“ตายแล้ว ทำไมตัวเปียกม่อล่อกม่อแล่กกันทั้งคู่เลยเนี่ย”
คุณหญิงหทัยกาญจน์ที่เดินถือโถข้าวออกมาจากครัวพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ มองเด็กทั้งสองคนตัวเปียกโชก คนหนึ่งมีสีหน้าอมยิ้ม หากแต่อีกคนกลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตา เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปาก สุดที่รักจึงตอบคำถามด้วยท่าทางประดักประเดิด
“ผมไปเก็บดอกบัวมาให้คุณอาถวายพระครับ แต่เรือเกิดคว่ำ”
“ตายจริง! แล้วเป็นอะไรกันหรือเปล่าจ้ะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก?” คุณหญิงขมวดคิ้ววางโถข้าวไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาจับไหล่สุดที่รักหมุนเพื่อสำรวจบาดแผล
“ว่ายน้ำไม่เป็นก็ยังจะลงเรือไปเก็บดอกบัวคนเดียว ดีนะครับที่ผมอยู่ตรงนั้น” กว้างขวางพูดแทรกพลางเหลือบมองสุดที่รัก มุมปากยกยิ้มพอใจ
สุดที่รักเหลือบมองคนข้างกาย พลางนึกในใจว่าถ้าชายหนุ่มไม่ขึ้นเรือไปด้วยแล้วทำเสียเรื่อง เรือก็คงไม่คว่ำอย่างนี้หรอก มันเป็นเพราะใครกันแน่ เขาไม่อยากจะพูดให้ ชายหนุ่มเสียหาย เดี๋ยวจะมากความเสียเปล่าๆ ถึงได้เก็บเงียบเอาไว้
“ไม่เป็นอะไรครับคุณอา นี่ดอกบัว เดี๋ยวผมเอาไปล้างให้นะครับ”
“ไม่ต้องจ้ะ เดี๋ยวให้แววมาเก็บไปนะ สองคนรีบไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวจะเป็นหวัด เสร็จแล้วก็ลงมาทานข้าวเช้ากันนะ อาเตรียมไว้หลายอย่างเลย”
ทั้งสองคนพยักหน้ารับ สุดที่รักค้อมกายเมื่อเดินผ่านคุณหญิง เดินหายเข้าไปทางห้องครัว สร้างความสงสัยให้กว้างขวางไม่น้อย
“ไปไหนของเขา...”
“ห้องนอนสุดที่รักอยู่ด้านหลังน่ะพ่อกว้าง อาบอกให้ขึ้นไปอยู่ข้างบนด้วยกันก็ไม่ยอม ยืนยันหนักแน่นว่าจะขออยู่ห้องพักคนรับใช้ข้างหลังให้ได้”
คุณหญิงหทัยกาญจน์ส่ายหน้า มองเด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินจากไปด้วยแววตาจนใจ แต่ไหนแต่ไรสุดที่รักไม่เคยสร้างความเดือดร้อน แถมยังเจียมตัวสุดๆ ทำตัวเหมือนกับ พวกคนรับใช้ไม่ต่างกันเลยสักนิด
“งั้นผมขอไปใช้ห้องน้ำห้องเขานะครับ เดินขึ้นไปคงทำพื้นสกปรกเอาเปล่าๆ” พูดจบก็เดินตามไปทันที ไม่ทันให้คุณหญิงทักท้วงอะไร เธอได้แต่มองตามด้วยสีหน้าฉงน
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ห้องแถวเล็กๆ สำหรับคนรับใช้ สุดที่รักเปิดประตู ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตากผ้าเช็ดตัวไว้ตรงราวตากผ้าซึ่งอยู่ด้านหลังห้อง เขาจึงเดินอ้อมไปหยิบมันมา โดยไม่รู้ตัวว่าเปิดประตูทิ้งไว้ ปล่อยให้ใครอีกคนถือวิสาสะเดินเข้าไปยืนอยู่ด้านใน คนตัวบางหนาวสั่นเดินย่องกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะกดล็อคประตูอย่างที่เคยทำ แล้วถอดเสื้อยืดเปียกชื้นออกจากตัวทันที หันไปจะเข้าห้องน้ำก็ต้องชะงักฝีเท้า เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่คอยทำตัวป่วนเขาตั้งแต่เช้า สายตาคมกวาดมองผิวขาวเปลือยเปล่าอย่างจงใจ สุดที่รักตื่นตระหนกรีบตะครุบปิดหน้าอกทันทีราวกับหญิงสาวหวงตัว
สถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้ไม่ควรอยู่ด้วยกันสองคนเลยจริงๆ เพราะรู้ว่ากว้างขวางเป็นอะไร เขาถึงนึกหวาดกลัวอยู่ครามครัน
“คุณเข้ามาได้ยังไง นี่ห้องของผม คุณควรจะขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องนอนของคุณ”
“เสียเวลา ฉันจะอาบที่นี่” พูดไปด้วยก็เดินต้อนคนตัวบางไปด้วย พลันสายตาเหลือบไปเห็นโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆ ตั้งอยู่ริมห้อง กรอบรูปสีเงินวาวสะท้อนแสงอาทิตย์ที่เล็ดลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างจนแยงตาชายหนุ่ม
เขาจะไม่สนใจมันเลย หากคนในกรอบรูปไม่ใช่เขา
กว้างขวางถูกดึงความสนใจทั้งหมดไว้ที่มัน และไวเท่าความคิดเขาต้องการหยิบมันขึ้นมาดูเพื่อให้แน่ใจ
สุดที่รักหน้าม้าน หัวใจเต้นถี่เมื่อหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความคลั่งในรุ่นพี่หนุ่มตั้งตระหง่านเด่นหราให้เจ้าตัวได้เห็น เขารีบใส่เสื้อเปียกๆ กลับเข้าที่ ก่อนจะปรี่เข้าไป หวังจะคว้ามันมาจากมือรุ่นพี่
กว้างขวางไวกว่ามาก จับกรอบรูปชูขึ้นสุดแขน กันไม่ให้คนตัวเตี้ยกว่าได้เอื้อมถึง
“รูปฉันนี่”
รุ่นพี่หนุ่มไล่มองรูปขนาดโพลาลอยด์ที่ถูกจัดวางเรียงกันหลายใบในกรอบเดียว เป็นรูปเขาทุกอิริยาบถไม่ต่างจากรูปอื่นที่มีในแฟนเพจ แต่ที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นรูปตัวเขาสมัยเรียนมัธยมปลาย อยู่ในชุดพละลายทางสีชมพู-ฟ้า มีลูกบาสเกตบอลเหน็บสีข้างเอาไว้ รูปนี้เขายืนยิ้มให้กล้อง แต่เขาจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นคนมาขอถ่าย ตัวแผ่นกระดาษขึ้นสีเหลืองซีดแสดงความเก่า ถ้าให้เดา มันคงเป็นรูปแรกที่สุดที่รักเริ่มเก็บ
“คุณ! เอามาเถอะ ผมขอ” สุดที่รักร้อนรนลนลานเอื้อมเอากรอบรูปให้ได้
“ชอบฉันขนาดนั้นเชียว?”
กว้างขวางไล่มองรูปภาพทุกใบ ก่อนจะเลิกสนใจมัน หันมาสนใจเจ้าของแทน ยิ่งสุดที่รักเข้าใกล้มากเท่าไหร่ เขายิ่งชูของในมือขึ้นสูงมากเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความใกล้ชิดให้คนทั้งสองมากจนเกินพอดี เป็นเพราะคนถูกจับได้ ทั้งตื่นตูมและละอายใจ หน้าชาแทบแทรกแผ่นดินหนี ทำทุกวิถีทางเพื่อจะคว้าเอากรอบรูปนั้นกลับคืนมา
สุดที่รักโถมกายสุดเอื้อม จนเผลอทิ้งแรงทั้งหมดไปข้างหน้า ใช้ร่างสูงใหญ่ของ รุ่นพี่หนุ่มเป็นที่พักพิง จังหวะหนึ่งกว้างขวางลื่นเพราะหยดน้ำบนพื้น หงายหลังล้มบนผืนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง แขนแกร่งรั้งร่างสุดที่รักล้มตามด้วยสัญชาตญาณ
วินาทีนั้นร่างผอมบางล้มลงบนร่างรุ่นพี่ปีสี่จนแนบชิดติดทุกสัดส่วน
กว้างขวางตกอยู่ในภวังค์ต่อนัยน์ตาเศร้าคู่นี้อีกครั้ง หากแต่เจ้าของมันกลับลนลานหน้าแดงก่ำ พยายามยันกายลุกออกจากร่างของเขา ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อเห็นเด็กหน้ามึนขัดขืนหลายต่อหลายครั้ง เลยใช้แขนรัดเอวไว้ แล้วตวัดกายเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน
ตาคมจ้องมองพวงแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ
ดังคำเขาว่า กินมะเขือเทศแล้วผิวจะใส เห็นท่าว่าจะจริง
“จะอายอะไร ฉันรู้แล้วว่านายชอบฉัน”
“......”
