“ช่วย?...”
สุดที่รักไม่เข้าใจกว้างขวาง มีอะไรที่คนอย่างเขาจะสามารถช่วยรุ่นพี่ที่มีทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อมอย่างนั้นเหรอ ชายหนุ่มถึงได้แต่เรียกร้องจะให้เขาช่วย ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว
ท่าทีงุนงงของสุดที่รักชวนให้สารถีหนุ่มสุดหล่อหันไปมอง ปฏิเสธตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าทุกชั่วขณะ เขาเอาแต่ไล่สายตามองเรือนร่างผอมบางภายใต้เนื้อผ้าโปร่งแสง โลมเลียเนื้อผิวใสด้วยอารมณ์ที่เขาเองก็ไม่อาจสามารถบังคับได้
“อย่างผมจะช่วยอะไรคุณได้...” สุดที่รักถามกว้างขวาง ทว่าหันไปมอง ก็พบว่าอีกฝ่ายกลับมองเขาไปทั่วตัว โดยเฉพาะกับช่วงอกที่ชายหนุ่มเอาแต่จดจ้อง เขารีบตะครุบปิดอกตัวเอง พลันใบหน้าเห่อร้อน “มองอะไรของคุณ...”
“จะหวงเนื้อหวงตัวไปถึงไหน นายไม่ใช่ผู้หญิงสวย หุ่นดี มีส่วนต้องหวงจนฉันต้องเพิ่มราคาให้สักหน่อย หน้าอกก็แบน ก้นก็ไม่ได้งอน แค่มองนิดหน่อยถึงกับต้องสะดีดสะดิ้งเป็นสาวน้อยขนาดนั้นเชียว?”
“......”
คนฟังเม้มริมฝีปากแน่น เอาแต่มองคนพูดด้วยแววตาสั่นไหว สิ่งที่กว้างขวางพูดมาช่างทำร้ายจิตใจเขาได้อย่างเจ็บแสบเหลือเกิน แต่ดูเหมือนคนพูดจะไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะรุ่นพี่หนุ่มกำลังพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยัน ค่อนแคะ ไม่ได้นึกถึงจิตใจคนฟังอย่างเขาเลยสักนิด สุดที่รักเบือนหน้าหนีมองไปนอกกระจก
“ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นายคงรู้ว่าสิ่งที่ฉันอยากให้ช่วยคืออะไร...”
เมื่อเห็นคนข้างๆ เงียบไป กว้างขวางจึงเปิดประเด็นทันที พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่คิดจะรักษาน้ำใจเพราะยังไงไอ้รุ่นน้องคนนี้มันก็ผู้ชายเหมือนๆ กัน
“ฉันจะเอานาย”
“!!” สุดที่รักหันขวับไปมองคนพูดได้อย่างหน้าซื่อตาใส อกบางกระตุกแรง “คุณรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา...”
“รู้ บอกตามตรงว่าเจอกันทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่ฉันไม่คิดจะอยากลอง
เอากับนาย”
“หยาบคายที่สุด...”
“ก็แค่ลอง นายคงไม่ได้เสียหายอะไรไปมากกว่านี้หรอกมั้ง อย่าคิดมาก
ได้ไหม ใครๆ เขาก็ทำกัน”
“แต่สำหรับผมมันไม่ใช่...” สุดที่รักเอ่ยเสียงแผ่ว มองคนตรงหน้าอย่างผิดหวัง อยากจะอธิบาย อยากจะพูดให้มากกว่านี้ แต่เพราะมันเจ็บเกินไป ยิ่งรับรู้ตัวตนกว้างขวาง เขายิ่งพูดไม่ออก
เมื่อได้มองคนๆ นี้จากที่ห่างไกลนั้นช่างสุขใจ ทว่ามาวันนี้...ในวันที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เขากลับหาความสุขนั้นไม่เจออีกแล้ว
“นี่ฟังนะ...” เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวอย่างคนไม่เคยของสุดที่รัก กว้างขวางจึงเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของร่างโปร่งเอาไว้ “เซ็กซ์ก็แค่กิจกรรมทางกายที่เอาไว้ปลดปล่อยความต้องการ ในเมื่อนายเองก็ชอบฉัน ฉันเองก็แค่อยากปลดปล่อย ส่วนนายก็จะได้มีอะไรกับคนที่ชอบ มันก็วินวินกันทั้งสองฝ่าย นายจะคิดมากไปทำไมวะ?”
“ผม...ไม่เคยมีอะไรกับใคร” สุดที่รักไขข้อกระจ่าง สารภาพบอกรุ่นพี่หนุ่มด้วยแววตาหวาดกลัวระคนสับสน
“จะพูดเพิ่มค่าตัวเหรอ?”
