"แล้วชื่อหยาดมณี ละจ๊ะพ่อครู " ฟ้ามณียังคงถามต่อ
"พวกเอ็งตั้งใจฟังนะข้าจะเล่าให้ฟัง ในสมัยครั้งก่อนนู้น แม่หนูฟ้ามณี เกิดในตระกูลพยานาคสีรุ้ง ครองรักกับเจ้าชายรูปงามในเมืองบาดาล
ท่านชื่อ ว่า องค์นครานาคราช เป็นเจ้าชายผู้มีศักดิ์และสิทธิโดยชอบธรรมที่จะได้ขึ้นครองบาดาลในกาลต่อไป แล้วมาพบรักกับเจ้าในภพนู้น แม่หนู
ในกาลครั้งก่อน เจ้าได้ชื่อว่า หยาดมณี ได้พบรักกันจากการเจอกันโดยบังเอิญที่ธารน้ำตก องค์นคราให้เจ้าเรียกท่านว่า องค์ชายเล็ก
กาลเวลาผ่านเลย พวกเจ้าทั้งสองครองรักกันอย่างปกติสุขเป็นอย่างดี แต่ว่าเป็นธรรมดาธรรมเนียมปฏิบัติ แห่งนาคพิภพ ที่จะมีผู้ส่งเครื่องบรรณาการต่างๆมามอบให้
รวมไปถึงบุตรสาวของเมืองที่ส่งมอบด้วย พระนางหยาดมณีนาคราช คือหญิงที่รักมั่นและยึดมั่นในรักเดียว หากว่ามากรัก นางไม่ขอใช้รักนั้นร่วมกับผู้ใด
แต่ว่านางก็ไม่ได้โวยวาย ในสิ่งใด อยู่ในพื้นที่ของนาง พระนางบำเพ็ญเพียรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสะสมสมบัติแห่งญาณบารมี รอวันที่จะหลุดพ้นจาดเรื่องราวพวกนี้
องค์นครานาคราช ไม่ระแคะระคายแม้แต่น้อย ว่ากำลังจะเสียพระนางอันเป็นที่รักดั่งดวงใจไป ภารกิจที่เข้ามามากมาย ไหนจะต้องออกรบระหว่างเผ่าพงษ์พันธุ์ระห่างนาคกับครุฑ ทุกครั้งที่ทำการรบชนะ ได้รางวัลกับมา ก็มีบุตรธิดาของผู้ถวายเครื่องบรรณาการติดมาเป็นของกำนันเสมอ พระนางหยาดมณี เจ็บช้ำวันแล้ววันเล่า ร้องไห้เพียงผู้เดียววันแล้ววันเล่า พระนางจึงตั้งจิตอธิฐาน สละสังขาร คายดวงแก้วประจำกายให้ องค์นคราดูต่างความคิดถึงแล้วมาเกิดยังโลกมนุษย์เพราะไม่ต้องการมีมากรัก พระนางยึดมั่นในรักเดียว "
พอพ่อครู เล่ามาถึงตรงนี้ ฟ้ามณีน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง จนเนยกรอบและน้ำมนต์ตกใจ
"ดวงมณี เธอเป็นอะไร" น้ำมนต์ถามเพื่อนอย่างเป็นห่วง
"ยัยฟ้า แก้โอเคมั้ย แกเป็นอะไร" เนยกรอบถามย้ำ
"เรารู้สึกเจ็บ เจ็บไปในก้นบึงของหัวใจ เรารู้สึกเกลียด เกลียดผู้ชายที่มากรัก และเจ้าชู้ เรารู้สึกทุกคำที่พ่อครูพูด เรารู้สึกชัดมากๆ ถ้ามีรักเดียวไม่ได้เราไม่ขอมีรักเสียเลย"
ฟ้ามณีพรั่งพรูความรู้สึกของเธอออกมา
"แล้วมันเป็นยังไงต่อจะพ่อ"น้ำมนต์ หันมาถามพ่อครู