“แต่เพิ่งรู้ ว่าชอบมานานแล้ว”
คำพูดตรงไปตรงมาของกว้างขวาง เล่นเอาคนถูกจับได้หัวใจเย็นวาบ ดวงตาล่อกแล่ก ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะต้องเอามันไปมองไว้ที่ไหน
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน”
“ผม...รู้แล้ว” สุดที่รักหลบสายตาคนบนร่าง เขาหนีไม่ได้เพราะชายหนุ่มกำลังใช้แขนกักกันเอาไว้ อะไรเหรอที่ว่าเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเขาไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นตั้งแต่แรก ไม่ได้อยากจะสารภาพรัก หรือแสดงออกให้รู้ตั้งแต่แรก ทำไมถึงต้องพูดย้ำขนาดนั้น “ปล่อยเถอะครับ รีบไปอาบน้ำก่อนจะไม่สบาย”
“ตอนรู้ครั้งแรก ฉันสะอิดสะเอียนแทบอ้วก...” กว้างขวางพูดอย่างใจคิด ไม่สนใจประโยคก่อนหน้าของอีกฝ่าย สายตาคมฉาดฉายแสดงความลังเล ขัดใจในตัวเอง “แต่ตอนนี้...มันกลับลดลงจนหายไปหมด”
ยอมรับว่าความต้องการของเขากำลังพลุ่งพล่าน เอาแต่คิดถึงเรื่องอย่างว่ากับ คนใต้ร่างทุกวินาที
เขาอยากลองและอยากรู้
ความต้องการส่วนลึกมันกำลังเรียกร้องจนหัวใจสั่นสะท้าน แค่ได้มองก็เหมือนกับกำลังได้ทำเรื่องอย่างว่าไปแล้ว
“ยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า?”
“......”
“ฉันถามว่ายังชอบกันอยู่หรือเปล่า?”
สุดที่รักเบือนหน้าซบผืนเตียง ริมฝีปากถูกฟันขาวกัดฉับ ละอายใจจนหน้าแดงไปหมด จะให้เขาเอาความกล้าที่ไหนมาพูด ให้สารภาพความในใจต่อหน้าคนที่ปลื้ม โดยที่ อีกฝ่ายตั้งใจรอฟังคำตอบโดยไม่ละสายตา
“แอบชอบผู้ชายมาแล้วกี่คน?” อีกฝ่ายไม่ตอบ กว้างขวางจึงเปลี่ยนคำถาม ไม่รู้ทำไมถึงอยากรู้ เขาก็แค่สงสัย
คราวนี้คนใต้ร่างส่ายหน้าหลับตาแน่น
“ส่ายหน้าหมายความว่ายังไง?”
“ผม...ไม่เคยชอบใคร”
กว้างขวาง ศิริไพศาลคือคนแรก
และอาจเป็นคนเดียวสำหรับเขา
“หึ...”
กว้างขวางยิ้มเย็นหลังได้ฟังคำตอบ เขาไม่คิดเชื่อมันเลยสักนิด คนบ้าที่ไหนเกิดมาจนเข้ามหาลัยแล้วยังไม่เคยชอบใคร เขาเกือบจะหลงเชื่อความใสซื่อของมันเสียแล้ว แต่คำตอบนี้ทำเอาเขาตาสว่างขึ้นมาได้นิดหน่อย ไอ้เด็กนี่มันก็โกหกเป็น เพื่อให้คนที่ชอบเห็นมันเป็นคนรักเดียวใจเดียวได้เหมือนกันแฮะ
“เชื่อได้เหรอ?”