กว้างขวางพรูลมหายใจหัวเราะออกมา เห็นเป็นเรื่องน่าขัน เขาตบไฟเลี้ยวก่อนจะหักพวงมาลัยเข้าไปจอดรถในปั๊มน้ำมัน มือแกร่งคว้าหัวไหล่เด็กหนุ่มรุ่นน้องเอาไว้ทั้งสองข้าง พลางดึงให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“จะทำใสซื่อไปทำไม ฉันไม่เชื่อหรอกนะ โตๆ กันป่านนี้แล้ว ไม่เคยเอากับใครนี่เหลือเชื่อสุดๆ ไปเลยว่ะ แต่ถ้าจะเรียกร้องค่าตัวจากฉัน ฉันก็ให้ได้นะ ผู้หญิงของฉันทุกคนก็ได้ค่าตัวเป็นพวกกระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง นายจะเอาอะไรล่ะ”
เพราะกระจกรถยนต์คันโตเป็นฟิล์มทึบแสง คนภายนอกจึงไม่อาจมองเห็นการกระทำของคนภายในรถได้ กว้างขวางใช้ข้อดีนี้โน้มกายเข้าไปใกล้สุดที่รัก กลิ่นหอมอ่อนๆ แผ่กระจาย ชายหนุ่มสูดดมมันอย่างคนชื่นชอบโดยไม่รู้ตัว
“หรือต้องการความอ่อนโยน? ถึงฉันจะไม่เคยกับผู้ชาย แต่จะลองดูก็ได้” ชายหนุ่มมองความกลัวของสุดที่รักเป็นเรื่องของการต่อรอง
“อย่าแตะต้องตัวผม...” สุดที่รักตะครุบมือแกร่งที่กำลังจะลูบไล้เข้าไปใต้เสื้อยืดเปียกชื้น ส่ายหน้าเชื่องช้า มองคนตรงหน้าด้วยสายตาผิดหวังเหลือแสน “สำหรับผม...ความสัมพันธ์ทางร่างกายต้องเกิดขึ้นจากความรักเท่านั้น”
“อยากได้ความรักจากฉันงั้นเหรอ?”
“......”
“ฉันไม่มีให้หรอกนะ ไอ้เรื่องอย่างนั้นน่ะ นายจะขออะไรก็ได้ทั้งนั้น ยกเว้น ความรัก”
ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงต่ำ นัยน์ตาฉาดฉายความไม่เข้าใจ
เพราะเขาไม่รู้จักมัน เขาไม่มีมัน...
“คุณเข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้น แม้แต่ความรัก ผมรู้ดีว่าคนอย่างคุณไม่มีวันมอบความรักให้กับคนอย่างผมหรอก เราเหมือนอยู่กันคนละโลก ใช้ชีวิตกันคนละแบบ แต่ที่ผมบอก...ผมแค่อยากจะเตือนสติคุณ ว่าเรื่องสัมพันธ์ทางกายมันควรเชื่อมโยงกับความรัก คนเราจะโอบกอดกัน นอนด้วยกันได้ยังไงถ้าหัวใจไม่มีรักรวมอยู่ในนั้น”
“ไม่มีรักก็มีเซ็กซ์ได้ นายเกิดมาด้วยการเลี้ยงดูแบบไหนกันนะ ถึงได้แยกแยะมันไม่ออก”
เพราะเกิดมาไม่เคยได้รับความรักจากใคร มีเพียงความอุ่นของเนื้อกาย และกิจกรรมบนเตียงเร้าอารมณ์สุขสมเท่านั้นที่หล่อหลอมให้ผู้ชายคนนี้เติบโตมา
จริงๆ เขาไม่ได้แยกแยะระหว่างความรักกับเซ็กซ์ออกหรอก เพียงแต่เขารู้จักเรื่องเซ็กซ์เพียงด้านเดียวต่างหาก แต่ก็ยังเลือกพูดออกไปเหมือนกับตัวเองรู้ดีและแบ่งแยกมันได้เพียงเพื่อต้องการปกปิดความจริงจากคนตรงหน้า
กว้างขวางมองสุดที่รักอย่างไม่เข้าใจ ไอ้เด็กนี่มันแปลกกว่าใครที่เขาเคยเจอมา ผู้หญิงทุกคนไม่เคยปฏิเสธสัมผัสจากเขา ไม่เคยเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“ผมเห็นมันเป็นเรื่องเดียวกัน ขอโทษนะครับที่ผมให้คุณไม่ได้ ถ้าคุณอยากลอง คุณควรไปหาคนอื่น ส่วนผม...จะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก ขอตัวนะครับ”
สุดที่รักเปิดประตูรถหวังจะออกไป ทว่ากลับถูกกว้างขวางห้ามเอาไว้
ชายหนุ่มขุ่นเคืองที่ถูกปฏิเสธกันซึ่งหน้า ดึงประตูปิดอย่างรุนแรง อารมณ์ในตอนนี้ไม่สามารถมีอะไรมาฉุดรั้งเขาได้อีกแล้ว พอกันทีการถกเถียงระหว่างความรักกับความต้องการ อาการของเขามันกำลังกำเริบจนมือไม้สั่น เขาจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างเอื้อมไปดึงปรับเบาะที่นั่งให้เอนนอนจนสุด สุดที่รักตกใจ พยายาม ขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะถูกกว้างขวางจับตรึงเอาไว้แน่นหนา
“ปล่อยผม! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” สุดที่รักกระชากเสียง ยื้อกาย นอกจากจะตกใจกับเหตุการณ์อันตรายที่ตนกำลังเผชิญแล้ว เขายังตกใจกับใบหน้าแดงก่ำของคนบนร่างอีกด้วย
รุ่นพี่หนุ่มเหมือนคนหลุดจากภวังค์ หน้าแดง หูแดง หอบหายใจถี่แรง
“มาทำให้มันจบๆ ไป นายต้องช่วยฉัน”
ความต้องการคับแน่นถาโถม อารมณ์พวยพุ่งยิ่งกว่ากองเพลิงโหมกระหน่ำ หัวใจของกว้างขวางร้อนรุ่มแผดเผา เลือดในกายเดือดพล่านไหลเวียนรวดเร็วจนปรับตัวไม่ทัน หอบหายใจหนักหน่วงกระสันซ่านในร่างกายแสนยั่วเย้าตรงหน้า
“ไม่! ปล่อยผมเถอะ! ไปหาผู้หญิงของคุณ รีบไปสิคุณ!” สุดที่รักพยายามหาทางออกให้
“ต้องนาย! เดี๋ยวนี้!”