"กว่าองค์นครานาคราช จะเข้ามาพบดวงแก้ว ก็สายเสียแล้ว พระนางหยาดมณี ได้มาจุติในครรภ์มนุษย์เสียแล้ว เมื่อองค์นครานาราช จับดวงแก้วประจำกายสีแดง ที่พระนางหยาดมณีคายไว้ให้ดูแทนความคิดถึง พระองค์สัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกาและทุกข์ตรมในดวงใจ ของนางอันเป็นที่รัก พระองค์หลงลืมความรู้สึกของพระนางหยาดมณี เพราะไปกังวลเรื่องการรบ เรื่องต่อสู่เพื่อป้กป้องเผ่าพงษ์พันธุ์ เมื่อกลับมาหาหญิงอันเป็นที่รัก ก็สายเสียแล้ว พระนางหยาดมณี ตั้งจิตผ่านดวงแก้วประจำกาย เพื่อส่งสาส์นฝากถึงพี่
ใจความว่า " เชิญพี่ท่าน ทำหน้าที่ให้เต็มเกียรติภูมิ แลรับรางวัลให้สมสุขในอุรา ส่วนน้องนี้ขอลา ไม่ขอรอ ไม่ว่าจะพบใดชาติใด ให้น้องรอสิ่งใด ย่อมรอได้ แต่มิขอรอรับเศษความรัก ของท่านอีก คำสัญญาของท่านพี่ ที่จะปกป้องน้อง ท่านจงทำสืบต่อไป แต่ให้น้องรอพี่นี้ไซร้ น้องไม่ขอรอพี่อีก" เมื่อ องค์นครานาคราช รับสาส์นนี้จากดวงแก้ว ท่านก็โศกเศร้ายิ่งนัก "
"หึ จะมาหาทำมัยในเมื่อก็มากรักอยู่ดี" ฟ้ามณี พูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
"นังหนู ความรู้สึกเอง ยังชัดมากๆอย่างนี้ไงเล่า องค์นครานาคราช ถีงตามง้อ ตามอธิบาย" พ่อครูพูดกับฟ้ามณี
"มันจะเป็นยังไงต่อค่ะ พ่อครู" คราวนี้เนยกรอบถามขึ้นมาอย่างอยากรู้
"องค์นครานาคราช ส่งบริวารตามหา จากแแหล่งลุ่มน้ำที่อาศัยอยู่ถ้าในตอนนี้ คงจะเป็นแถบจังหวัดอุบลราชธานี พระนางหยาดมณี ช้ำในรัก มาจุติไกลถึงเมืองโคราช
เมื่อพบครรภ์มารดา ที่พระนางหยาดมณี เลือกมาจุติแล้ว องค์นครานาคราช จึงเฝ้าอภิบาล ดูแลและทะนุถนอม พระนางหยาดมณีในการจุติใหม่ในครั้งนี้ เป็นอย่างดี หากคราใดท่านมีภารกิจ ก็จะมีบริวาร ของท่านเฝ้าดูแลเสมอ ไม่เคยปล่อยให้พระนางหยาดมณี ต้องเผชิญในโลกมนุษย์ อย่างเดียวดาย"
"แล้วทำมัยเพิ่งจะมาฝันถึงตอนอายุ 18 ละจ๊ะ พ่อครู หากบอกว่าอยู่ดูแลมาตลอด" ฟ้ามณีถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
"แม่หนู เรื่องบางเรื่อง ของบางอย่าง ต้องรอเวลาที่จะได้รับรู้ เหมือนวันนี้ทีเอ็งมาเรือนข้านี่แหละ ถึงเวลาแล้วจึงจะได้รู้" พ่อครูตอบแล้วหัวเราะร่า
"มันมีทางแก้ หรือท่านนคราต้องการอะไรหรือจ๊ะพ่อครู" น้ำมนต์ถามบิดาแทนเพื่อนสนิท
"เจ้าตัวเค้าต้องแก้กันเอง ใครจะไปแก้กรรมแทนกันได้ เป็นไม่มี"พ่อครูตอบมาเพียงสั้นๆ
"มันจะไปแก้ยังไงละจ๊ะพ่อครู คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง เจอกันก็ไม่เคยเจอ" เนยกรอบถามอย่างสงสัย
"มันมีวิธี คนเค้าเคยครองคู่กันดวงจิตเค้า เคยพูกพันธ์กัน มันสื่อสารกันได้" พ่อครูตอบคำถามของเนยกรอบเสียงเรียบ