สุดที่รักลืมตาพลางตวัดมองกว้างขวางฉับพลัน นัยน์ตาเศร้ามองชายหนุ่มด้วยความผิดหวัง
“แต่จะลองเชื่อดูก็ได้ ไหน...ลองยั่วแบบใสซื่อให้เกิดอารมณ์ดูหน่อยซิ ถ้านายทำสำเร็จ ฉันจะฝืนใจดูสักครั้ง”
คำพูดหยาบคายกับสายตาหยาบโลนของรุ่นพี่หนุ่มยิ่งสร้างความผิดหวังก่อเกิดในใจคนฟังมากขึ้น
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ต้องการเรื่องแบบนั้น ออกไปจากห้องผมเถอะครับ” สิ่งที่ชายหนุ่มคิด ไม่เคยมีอยู่ในสมอง ไม่เคยเลยจริงๆ
“คนชอบกันก็หวังจะอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันทั้งนั้น ไม่งั้นจะได้ความรู้สึกดีๆ อะไรจากกันล่ะ ผู้หญิงของฉันก็ผูกมัดฉันเอาไว้ด้วยเรื่องอย่างว่ากันทั้งนั้น”
สุดที่รักถอนหายใจ มองคนบนร่างด้วยความเวทนา
คนๆ นี้ตาบอด หัวใจด้านชา
ชายหนุ่มเป็นคนโง่เรื่องความรักจริงๆ
“สำหรับคนอื่น ผมไม่รู้ แต่สำหรับผม ความชอบไม่ใช่การครอบครองเก็บไว้กับตัว แต่เป็นการได้มอง ได้รับรู้ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
“แน่ใจเหรอ ใครมันจะดีขนาดนั้น ชอบกันแต่ไม่ได้อยากได้ไว้ครอบครอง? ตลกแล้ว มันต้องมีสักอารมณ์สิที่อยากได้ นี่ไงฉันอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าอยากได้ก็ลองอ้อนดู”
สุดที่รักกระดากอายเกินกว่าจะทำอะไรอย่างที่ชายหนุ่มพูด รู้อยู่เต็มอก ว่าสิ่งที่กว้างขวางสื่อออกมานั้นมีแต่ความเย้ยหยันระคนสมเพช เขานึกสะท้อนใจไม่ต่างกัน ความผิดหวังพร่างพรูในความคิด
กว้างขวางใช้ช่วงเวลาเงียบงันสำรวจใบหน้าอีกฝ่าย นัยน์ตาโศกกำลังสั่นระริกเผยความประหม่า จมูกเล็กรับกับใบหน้า ริมฝีปากบางสั่นเทาคง เพราะหนาว องค์ประกอบแต่ละส่วนของใบหน้า พอนำมารวมกันแล้วดูหวานหากแต่ติดเศร้าหมอง ไปหน่อย
“คุณคงเจอแต่คนประเภทนั้นสินะครับ”
สุดที่รักส่ายหน้า ก่อนจะผลักไสชายหนุ่มให้ออกห่าง พวกเขาควรจบบทสนทนาระหว่างกันไว้เพียงเท่านี้ ในเมื่อพูดไม่รู้เรื่อง ก็ปล่อยให้มันค้างคาไว้อย่างนี้ เป็นเขาที่หลบหนีออกไปเอง
ทว่ากว้างขวางหักห้ามความอยากรู้อยากลองไม่ได้อีกแล้ว
คำพูดที่พูดออกไป เขาแค่ใช้มันมาอ้างเพื่อให้ได้สัมผัสคนตรงหน้า
ชายหนุ่มเอาสายตาไล้ไปทั่วร่างเปียกชื้น เสื้อผ้าบางจนเผยผิวกายด้านในอย่างเย้ายวน ชั่วอึดใจคนเสพติดเซ็กซ์ทำตามความต้องการ สอดมือเข้าใต้ชายเสื้อลูบไล้หน้าท้องแบนราบ
น่าแปลก...
สุดที่รักสะดุ้งตะครุบจับฝ่ามือร้อน ดวงตาเบิกโตด้วยไม่คิดว่าจะถูกรุ่นพี่หนุ่มกระทำการแบบนี้
“เดี๋ยว!”