กว้างขวางกระชากเสื้อยืดของอีกฝ่ายออกอย่างไม่ใยดีจนมันขาดวิ่น เผยผิวขาว ยอดอกสีชมพูชูชันเด่นกระแทกตา เพิ่มความกระสันให้แก่ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น เขาก้มหน้าลงไปโลมเลียซอกคอขาว ดูดเม้มตามความต้องการ ก่อนจะลดระดับลงมาตรงยอดอกที่ท้าทายสายตาในคราแรก ลิ้นชื้นแลบเลียสะกิดเม็ดชมพู ก่อนจะขบเม้มดูดดึงอย่างช่ำชอง
สุดที่รักสะท้านเฮือก น้ำตาใสรื้นคลอ
เขากลัว...กลัวการกระทำรุนแรงโดยปราศจากความรักเช่นนี้
“ไม่!”
หากยังขืนอยู่ตรงนี้คงไม่ดีแน่ ร่างโปร่งใช้แรงยื้อแขนตัวเองออกจากการจับยึด ก่อนจะผลักอกชายหนุ่มให้ออกห่าง จังหวะนั้นพลั้งเผลอตวัดตบใบหน้าหล่อเหลาอย่าง คนหวาดกลัว ร่างสูงใหญ่ผละออก ศีรษะชนเข้ากับเพดานรถเป็นโอกาสให้สุดที่รักรีบเปิดประตูรถหนีทันที
แต่แล้วในจังหวะที่ประตูรถถูกเจ้าตัวผลักออก ความรุนแรงยังผลให้ประตูไปปะทะเข้ากับรถยนต์อีกคันหนึ่งซึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาจอดในช่องข้างๆ พอดี รถเก๋งสีขาวมุกเบรกแทบทันที ตัวสุดที่รักหลุดออกมาจากรถแล้ว หากแต่ยังยืนค้างเติ่งอยู่ระหว่างประตูที่เปิดออกเพราะช่องว่างระหว่างรถมีไม่มากนัก เด็กหนุ่มหน้าเหวอ
“หยุด จะไปไหน!”
เสียงกว้างขวางดังปลุกภวังค์สุดที่รัก เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขันถึงสองเหตุการณ์ ทำให้สุดที่รักเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของรุ่นพี่หนุ่มที่ส่งสายตากรุ่นโกรธมายังเขา ส่งผลให้เจ้าตัวเลือกถดกายเบี่ยงหนีออกมา
ยังไงก็ต้องหนีคนคิดร้ายคนนี้ให้ได้เสียก่อน
“เฮ้คุณ! จะไม่รับผิดชอบหน่อยเหรอครับ” เจ้าของรถเก๋งสีขาวมุกดับเครื่องและเปิดประตูออกมา กางแขนออกเหมือนต้องการหาคนรับผิดชอบ มองเด็กหนุ่มร่างโปร่งในชุดเปียกชื้น เสื้อยืดสีขาวขาดวิ่นหลุดลุ่ยเผยผิวขาวกระจ่างตาวิ่งเตลิดเปิดเปิงเหมือนคนสติหลุด “เดี๋ยวคุณ!”
ชายหนุ่มตื่นตะลึงเมื่อเห็นเด็กคนนั้นกำลังวิ่งทะเล่อทะล่าไปทางรถบรรทุกที่เพิ่งหักเลี้ยวออกจากที่เติมน้ำมัน ร่างโปร่งเจ้าของใบหน้าหวานไม่ทันได้มองเพราะมัวแต่เอาตาไประวังเจ้าของรถยนต์เจ็ดที่นั่งที่กำลังเปิดประตูลงมา เลยไม่รู้ว่าอันตรายใกล้เข้ามาในระยะประชิด พลันทันใดนั้นเสียงแตรรถบรรทุกดังเลือนลั่น สุดที่รักหันไปมองแสงไฟที่วาบใส่
วินาทีนั้นเขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนค้างอยู่อย่างนั้น
“ระวัง!!”
