสังคมผู้ดีในที่นี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ให้คะแนนสงสารคนถูกแก้วบาดอย่างอุ่น จังหวะหนึ่งคุณหญิงรตีชี้ไปที่ข้อเท้าบางของหลานสาว หลังจากนั้นเจ้าเด็กนั่นก็วางกล่องปฐมพยาบาลลงกับพื้น ก่อนจะกุลีกุจอทิ้งกายคุกเข่าลงต่อหน้าอุ่น ทำตัวราวกับทาสรับใช้ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี อยู่คนละระดับชั้นกันอย่างสิ้นเชิง “ขอโทษนะคะพี่กว้าง พอดีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์แล้วก็ถ่ายรูป หิวยัง เราไปหาอะไร...” ไอดอลสาวเสร็จธุระของตัวเองก็เดินมาไถ่ถามแฟนหนุ่ม แต่ทว่าไม่ทันได้พูดจบกลับต้องหน้าเหวอ กว้างขวางเดินเข้าไปหาจุดศูนย์รวมของสายตา ไม่สนใจแม้กระทั่งเสียงเรียกและการกลับมาของแฟนสาว การกระทำไวกว่าคนอยู่ใกล้อย่างไอ้อิ่มเสียอีก เขาคว้าต้นแขนบางข้างหนึ่งของสุดที่รักเอาไว้แล้วรั้งให้ลุกขึ้น สายตาเรียบเฉยมองสบนัยน์ตาเศร้าติดสั่นไหว นอกจากแววตาแล้ว เขายังพบว่าตัวของมันยังสั่นเทาอีกด้วย วินาทีนี้ชายหนุ่มเพิ่งเข้าใจว่าทำไมไอ้อิ่มถึงเอาแต่ฝากฝังมันไว้กับเขา แล้วก็เข้าใจด้วยว่าทำไมมันถึงเลือกหนีออกมาอยู่คนเดียว เพราะมันไม่ได้รับการต้อนรับจากใครโดยเฉพาะดงผู้ดีที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง มันเป็นเพียงแค่คนไร้ค่าที่ถูกเหยียดหยัน “ขอพี่ดูหน่อย” ชายหนุ่มปล่อยมือจากแขนบาง ก่อนเป็นฝ่ายยอบกายคุกเข่าสำรวจแผลให้มาลา การกระทำนี้สร้างเสียงฮือฮาระคนอิจฉาจากคนภายในงานไม่น้อย “พี่กว้าง...” อุ่นชักขากลับเล็กน้อยเพราะกลัวว่าจะดูไม่เหมาะสม กว้างขวางไม่พูดอะไร หากแต่คว้าข้อเท้าหญิงสาวมาดูใกล้ๆ ก่อนจะลงมือทำแผลให้ คุณหญิงรตีมองอย่างตื่นตะลึงก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ ตวัดสายตามองตัวต้นเหตุที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง เด็กชัง...มองยังไงก็ชัง “จะยืนเซ่อซ่าอยู่ทำไม ออกไปจากงานเดี๋ยวนี้เลยนะ จะไปรอที่ไหนก็ไป แล้วอย่าทำตัววุ่นวายให้เสียชื่อตระกูลฉันอีก” เธอไล่สุดที่รักออกจากงาน คนฟังหน้าชา ก่อนจะรีบมุดหน้าค้อมตัวเดินหลบออกไปทันที “ไม่ต้องตามไปนะตาอิ่ม มาดูแลน้องนี่ แล้วก็เลิกทำหน้าบูดบึ้งได้ละ” คนเป็นป้าดักทางออกคำสั่ง เมื่อเห็นหลานชายตั้งท่าจะเดินตามเจ้าเด็กนั่นออกไป อิ่มหยุดชะงัก ก่อนจะส่ายหัวอย่างจนใจ ไม่อยากจะมางานสังคมก็เพราะอย่างนี้    มีแต่เรื่อง โดนป้าเจ้ากี้เจ้าการจนหงุดหงิดหัวเสีย ด้านไอดอลสาว เมื่อเห็นหลังไวๆ ของแฟนหนุ่มก็รีบเดินตาม แต่กลับถูกดักเอาไว้ด้วยนักข่าวบันเทิงของช่องฟรีทีวี หากออกข่าวบันเทิงช่องนี้ ชื่อเสียงคงเพิ่มไม่น้อย เธอ    จำยอมให้สัมภาษณ์อย่างเสียไม่ได้ แต่ก็หลายครั้งเหมือนกันที่ใช้สายตามองแฟนหนุ่มและฝากฝังสายตาไม่พอใจใส่หญิงสาวผู้รากมากดีที่กำลังให้ท่าแฟนของเธอ     คนถูกไล่ด้วยคำพูดว่าร้ายอย่างเจ็บแสบหยุดฝีเท้าอยู่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม สุดที่รักหลับตาพลางผ่อนลมหายใจ หวังปลดปล่อยความกลัวให้คลายลง พลันรู้สึกโพรงจมูกแน่นตื้อ ขอบตาร้อนผ่าว สาเหตุเป็นอะไรตัวเขาเองรู้ดี เขาไม่เคยทำอะไรให้คุณหญิงรตีพอใจเลยสักครั้ง คงไม่ผิดที่ท่านจะดุด่าแบบนี้ แต่เขาก็มีหัวจิตหัวใจคนหนึ่ง เป็นคนมีเลือดเนื้อและความรู้สึก ทำไมถึงต้องมาถูกด่า ถูกว่าเหมือนไม่ใช่คนแบบนี้ แต่เพราะคุณหญิงเป็นผู้ใหญ่ สุดที่รักมักคิดมาตลอดว่าคำต่อว่าเหล่านั้นคงเป็นคำติเตียนและอบรมสั่งสอน