"สื่อได้วิธีไหรเหรอจ๊ะ จะได้คุยกันให้รู้เรื่องสักที" ฟ้ามณี ถามพ่อครูอย่างอยากที่จะจบในปัญหาเสียที
"องค์นครานาคราช ท่านให้คำมั่นว่าจะไม่มาสื่อสารแบบนี้อีก เพราะแม่หนูรับรู้แล้ว ท่านบอกว่า ท่านจะรอจนกว่าแม่หนูได้ดวงแก้วมา เมื่อถึงวันนั้น จะได้คุยและสื่อสารกันตามที่ใจต้องการเสียที" พ่อครูบอกฟ้ามณี
"แล้วเราจะรู้ได้ไงจ๊ะพ่อครู ว่าดวงแก้วดวงไหน ลักษณะแบบไหนถึงจะใช่ดวงแก้วที่ว่า" น้ำมนต์ถามพ่ออย่างสงสัย
"เจ้าของดวงแก้ว เขาจะรู้ได้เองว่าใช้ดวงแก้วของเขา" พ่อครูตอบข้อสงสัยของน้ำมนต์
"แล้วถ้านู๋ไม่อยากรู้ ไม่ตามหา ไม่อยากสื่อสารแล้วละจ๊ะพ่อครู เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ไม่ต่างคนต่างอยู่กันไป" ฟ้ามณีถามอย่างสงสัยในเรื่องราวบ้าๆที่เจออยู่ตอนนี้
"ไม่ได้หรองนางหนู เองลองคิดดู เองจากมาไม่ลา เอ็งโกรธ แต่เขาไม่ได้แม้แต่อธิบาย เอ็งใจเด็ด ตัดใจทั้งที่ยังเจ็บ แต่อีกคน เขารักและยังรักมิเปลี่ยนอยู่ จะจบจะจากกัน ไปคุยกันให้เข้าใจ ในเหตุผลของกันและกัน ไม่ใช้หนี้ไปเรื่อยๆแบบนี้ เขาก็ะตามไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น เอ็งลองคิดดูในหัวอกของเขาบ้าง นั่งหนูเอ่ย"
พ่อครู อธิบายฟ้ามณีถึงเหตุผล
"ถ้าอย่างนั้น แกต้องหาดวงแก้วให้เจอเร็วๆยัยฟ้า จะได้จบปัญหานี้สักที" เนยกรอบบอกเพื่อน
"แต่ท่านนคราก็รับปากผ่านพ่อครูแล้ว ว่าจะไม่มาในฝันแบบนั้นอีก รอจนกว่าจะเจอดวงแก้ว และถ้าหากหาไม่เจอก็คงไม่ต้องคุยกัน"ฟ้ามณี พูดอย่างมีแผน
"5555 มารอดูกันแม่หนู ว่าความเจ้าเล่ห์ของเอ็ง กับสิ่งที่ องค์นครานาคราช ดลบันดาล อันไหนมันจะแน่กว่ากัน" พ่อครูพูดแล้งหัวเราะอย่างกังวาล
"ทำมัย ไม่ต่างคนต่างอยู่ วุ่นวาย" ฟ้ามณีบ่นออกมาดังๆ
"555 แม่หนู เดี๋ยวพอสื่อสารเองได้เอ็งก็ไปบ่นเอาเต็มทีเลย" พ่อครูตอบอย่างอารมณ์ดี
"แล้วไม่มีอันตราย อะไรใช่มั้ยจ๊ะพ่อ" น้ำมนต์ถามบิดาอย่างเป็นห่วงเพื่อน
"555555 พูดง่ายๆ ผัวเมียเขาทะเลาะกันหาเวลาง้อ เอ็งไม่ต้องไปห่วงหรอกน้ำมนต์" พ่อครูตอบอย่างติดตลก
"ไม่อันตราย พวกหนูค่อยเบาใจค่ะพ่อครู" เนยกรอบบอกกับพ่อครู
"เออ นั้งหนูมีคำถามอะไรอีกมั้ย " พ่อครูถามฟ้ามณี
"ไม่มีแล้วจะ พ่อครู ไขทุกข้อข้องใจ" ฟ้ามณีบอกพ่อครูตามที่รู้สึก
"งั้นอยู่กินข้าวกันนะลูก พ่อครูให้แม่ทำกับข้าวไว้เผื่อ แล้วตอนเย็นเดี๋ยวให้เจ้านำมนต์ขับรถไปส่งเพื่อนๆ" พ่อครูเอ่ยชวนเพื่อนของบุตรชาย
"ได้จ๊ะพ่อครู"ฟ้ามณี ตอบตกลง