เขาต้องการทบทวน
กว้างขวางบังคับตรึงแขนทั้งสองข้างของสุดที่รักไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ก่อนจะถือวิสาสะลูบไล้ผิวกายร่างบางไปทั่ว ทั้งหน้าท้อง ทั้งแผ่นหลัง ก่อนจะวกมายังหน้าอก
หน้าอกแบนราบไม่เหมือนหน้าอกของผู้หญิง หากแต่รสสัมผัสกลับนุ่มมืออย่างน่าประหลาด
แปลกจริงๆ ...จากที่คิดว่าน่ารังเกียจชวนขยะแขยง มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“อย่าครับ!” สุดที่รักขัดขืน ใบหน้าแดงก่ำร้อนรนส่ายไปมา
กว้างขวางใช้เวลานานหลายนาทีเพื่อทบทวนสิ่งที่คิด สัมผัสลูบไล้คนที่บอกว่าชอบกัน แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใกล้เคียงกับคำว่ายั่วยวนเลยสักนิด กลายเป็นเขาที่ความต้องการพุ่งทะยานขึ้นสูงในเวลาอันรวดเร็วเพียงฝ่ายเดียว
ในตอนนั้นเอง กว้างขวางเพิ่งเรียนรู้ว่าร่างกายสุดที่รักน่าลิ้มลองและน่าค้นหาแค่ไหน
เขาอยากทำมากกว่าลูบไล้ เขาอยากลองมากกว่านี้
“หยุดเถอะครับ ขอร้อง...” เสียงรุ่นน้องแผ่วพร่า อ้อนวอน
“จะทำเป็นไม่เคยทำไม ฉันรู้หรอกว่านายก็เคยๆ กันอยู่”
เพราะความเข้าใจผิดๆ ทำให้กว้างขวางคิดไปว่าพวกรักร่วมเพศ มักมีความสัมพันธ์ไปไว คล้ายกันกับความสัมพันธ์ฉาบฉวยแบบชายหญิง
มันคงไม่ได้ต่างกันนัก
สุดที่รักปฏิเสธไม่ออก เอาแต่ส่ายหน้า ภายในอกสะท้อนความเจ็บจุกจนยากเกินจะพูดออกมา
กว้างขวางตอนนี้หน้ามืดตามัวเกินกว่าจะหักห้ามใจ ความหอมของสุดที่รักยั่วเย้าเกินไป จนใช้จังหวะนี้ก้มลงไปสูดดมซอกคอขาวอย่างถือวิสาสะ
สุดที่รักสะท้านเฮือกย่นคอปิดบังเอาไว้ ตัวสั่นเทาราวกับลูกนก ยกมือไหว้ปลกๆ น้ำตาไหลหยดออกปลายหางตา
เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว มันกลัวไปหมด
ท่าทางปฏิเสธของเจ้าตัวนั้นแปลกประหลาด เรียกสายตาชายหนุ่มให้หยุดมอง
“ผมไม่เคยๆ ไม่เคยจริงๆ ขอร้องล่ะครับ อย่าทำอะไรผมเลย ผมจะเลิกชอบคุณ ผมจะไม่ให้คุณเห็นหน้าผมอีก”
รสสัมผัสหยาบโลนสร้างความหวาดกลัวให้คนไม่เคยเป็นอย่างมาก เหมือนกำแพงทางความรู้สึกที่ก่อตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ กว้างขวางไม่ได้อ่อนโยน ปลอบประโลม และมอบความรู้สึกดีให้ มีแต่อารมณ์กระหายที่แผ่กำจายออกมา
“นายทำให้ฉันหงุดหงิด” ชายหนุ่มครางเสียงต่ำ
ทำเหมือนเขากำลังจะข่มขืนมันอย่างนั้นล่ะ
จะกลัวอะไรขนาดนี้
กว้างขวางกัดกรามแน่น สุดท้ายลุกออกจากเตียงอย่างคนหมดอารมณ์ เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ สุดที่รักลนลานวิ่งออกจากห้องไปหน้าบ้านราวกับคน
สติเตลิดทันที
“จะไปไหน!”