สุดที่รักได้ยินเสียงกว้างขวางดังอยู่ไกลๆ เสี้ยววินาทีถัดมากลับถูกใครอีกคนดึงรั้งร่างให้หลุดออกมาจากวิถีรถบรรทุก ร่างคนสองคนหงายหลังล้มลงบนพื้น เหตุการณ์ทั้งหมดเรียกสายตาคนบริเวณนั้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ?” ชายหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยถามเด็กหนุ่มร่างบางในอ้อมแขน
“ผม...ไม่เป็นไร” สุดที่รักเอ่ยเสียงสั่น
“โล่งอก ถ้าคุณโดนรถบรรทุกเหยียบเข้าคงเป็นความผิดของผม เมื่อกี้ผมไม่ได้จะเอาเรื่องคุณอะไรขนาดนั้นนะ อย่าวิ่งหนีเหมือนกับไปทำผิดฆ่าคนตายอย่างนี้สิ มันอันตรายนะคุณ”
“ขอ...โทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
เมื่อเห็นท่าทางเหมือนคนขาดสติ ชายหนุ่มจึงลอบมองเรือนร่างกึ่งเปลือยนั้นเพื่อสำรวจบาดแผล เขาถอนหายใจก่อนจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตคลุมให้ร่างบางอย่างนึกเวทนา
“แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้อย่างนี้ไม่ดีนะคุณ ดูสิคนมองกันใหญ่แล้ว” ชายหนุ่มพยักพเยิดหน้าไปทางคนในบริเวณปั๊ม มีบางสายตาที่มองมาเพราะเรือนร่างกึ่งเปลือยดึงดูดสายตาไม่น้อย
สุดที่รักมองไปโดยรอบก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริง พลันก้มมองสภาพที่ดูไม่ได้ของตัวเอง ก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มที่ยังคงประคองร่างตนเอาไว้ด้วยสองแขน วินาทีนั้นนึกกลัวสายตากับรอยยิ้มของคนแปลกหน้า จึงรีบกระชับสาบเสื้อแจ็คเก็ตปกปิดเรือนร่าง
“คุณหนีอะไรมา หน้าตาถึงได้ตื่นกลัวขนาดนี้ เนื้อตัวก็เปียก ดูผมคุณสิ
มีคราบโคลนด้วย” จังหวะนั้นชายหนุ่มใส่แว่นหากแต่มีใบหน้าทรงเสน่ห์จะเอื้อมมือไปเช็ดหน้าผากเปื้อนคราบน้ำโคลนซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหนให้
ทว่ามือข้างนั้นกลับถูกกระชากจากผู้มาใหม่ ไม่ได้แตะคนตรงหน้าแม้แต่ ปลายก้อย
ชายหนุ่มเงยหน้ามองเจ้าของมือคีมเหล็กที่บีบข้อมือเขากระดูกแทบแหลก
กว้างขวางหอบหายใจรุนแรง ใบหน้าแดงซ่าน ลำคอแห้งผากตีบตันเหมือนหายใจไม่ออก เบิกตามองคนถือวิสาสะริอ่านแตะเนื้อต้องตัวไอ้เด็กรุ่นน้องของเขา
“โถ่ เด็กคุณกว้างนี่เอง”
“หมอภูมิ...”
ทั้งสองฝ่ายต่างเอื้อนเอ่ยประโยคออกมาโดยที่ไม่มีใครทักทายใคร สุดท้ายเป็นคนที่กว้างขวางเรียกว่าหมอภูมิดึงมือกลับคืน ก่อนยันกายลุกขึ้นยืน พร้อมพยุงร่างเด็กหนุ่มให้ลุกตาม
“โลกกลมจังนะครับ แล้วนี่ไปไงมาไงครับถึงได้...อยู่ในสภาพแบบนี้”
หมอภูมิพูดด้วยรอยยิ้ม กวาดตามองสารรูปคนไข้ของตัวเอง ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้ามีสภาพไม่ต่างกับลูกหมาตกน้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดนึกชมไม่ได้ว่ายังคงหล่อเหลาไม่สร่าง
“เขามากับผม ปล่อยเขา” กว้างขวางไม่ได้ตอบคำถาม เขาต้องการตัวเด็กในมือหมอภูมิคืน
“ม...ไม่ครับ ผมจะกลับ” สุดที่รักละล่ำละลักส่ายหน้า หันไปมองชายหนุ่มที่ยังคงกำข้อมือของเขาเอาไว้
หมอหนุ่มร่างสูง คิ้วเข้ม ผิวขาวสะอาดตา อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกง สแล็คสีดำคนนี้มีชื่อว่าภาคภูมิ เป็นจิตแพทย์เจ้าของไข้ของกว้างขวางเป็นคนๆ เดียวที่รู้อาการเสพติดเซ็กซ์และความเครียดต่างๆ ของเด็กหนุ่มปีสี่อย่างลึกซึ้ง
ชายหนุ่มผู้มาใหม่มองคนทั้งสองสลับกันเพื่อประเมินสถานการณ์ โดยไม่ยอมปล่อยมือจากร่างบางของคนตัวเล็กง่ายๆ ก่อนจะโพล่งขึ้นเสียงดัง เมื่อนึกอะไรออก
“คนสุขใจที่ไม่หวังผลตอบแทน!”