"ตกลงค่ะ พ่อครู" เนยกรอบตกลง
น้ำมนต์พาเพื่อนทั้งสองลงมาข้างล่างหลังจากที่ไขข้อข้องใจจนเสร็จ
เนยกรอบปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ น้ำมนต์เข้าไปช่วยแม่ในครัว
ส่วนฟ้ามณีมานั่งดูปลาคราฟที่บ่อ มีแต่ตัวสวยๆทั้งนั้น ในขนาดที่เธอนั่งอยู่มีลมโชยมาเบาๆ สัมผัสที่ตัวเธอ ฟ้ามณีหันมองทิศทางลม แล้วเงยหน้ามองบนฟ้า เพราะจะดูว่าฟ้าครึ้มมั้ย แต่อยู่ดีๆ ก็มีวัตถุตกลงมาจากฟ้า เหมื่อนดั่งฝน บนท้องฟ้าโลงไม่มีต้นไม้ ไม่มีตึกอาคารใดๆ วัตถุนั้นตกลงมาที่ตักของฟ้ามณี
เธอมองด้วยความอึ้ง มันคือแก้วมณีสีแดง ขนาดเท่าเหรียญ 10 เธอหยิบขึ้นมาดู แล้วคำพูดพ่อครูก็ลอยเข้ามา
"ท่านจะรอจนกว่าแม่หนูได้ดวงแก้วมา เมื่อถึงวันนั้น จะได้คุยและสื่อสารกันตามที่ใจต้องการเสียที"
ฟ้ามณี ถึงกับโยนดวงแก้วมณีสีแดงนั้นเข้าไปในพุ่มไม้รกๆที่บ้านของน้ำมนต์ เธอไม่อยากสื่อสารใดๆ ฟ้ามณีรีบเดินไปนั่งที่โต๊ะ กับเนยกรอบ
"อ่าวยัยฟ้า ไม่ดูปลาคราฟแล้วเหรอ"เนยกรอบถามเพื่อน
"ไม่แล้ว ดูพอแล้ว" ฟ้ามณีตอบเพื่อน
น้ำมนต์ยกอาหารมาวางเรียงราย ฟ้ามณีกับเนยกรอบเดินไปช่วยเพื่อนยกกับข้าว
เมื่อกับข้าววางเสร็จ น้ำมนต์ดินขึ้นไปเรียกพ่อครูมากินข้าว
พ่อครูเดินลงมามองมาที่ฟ้ามณียิ้มแล้วมองไปที่พุ่มไม้ที่เธอโยนดวงแก้วมณีสีแดงทิ้ง
ฟ้ามณีคิดในใจ ว่าเธอคงคิดมากเอง พ่อครูไม่รู้ ไม่มีใครรู้หรอก
ทั้งหมดทานอาหารกันอย่างอร่อย พ่อครูดูเป็นกันเอง เป็นพ่อที่อบอุ่นคนนึง
ไม่ได้ดูดุ เหมือนตอนนั่งบนพิธี
"กับข้าวอร่อยทุกอย่างเลยจ๊ะแม่" ฟ้ามณีชมฝีมือมารดารของเพื่อน
"ใช่ค่ะ อร่อยมากๆเลย" เนยกรอบพูดเสริม
"แวะมากินบ่อยๆนะลูก" แม่น้ำมนต์เอ่ยชวนเพื่อนบุตรชาย
"ได้เลยค่ะ" ฟ้ามณี กับเนยกรอบ พูดขึ้นมาพร้อมกันแล้วห้วเราะ
เมื่อทานอาหารกันเสร็จ พ่อครูก็เดินเอาสายสิญจน์ มาผูกข้อมือให้เนยกรอบ และฟ้ามณี เพื่อความเป็นสิริมงคล
เนยกรอบและฟ้ามณีขึ้นรถ น้ำมนต์เคลื่อนรถออกไปส่งเพื่อนรัก
น้ำมนต์ส่งเนยกรอบก่อน เพราะถึงที่พักของเธอก่อน แล้วขับรถมาส่งฟ้ามณี
"ขอบคุณมากน้ำมนต์ ขับรถกลับดีๆนะ"ฟ้ามณีบอกเพื่อน
"ได้เลยดวงมณี พรุ้งนี้เจอกันนะ"น้ำมนต์บอกเพื่อนแล้วเคลื่อนรถเพื่อกลับบ้าน
ฟ้ามณีเดินขึ้นหอพัก เธอมาถึงห้องก็เข้าไปอาบน้ำ ให้สบายกาย แล้วแต่งตัวมานั่งจัดกระเป๋าดูวิชาที่จะเรียนในวันพรุ้งนี้
แต่แล้วเธอถึงกับเบิกตากว้าง ดวงแก้วมณีสีแดงที่เธอโยนทิ้งในพุ่มไม้บ้านน้ำมนต์ มาอยู่ในกระเป๋าของเธอได้อย่างไรกัน