กว้างขวางวิ่งตามออกไป เขาไม่เคยเห็นสุดที่รักสติหลุดขนาดนี้มาก่อน เลยอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดทำอะไร
เด็กหนุ่มร่างโปร่งมือสั่น ขาสั่น วิ่งมาถึงหน้าบ้าน เขาสติแตกและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะวิ่งไปไหน ทันทีที่วิ่งมาถึง ก็พบเข้ากับคุณอาทั้งสองซึ่งยืนอยู่ตรงนั้น โดยมีคุณหญิงรตีซึ่งกำลังตักข้าวสวยใส่บาตรถวายพระสงฆ์สามรูป ผู้ใหญ่ทั้งสามได้ยินเสียงวุ่นวายอยู่เบื้องหลังก็หันกลับมามอง เห็นสุดที่รักชะงักฝีเท้า ใบหน้าเปรอะเปื้อน ตาและปลายจมูกแดงก่ำ เนื้อตัวเปียกมอมแมมไม่น่าดูเท่าไหร่นัก
ตามหลังกันมาคือว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของลูกสาวคนเล็กของบ้านซึ่งมีสภาพไม่แตกต่างกัน ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับผ่านศึกอะไรกันมา
คุณหญิงรตีเบิกตากว้าง กัดฟันฉับ แต่เพราะมีพระมีเจ้ารออยู่ จึงทำใจเย็นตักบาตรให้แล้วเสร็จ รอจนกระทั่งพระสงฆ์เดินออกไปจากบริเวณ ไหว้ได้ไม่สวยเหมือนอย่างเคยก็ตวัดกายเดินอาจเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มทั้งสอง สายตาคุกรุ่นกวาดมองร่างเปียกปอนของคนทั้งคู่
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ในสภาพแบบนี้?”
เมื่อเด็กทั้งคู่ไม่ยอมตอบ คุณหญิงหทัยกาญจน์ที่รู้เหตุการณ์จึงเอ่ยขึ้น
“เด็กๆ ไปเก็บดอกบัวมาให้เราตักบาตรค่ะคุณพี่ แต่เกิดเรือคว่ำเลยเปียกกันทั้งคู่”
“สู่รู้ทำเกินหน้าที่จริงๆ นี่คงชวนพ่อกว้างไปเกเรจนได้เรื่องล่ะสิ แกนี่มันแย่จริงๆ นะ เกิดไปทำพ่อกว้างจมน้ำขึ้นมาจะว่ายังไง ฉันรู้เลยว่ามันต้องเป็นคนอาสาเอาหน้าไปเก็บบัวมาให้ แล้วก็ซุ่มซ่ามทำตัวเองตกน้ำตกท่าจนพ่อกว้างต้องไปช่วย เพราะครั้งนึงมันก็เคยตกน้ำจนตาอิ่มต้องกระโจนลงน้ำไปคว้าตัวมาแบบนี้ล่ะ”
สุดที่รักก้มหน้าก้มตา มือกำเข้าหากันแน่น เล็บจิกเข้าเนื้อจนได้เลือดจากที่มีแผลอยู่แล้ว ตอนนี้เลยยิ่งเพิ่มแผลเหวอะหวะเข้าไปอีก
เหวอะหวะไปทั้งกาย เหวอะหวะไปทั้งใจ
“พี่รตี พี่จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ผมไม่ชอบให้คนในบ้านต้องทะเลาะกัน สุดที่รักเป็นเด็กดีไม่เคยต้องให้ผมมาสั่งสอน พี่เลิกอคติกับแกเสียทีเถอะ” สุพรตทนฟังไม่ได้อีกต่อไป พูดขึ้นเสียงใส่พี่สาวตน
“หรือมันไม่จริงตาพรต แล้วนี่จะวิ่งเล่นโชว์เนื้อหนังให้ใครดูไม่ทราบ” คุณหญิงมองร่างผอมบางทะลุผ่านผิวผ้าโปร่งแสงอย่างเหยียดหยัน พลันความคิดหนึ่งผุดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เธอมองเด็กสองคนตรงหน้าด้วยแววตาตกใจ “หรือว่ามันเป็นแผนของแก ตั้งใจจะอ่อยลูกคนรวย ไม่สนใจว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายอย่างนั้นเหรอ?” เธอถลึงตามองสุดที่รักอย่างคาดคั้น ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ จ้องมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาไม่เป็นมิตร “หรือว่าจริง?!”
เธอตวาดเสียงดังลั่น เมื่อเห็นว่าสุดที่รักอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ หากแต่สะดุ้งตัวโยน กัดฟันสะกดกลั้นความกลัว สายตาเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“อย่าแม้แต่จะคิดนะ แกมันวิปริตผิดเพศอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด!” สายตาเธอเต็มไปด้วยความเดียดฉันท์ ชักเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างนึกขยะแขยงเด็กกำพร้าตรงหน้า “แกจะไปผิดเพศที่ไหน จะไปอ่อยกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนของยัยอุ่น คนอย่างแกมัน ไม่คู่ควรกับพวกเขา มันคนละชั้นกัน”
“ไปกันใหญ่แล้วคุณพี่...” สุพรตกัดฟันแน่น ก้าวเข้าไป หวังจะหยุดคำพูดและการกระทำของคนเป็นพี่สาว ทว่าในขณะเดียวกัน ไวกว่าเขากลับเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนฟังอยู่นาน
กว้างขวางเดินไปแทรกกลางระหว่างคนสองคน สายตาคมกล้าเผชิญกับคุณหญิงผู้ทำตัวสูงส่ง
คำพูดว่าร้ายที่ได้ยินมันระคายหูเกินกว่าจะทนฟังได้ ขนาดเขาไม่ใช่คนถูกด่าว่า แล้วตัวคนถูกว่าโดยตรงล่ะ จะรู้สึกเสียดลึกสักแค่ไหน
“ผมอยู่ชั้นไหน อุ่นอยู่ชั้นไหน น้องอยู่ชั้นไหน แล้วคุณป้าอยู่ชั้นไหนกันเหรอครับ?” เขาแค่นยิ้มเย็นให้อย่างไม่ไว้หน้าผู้ใหญ่ ทำเอาคนฟังอย่างคุณหญิงรตีตากระตุกไม่น้อย “แต่คำพูดร้อนดูถูกคนอื่นโดยไม่คิดฟังเหตุผลอย่างคุณป้านี่... ผมว่าน่าจะอยู่อเวจีชั้นล่างสุด ทั้งร้อน ทั้งมืด มีแต่ความโสมมทับถมรวมกัน”
“ตากว้าง...” คุณหญิงรตีหน้าม้าน มองว่าที่คู่หมั้นคู่หมายด้วยตาสั่นระริก
“ผมเคารพคุณป้านะครับ แต่การกระทำกับคำพูดของคุณป้า มันลดทอนความน่าเชื่อถือของคุณป้าลงไปเยอะ จนผมเผลอเหมารวมหลานสาวของคุณป้าไปด้วย ป้าเป็นยังไง เลี้ยงหลานก็คงไม่ต่างกัน อย่าทำให้ผมต้องมองอุ่นไม่ดีเลยนะครับ ผมลาล่ะครับ”
ชายหนุ่มพูดเพียงแค่นั้น ความก้าวร้าวไม่ได้มีให้เห็น มีเพียงความผิดหวังที่ฉาดฉายผ่านความแข็งกระด้างในท่าที กว้างขวางยกมือไหว้คุณหญิงรตี ก่อนจะหันไปไหว้คุณอาทั้งสอง
“ผมขอพาน้องกลับไปด้วย อยู่ที่นี่เขาคงไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่”
ไม่รอฟังคำทัดทานใดใด กว้างขวางคว้ามือสุดที่รักพาเดินออกมาจากที่ตรงนั้น ตรงดิ่งไปยังที่จอดรถ เปิดประตูให้ร่างโปร่งได้เข้าไปนั่ง ก่อนจะเดินมาประจำที่นั่งคนขับ สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วออกตัวพุ่งทะยานหายลับออกจากประตูรั้วบ้านหลังใหญ่ทันที
หลังขับออกมาได้ไม่นาน คนถูกพาตัวมาด้วยนั่งนิ่งสักพักก็ได้สติกลับคืน หันไปมองคนขับด้วยสายตาเหลือเชื่อ
เขาเข้าใจไม่ผิดใช่ไหม...
กว้างขวางเพิ่งช่วยเขา
เหมือนคนขับสุดหล่อจะรู้ตัวว่าถูกมอง เขาหันไปสบตาเข้ากับสุดที่รัก เห็นนัยน์ตาเศร้าเคลือบคลอไปด้วยหยาดน้ำตาซึ่งคงมาจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่
“ไม่ต้องมาทำซึ้ง ป้ามหาโหดนั่นบอกให้นายไปอ่อยที่อื่น ฉันก็พานายออกมาแล้ว ฉันช่วยนายแล้วนะ ต่อไปนี้นายต้องช่วยฉันคืนบ้าง อย่าคิดว่าจะช่วยให้ฟรีๆ”