“ไอ้หมอ...” กว้างขวางถลึงตาทันทีเมื่อหมอหนุ่มรุ่นพี่รู้ทันเขาทุกอย่าง
“เฮ้คุณกว้าง คุณพูดกับคนอายุเยอะกว่าคุณแบบนี้ได้ยังไง เดือนหน้าผมจะสามสิบแล้วนะคุณ”
“เลิกพูดเหอะ ไม่มีงานมีการทำหรือไง เอาเด็กนั่นมา แล้วก็ไปซะ”
หมอภูมิแค่นยิ้มก่อนจะหัวเราะอย่างคนรู้ทัน ท่าทางร้อนรนเหมือนคนถูกจับได้ของกว้างขวางแบบนี้เขาไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง พอได้เห็นมุมนี้เลยนึกขันไม่เบา ดูท่าคนไข้ของเขาจะมีเรื่องให้เขาล้อเสียแล้ว
เรื่องสีชมพูๆ
“งานการน่ะมีนะ แต่พอดีผมแวะมาหาซื้ออะไรกินนิดหน่อยก่อนจะเข้าคลินิกน่ะ ยังไม่ทันจอดรถดี คุณสุขใจดันเปิดประตูรถมาสะกิดรถผมซะบุบเลย งานนี้จะให้ผมเรียกร้องค่าเสียหายจากใครได้ครับ?” หมอหนุ่มยียวน
“ได้ รอผมแป๊บนึง” กว้างขวางพูดด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถเพื่อหยิบเอาโทรศัพท์มือถือต่อสายหาประกัน
ในขณะนั้นเอง หมอภูมิยิ้มกริ่มสบโอกาสคุยกับเด็กหนุ่มร่างโปร่ง หลังคนไข้ แสนซื่อหลงกลเขาเสียสนิท
“ผมชื่อภาคภูมิ เป็นจิตแพทย์ที่รู้จักกับคุณกว้างขวางมานาน จนเหมือนเป็นเพื่อนกันไปแล้ว ส่วนคุณคือ...”
“สุดที่รักครับ เป็น...รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยของเขา”
“อ้อ! อย่างนี้นี่เอง ว่าแต่...ชื่อน่ารักดีนะครับ อยากจะลองเรียกทั้งวันเลย” หมอหนุ่มแซวเล่นอย่างคนอารมณ์ดี “แล้วไปทำอะไรกันมาครับเนี่ย เสื้อผ้าคุณ
ถึงได้...หลุดลุ่ยขนาดนี้”
“......” สุดที่รักหลบสายตาหมอหนุ่ม เม้มริมฝีปากแน่น เห็นท่าทีปิดกั้นอย่างนั้นภาคภูมิจึงรีบยกมือจำยอม
“ผมขอโทษนะครับถ้าคำถามมันละลาบละล้วงเกินไป แต่ผมพอจะเข้าใจนะ เพราะรู้จักกับคุณกว้างขวางมานาน เขาทำหยาบคายกับคุณใช่ไหม?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมเงยหน้าขึ้นสบตา หมอหนุ่มเผยรอยยิ้มอีกครั้ง
ก่อนจะพูดต่อ
“เขาเป็นคนน่าสงสารนะครับ ไม่รู้จักความอบอุ่น ไม่รู้จักความอ่อนโยน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาชีวิตเขาก็เจอแต่เรื่องถูกบีบบังคับจากครอบครัว”
“ผมเคยเห็นเขาทะเลาะกับคุณพ่อของเขาในหลายๆ เรื่อง”
หมอภูมิพยักหน้ารับ เขารับรู้มันดียิ่งกว่าใคร ในหลายปีที่ผ่านมานี้ คนเป็นพ่อลูกไม่เคยคุยกันด้วยอารมณ์ปกติ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงพอจะรู้พื้นฐานชีวิตของคุณกว้างมาบ้างสินะครับ เขาเติบโต เรียนรู้มาแต่กับความกดดันจนไม่รู้จักการประนีประนอม เวลาอยากได้อะไรก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา แม้ว่าทางนั้นจะรุนแรงจนไม่เห็นใจคนอื่น เขาเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้วิธีการได้มาโดยยังคงรักษาน้ำใจของผู้ถูกกระทำ โง่...จนน่าสงสาร”
หมอภูมิพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย นึกถึงเด็กชายวัยมัธยมปลายที่พบกันครั้งแรกเมื่อในอดีต กว้างขวางตอนนั้นโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ถูกคนเป็นพ่อมองตัวเองผิดปกติ ไม่ยอมพูดกับเขา เอาแต่ด่าทอคนเป็นพ่อที่จับตนขังไว้กับจิตแพทย์อย่างเขา ทำลายข้าวของในห้องจนพังย่อยยับ นานข้ามคืนกว่าที่พายุร้ายนี้จะสงบลงได้
“สิ่งที่ผมอยากจะบอกคุณก็คือ คุณอย่าถือโทษโกรธคุณกว้างเลย เพราะตอนนี้เขาเหมือนเป็นคนมืดแปดด้าน ไม่รู้ซ้าย ไม่รู้ขวา คุณต้องสอนเขา เขาถึงจะรู้จักการเข้าหาอย่างละมุนละม่อม”
“ผมไม่ได้ต้องการให้เขาเข้าหา คุณรู้ดีใช่ไหมว่าความต้องการของเขา...” สุดที่รักอึกอักยากจะพูดต่อ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ภาคภูมิติดขัดสิ่งใดเลย อีกทั้งยังเสริมคำพูดต่อให้ด้วย
“รุนแรง เขาเป็นโรคเสพติดเซ็กซ์ ถ้าคุณยังไม่รู้ คุณอาจจะแค่คิดว่าการอยากมีเพศสัมพันธ์ สนองความสุขด้วยเรื่องบนเตียงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนทั่วไป แต่สำหรับคุณกว้างนั้นไม่ใช่นะครับ มันเป็นโรคที่เขาต้องบำบัด เขาจะหน้ามืด หายใจไม่ออก หน้าอกตีบตันหากไม่ได้รับการปลดปล่อย ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้น คงกับใครก็ได้สินะครับ”
“ทางกายสภาพก็คงใช่ครับ ถ้าเขาต้องการ จะกับใครก็อาจได้ แต่ถ้าทางจิตสภาพ...ผมว่าคุณกว้างกำลังเรียนรู้ ดูอย่างตอนนี้สิครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาเขาต้องการ คงขับรถหนีพวกเราไปหาผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” หมอภูมิทอดสายตามองคนที่พูดถึง ซึ่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่รถด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“เขาไม่เคยต้องอดทนอย่างนี้มาก่อน”
“เขาแค่อยากให้ผมช่วย ในเรื่องที่ผม...ไม่เคย” สุดที่รักก็แค่อยู่ในจุดที่กว้างขวางมองเห็นได้ชัด อยู่ในที่ที่ชายหนุ่มคว้าถึง ชายหนุ่มคงเห็นเขาเป็นเพียงแค่เครื่องบำบัดคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง
“ที่ผมพูดมาทั้งหมดไม่ได้อยากให้คุณเอาตัวเข้าไปช่วยให้เขาหมดความใคร่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวนะครับ” หากนี่จะเป็นการช่วยให้คนสองคนได้เข้าใจกัน เพราะดูแล้วมันถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจกับคนไข้ของเขาไม่น้อย ความจริงที่ว่ากว้างขวางไม่เคยอดทนเพื่อใครมากขนาดนี้คือความจริง เขายอมที่จะเปิดเผยความลับของคนไข้ให้คนที่ไม่หวังผลตอบแทนตรงหน้าได้รับรู้ “คุณกว้างขวางมาปรึกษาเรื่องคุณให้ผมฟัง”
“เรื่องของผม?”
“เขาว้าวุ่นใจมากกับความรู้สึกที่มีต่อคุณ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มาปรึกษาผมหรอกครับ”
“......”
“เขารู้สึกกับคุณ ซึ่งผมคิดว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนกับที่รู้สึกกับคนอื่นๆ
ของเขา” มันคือความจริงทั้งหมดที่คนเป็นหมออย่างเขารับรู้ หลายปีมานี้กว้างขวางไม่เคยเอาความสับสนใจในเรื่องของความรู้สึกมาถกเถียงกับเขา
ส่วนลึกในจิตใจเกิดลางสังหรณ์ดีๆ ขึ้น คนๆ นี้มีอะไรที่แตกต่าง ถ้าเขาดูไม่ผิด หากเด็กคนนี้จะมาช่วยให้คนไข้ของเขาหายดีได้ เขาก็ขอเข้าข้างคนของเขาก็แล้วกัน
หมอหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเมื่อเวลาล่วงเลยเข้าเป็นช่วงสาย
ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะไหล่บางพร้อมยิ้มให้อย่างจริงใจ ทิ้งประโยคสุดท้ายให้
อีกฝ่ายได้ฟัง
“ถ้าคุณมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขา ผมขอให้คุณลองเปิดใจดูสักครั้ง เชื่อผมเถอะ ว่าคุณกว้างขวางเองก็กำลังเรียนรู้อะไรบางอย่างจากคุณอยู่”
พูดจบก็เดินกลับไปที่รถ หยุดคุยกับกว้างขวางไม่กี่ประโยคก็ขับรถออกไปทันที ปล่อยให้สองคนที่เหลือได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง สุดที่รักเดินมายืนอยู่เบื้องหลังชายหนุ่มที่ดูเหมือนกำลังพยายามสงบสติอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเอง มือข้างหนึ่งค้ำยันตัวรถพลางหอบหายใจถี่ ร่างโปร่งมองชายหนุ่มนานนับนาทีด้วยนัยน์ตาเศร้าสั่นระริก ริมฝีปากเม้มติดกันแน่น มองอยู่อย่างนั้นด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคเสียงสั่นกับชายหนุ่ม
“ผมจะช่วยคุณ แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ”
กว้างขวางขมวดคิ้วทันที ก่อนหันไปมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อหู เมื่อกี้เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
“งั้นก็ขึ้นรถ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ไม่รู้หมอภูมิคุยอะไรกับเด็กนี่ ถึงได้คิดจะช่วยกันง่ายๆ แบบนี้ แต่มันก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องทนทรมานกับความต้องการที่รุมเร้านี้อีกต่อไป
“แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้นะครับ” เด็กหนุ่มยื้อกายชักเท้าถอยหลังเมื่อ
รุ่นพี่หนุ่มก้าวเข้ามาหาเพื่อจะพาขึ้นรถ
“แล้วมันตอนไหน?”
“ตอนที่ผมพร้อม คุณก็รู้ว่าเรื่องแบบนั้นสำหรับผมต้องมาพร้อมกับความรู้สึก”
ครั้งแรกของเขา มันต้องมีอะไรหลายๆ อย่างมาประกอบ ความพร้อมทางร่างกาย ความพร้อมทางจิตใจ...
“อยากให้ฉันทำดีด้วยใช่ไหม?” กว้างขวางพยักหน้า พลางสร้างความเข้าใจในตัวคนตรงหน้าเสียใหม่ ที่ผ่านมาเขาก็ดีกับผู้หญิงทุกคน จะให้มาดีกับผู้ชายด้วยกันเองอีก สักคนก็อาจทำได้ “ตกลง ฉันจะทำดีกับนาย จะปฏิบัติต่อนายเหมือนกับแฟนคนก่อนๆ ของฉัน”
“ฟ...แฟน?” หัวใจกระตุกไหว เมื่อได้ยินสถานะที่รุ่นพี่หนุ่มยกขึ้นมาเทียบ แต่ก็นั่นล่ะ...มันก็เป็นเพียงแค่สถานะหลอกๆ ที่ชายหนุ่มเอาไว้ตะล่อมเขาเท่านั้น คิดได้อย่างนั้นจึงไม่ได้ตื่นเต้นไปกับมันเท่าไหร่นัก สุดที่รักส่ายหน้าเป็นพัลวันแก้ไขความเข้าใจผิด “คนเพิ่งรู้จักกันก็ต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นสิครับ ถึงจะถูก”
“ฉันไม่เข้าใจ”
“ผมยังไม่รู้จักคุณดีพอ ส่วนคุณเองก็ไม่ได้รู้จักผมเลยด้วยซ้ำ เราควรมาทำความรู้จักกันใหม่ตั้งแต่แรกดีกว่านะครับ”
“นายก็รู้อยู่แล้วว่าฉันคือกว้างขวาง อยู่ปีสี่บริหาร จะให้เชคแฮนด์ด้วยไหม?” คนหล่องุนงง เจ้าเด็กหน้ามึนต้องการอะไรกันแน่
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมแค่อยากรู้จักคุณให้มากขึ้น อยากรู้ว่าตัวตนจริงๆ ของคุณเป็นยังไง ถ้าคุณอยากให้ผมช่วย ก็ควรเข้าหาผมในแบบที่เป็นคุณ”
“นี่อยากจะให้ฉันเริ่มจีบนายตั้งแต่ต้นว่างั้น?”
จีบ...คำนี้ฟังดูเข้าท่า
คนอย่างกว้างขวางจะทำได้ไหมนะ
ชายหนุ่มยีหัวตัวเองด้วยสีหน้าไปไม่เป็น เสตามองไปทางอื่นอย่างคนใช้ความคิด สุดท้ายจำยอมทุกคำร้องขอ ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่าเกิดมาเคยจีบใครจริงจังบ้างหรือเปล่า แต่เพื่อสิ่งที่ต้องการ...เขาจะลองพยายามดูสักครั้ง
“ได้ จีบก็จีบ”
ดูท่างานนี้คำว่าอดทนควรเป็นคำที่ชายหนุ่มต้องท่องให้ขึ้นใจไว้เสียแล้ว
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ปฏิบัติการจีบของรุ่นพี่ปีสี่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น กว้างขวางงัดกลเม็ดเด็ดๆ ที่เคยทำกับผู้หญิงมาใช้กับสุดที่รัก ทั้งขับรถไปรับไปส่งสุดที่รักเรียนทุกวันไม่มีขาด แม้แต่ทำงานพิเศษเขาก็ยังตามไปเฝ้า พอเลิกงานก็พาไปกินข้าวด้วย ทำดีด้วย พูดดีด้วย หลงลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าเคยว่าร้ายรังเกียจสุดที่รักขนาดไหน
การกระทำของรุ่นพี่หนุ่มสร้างความประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนหัวใจของคนแอบรักอยู่แล้วกลับยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นหลายร้อยเท่า ตอนนี้สุดที่รักเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมผู้หญิงทุกคนถึงชื่นชอบรุ่นพี่คนนี้กันนัก
กว้างขวางเป็นผู้ชายเอาใจเก่ง อบอุ่น แล้วก็ขี้อ้อนมากๆ ด้วย
แต่ความจริงของการทำดีในครั้งนี้ สุดที่รักไม่ได้ลืม ว่าอีกไม่นาน...เมื่อกว้างขวางได้ในสิ่งที่ต้องการจากเขาไปแล้ว เขาเองก็คงไม่ต่างอะไรกับคู่นอนคนก่อนๆ ที่ชายหนุ่มได้แล้วก็เขี่ยทิ้ง
ถึงเวลานั้น...คงปล่อยให้เวลาเยียวยารักษาแผลใจให้จางหายไปเอง
“เฮ้ยแก...นั่นพี่กว้างขวางใช่เปล่าอ่ะ?” นักศึกษาสาวปีสองกระทุ้งศอกใส่เพื่อนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ตรงโต๊ะใต้ตึกคณะครุฯ เมื่อเห็นรถยนต์คันโตหยุดจอดลงยังหน้าคณะ
“เออใช่ๆ เห็นรอยยิ้มหล่อๆ กับร่างสูงๆ ทีไร ใจสั่นลามไปถึงมดลูก สั่นราวกับแผ่นดินไหวระดับแปดจุดเก้า”
“ช่วงนี้เห็นพี่เขามาที่คณะเราบ่อยมาก มาเช้า มาเย็น สงสัยจะติดใจสาวครุแหงๆ”
“นังน้องมายด์ตกกระป๋องไปเลยค่า”
“อยากรู้จัง ว่าสาวคนใหม่ของพี่กว้างเป็นใคร โคตรโชคดีอ่ะ”
“อืม นั่นดิ นี่ก็ไม่เคยเห็นนะ แต่เพื่อนเราก็ไม่มีใครกระโตกกระตากอวดพี่เขากันสักคน เป็นใครกันแน่วะ?” สุดแสนจะข้องใจ ผู้หญิงในคณะไม่เห็นจะมีใครป่าวประกาศว่าเป็นหวานใจคนใหม่ของรุ่นพี่หนุ่มสุดหล่อสักคน คุยเสร็จก็ได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“อ้าว สุดที่รัก! จะกลับแล้วเหรอ ไม่อยู่ติวกันก่อนล่ะ” หญิงสาวคนหนึ่งเหลือบไปเห็นร่างโปร่งของเพื่อนชายในคณะพอดี จึงโบกมือร้องเรียก คนถูกทักชะงักฝีเท้าก่อนจะเดินเข้าไปหา
“พอดีนัดเพื่อนที่สนามบอลน่ะ” วันนี้นัดกับพวกแก๊งป่วนไว้ว่าจะไปออกกำลังกายกัน ไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้ว
“เพื่อนสถาปัตย์อะนะ โอเคๆ เดี๋ยวจะเลคเชอร์เผื่อไว้ให้แล้วกัน”
“ขอบคุณนะ”
“เออนี่ๆ หลังสอบมิดเทอมเสร็จ เห็นอาจารย์แก้วบอกว่าจะมีไปออก
ค่ายอาสาที่โคราชอ่ะ มีโรงเรียนแถววังน้ำเขียวที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา แล้วโรงเรียนก็ทรุดโทรมด้วย แกเลยจะชวนชาวครุไปซ่อมแซม บริจาคของ ใครสนใจไปลงชื่อที่แกได้นะ แกฝากประชาสัมพันธ์มา”
“เฮ้ยจริงดิ น่าสนใจอะ ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้วด้วย แถวนั้นก็คงหนาว
ไม่เบา เอาพวกผ้าห่มอะไรไปแจกด้วยก็ท่าจะดี”
“ดีๆ ไปด้วยกันดิที่รัก” กิจกรรมออกต่างจังหวัดอย่างนี้ชาวครุไม่เคยมีใครพลาด ด้วยพื้นฐานของการเป็นครู มักถูกปลูกฝังให้มีใจรักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเด็กขาดโอกาสอยู่เสมอ
“อื้ม! ไปกันเยอะๆ คงสนุกดีนะ” สุดที่รักพยักหน้า หลังสอบเสร็จก็คงว่างเป็นสัปดาห์ เป็นการถือโอกาสไปเที่ยวกับเพื่อนในคณะด้วย
“ช่วงหลังมิดเทอมใช่ป่ะ? เฮ้ย! ตรงกับงานคอนเสิร์ตวัวใหญ่พอดีเลย กิ๊วๆ” เพื่อนสาวอีกคนไล่ดูตารางเวลาในสมุดบันทึก ก่อนจะพบว่าช่วงที่จะไปค่ายนั้นตรงกับช่วงงานคอนเสิร์ตกลางแจ้งของค่ายเพลงดังที่ยกพลไปจัดกันอย่างยิ่งใหญ่ที่เขาใหญ่เป็นประจำ ทุกปี
“ถ้าอย่างงั้นกูไม่พลาด” เพื่อนชายคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาทางด้านหลัง พร้อมเดินเข้ามาแทรกตัวเข้าร่วมวงสนทนาทันทีที่ได้ยิน
“โหไอ้ต๊อด กูไม่เคยเห็นมึงพลาดงานไหนเลยสักครั้ง แล้วรู้เหรอว่าพวกกูจะไปเขาใหญ่กันทำไม?”
“ไม่รู้ว่ะ ทันได้ยินว่าจะไปคอนเสิร์ต กูอยากไปตั้งเต็นท์จิบเบียร์ชิวๆ ฟังพาราด็อกซ์เล่นเพลงฤดูร้อน” คนที่ได้ชื่อว่าเป็นประธานชั้นปีพูด พลางกอดคอสุดที่รัก “มึงไปป่ะ?”
“ไปๆ อยากไปช่วยซ่อมโรงเรียนอะ เด็กๆ จะได้มีที่เรียนดีๆ”
“โอ่ยยย พ่อพระมาโปรด งั้นมึงนอนกับกู เดี๋ยวพี่ต๊อดพาแหวกม่านสาวเอง งานคอนเสิร์ตนี้แม่งใหญ่มากนะเว้ย สาวงี้เพียบ!”
“โอ๊ยไอ้ต๊อด มึงคุยคนละเรื่องกับสุดที่รักเลย” เพื่อนที่เหลือโวยวาย
ปาเศษกระดาษใส่บ้าง ทุบหลังประธานกากๆ บ้าง “ตกลงไปกันนะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปเอาใบลงชื่อมาให้เซ็นแล้วกัน”
“งั้นเดี๋ยวเราไปแล้วนะ”