ร่างโปร่งถอนหายใจอีกครั้ง สติอารมณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติ เขาลืมตาแล้วมองหาที่นั่งพัก บริเวณที่ยืนเป็นสระว่ายน้ำขนาดกว้าง ถัดไปด้านหลังมีศาลาไม้ริมน้ำ ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น สุดที่รักจึงเลือกเดินเข้าไปนั่ง นั่งลงเสร็จก็มองแม่น้ำสายเล็กไหลเอื่อย มีผักตบชวาลอยมาตามน้ำบ้างประปราย เสียงสายน้ำไหลชวนให้จิตใจสงบมากขึ้น ทันใดนั้นมีเสียงคนหัวเราะแว่วจากทางสระว่ายน้ำ สุดที่รักหันกลับไปก็พบกับครอบครัวพ่อแม่และเด็กชายตัวน้อย เด็กชายหัวเราะเอิ๊กอ๊าก หลังผู้เป็นพ่อจับอุ้มแล้วพาถลาฝ่าอากาศไปด้านหน้า เด็กชายคงจินตนาการว่าตัวเองกำลังเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ถึงได้ยกแขนชูไปด้านหน้าทั้งสองข้าง ส่วนคนเป็นแม่ได้แต่ยืนมองอยู่  ไม่ห่างด้วยสายตารักใคร่ สุดที่รักมองครอบครัวน่ารักตรงนั้นแล้วได้แต่ยิ้มจาง ก่อนจะหันกลับมานั่งจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขาคิดถึงบุคคลสองคนที่รักเขาสุดหัวใจ คิดถึงคนที่ดูแล ห่วงใยเขาเป็นที่หนึ่ง คนที่รักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข ใบหน้าเล็กแหงนมองบนท้องฟ้า เวลานี้มันมืดสนิทหากแต่พร่างพราวไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ สถานที่จัดงานอยู่ชานเมือง ไร้แสงไฟจากตึกรามบ้านช่อง จึงเห็น    แสงดาวได้ง่าย เหมือนกับบ้านสวนที่เขาจากมา “ผมคิดถึงพ่อกับแม่...” มือบางยื่นไปบนท้องฟ้า ร่องนิ้วเผยดวงดาวรายล้อม “อยู่บนนั้นสบายดีไหมครับ ผมอยู่ตรงนี้...เหงามากเลย” ตรงนี้ไม่มีใครเลย... “ผมต้องอยู่ที่นี่...” อยู่บนโลกใบนี้ “คนเดียวใช่ไหม?” อีกนานแค่ไหนที่ต้องเผชิญกับความอ้างว้างเพียงลำพัง อีกนานแค่ไหนที่ต้องเดินบนเส้นทางที่เรียกว่าชีวิต มันมืดมน เปล่าเปลี่ยว ไร้ที่พักพิง บางช่วงบางเวลาสุดที่รักคิดถึงคนที่จากไปไกลแสนไกลใจแทบขาด มีบางเสี้ยวเหมือนกันที่คิดตามไปหาพวกเขา... บนโลกใบนี้ช่างแสนลำบาก คงไม่มีใครมาเติมเต็มความว่างเปล่าภายในใจนี้ได้เหมือนอย่างพ่อกับแม่อีกแล้ว สุดที่รักใช้ช่วงเวลานี้อยู่กับตัวเอง พลันนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยได้ไม่นานมือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเตือน หยิบออกมาดูพบว่าเป็นสายทางไกลจากเชียงราย “คุณสุดที่รัก ผมกำพล ทนายของพ่อคุณนะครับ” “สวัสดีครับ มีอะไรเหรอครับ?” สุดที่รักเอียงคอ นานแล้วที่คุณกำพลไม่ได้ติดต่อมา หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของคุณพ่อ เอกสารโอนกรรมสิทธิ์และมรดกทุกอย่างก็ได้ทนายคนนี้เป็นคนจัดการ “พอดีป้าศรีแกอยากจะคุยกับคุณ แต่ติดต่อคุณไม่ได้หลายวัน วันนี้ผมมาตรวจเยี่ยมที่บ้านของคุณ แกเลยวานให้ผมติดต่อให้...” เสียงกำพลเลือนหายไป ก่อนจะมีอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา “ฮัลโหลๆ คุณสุดใช่ก่อเจ้า ได้ยินก่อเจ้า” เสียงป้าศรี คนเก่าคนแก่ของแม่ดังขึ้น “ครับป้า ผมได้ยิน ป้าเป็นยังไงบ้าง?” หลังได้ยินเสียงคนคุ้นเคย นึกถึงญาติผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เกี่ยวดองกันทางสายเลือด หากแต่มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเฉกเช่นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง สุดที่รักก็หัวใจชุ่มชื้นขึ้นมาทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม