ตอนที่ 8 สัมภาษณ์งาน

1753 คำ
“ขอโทษนะคะ” หลังออกจากฝ่ายบุคคล ระรินตัดสินใจเดินมาถามที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ “สัมภาษณ์เสร็จแล้วเหรอคะ” พนักงานสาวคนเดิมถามด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าตำแหน่งงานสำคัญนี้จะใช้เวลาสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว “ยังไม่ได้สัมภาษณ์ค่ะ ไม่ทราบว่าห้องประชุมณชเลไปทางไหนเหรอคะ” “อ้าวคุณรุจารีไม่ได้พาคุณไปเหรอคะ” “ไม่ค่ะ” “อ๋อค่ะ ถ้าเช่นนั้น ดิฉันพาคุณไปเองค่ะ” พนักงานสาวยังคงความเป็นมิตรต่อระริน เดินนำไปยังลิฟต์และนำไปยังห้องประชุมที่อยู่ชั้นสิบห้าของตึกนี้ จากจำนวนทั้งหมดสามสิบสามชั้น หากให้เดินหาเองวันนี้ทั้งวัน เธอก็คงหาไม่เจอ “เดี๋ยวดิฉันจะให้แม่บ้านนำเครื่องดื่มมาให้นะคะ คุณระรินรักอยากได้เป็นชา กาแฟ หรือพวกน้ำหวาน น้ำผลไม้ดีคะ” พนักงานสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยถามเมื่อมาถึงห้องประชุมณชเล จากป้ายชื่อด้านหน้าไม่ผิดแน่ “ขอน้ำเปล่าก็พอค่ะ” “ได้ค่ะ เชิญนั่งรอก่อนนะคะ ปกติวันนี้ท่านประธานจะเข้าสำนักงานสิบโมงค่ะ” พูดจบ พนักงานสาวก็เดินออกไป “เข้าสำนักงานสิบโมง แล้วจะนัดเรามาทำไมตั้งแต่เก้าโมงเนี่ย อาจจะให้มารายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลก็ได้” ระรินพูดกับตัวเอง เธออุตส่าห์มาก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วโมง แต่ก็คิดไปอีกแง่ด้านการรายงานตัว ก่อนจะเดินเข้าไปหาที่นั่ง ไม่นานแม่บ้านก็นำน้ำดื่มเข้ามาให้ เมื่อเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ท่านประธาน Thales Group จะมาถึง ระรินจึงส่งข้อความหาคนเป็นแม่ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เมื่อได้รับการตอบกลับมาว่าคลื่นอยู่ในห้องตรวจและกำลังให้แฟกเตอร์ ก็คลายความกังวลไปได้เปลาะหนึ่ง ระรินนั่งรอจนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่เห็นมีใครสักคนที่มารอสัมภาษณ์งานเหมือนอย่างเธอ จนกระทั่งถึงเวลาสิบโมง ภายในห้องประชุมก็ยังมีแค่เธอเพียงคนเดียว “ชักอยากเข้าห้องน้ำแล้วสิ ไม่น่าดื่มน้ำเยอะเลย” ระหว่างรอการสัมภาษณ์ความตื่นเต้นทำให้ระรินรู้สึกคอแห้ง จึงดื่มน้ำไปจนหมดแก้ว คราวนี้ก็เกิดปัญหา และไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ส่วนใด ระรินค่อย ๆ เลื่อนเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไป เผื่อว่าจะมีใครเดินผ่านไปผ่านมาและตอบคำถามเธอได้บ้าง แต่ทั้งชั้นดูเงียบสงบ ราวกับชั้นนี้มีเธอเพียงคนเดียว เมื่อไม่มีใคร เธอจึงตัดสินใจเดินหาห้องน้ำด้วยตัวเอง โชคดีที่มีป้ายบอกทางและอยู่ไม่ไกลจากห้องประชุมมากนัก หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ขณะเดินกลับห้องประชุม เป็นจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดกว้าง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก้าวเท้าออกมาก่อน ตามด้วยชายวัยประมาณห้าสิบปลาย ๆ แต่ด้วยความรีบร้อน ทำให้ระรินไม่ทันเห็น ต่างจากผู้ที่ออกมาจากลิฟต์ เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งสิบโมงครึ่ง ระรินก็ยังคงนั่งรออยู่ในห้องประชุมเพียงลำพัง และเป็นช่วงเวลาของการรอคอยที่สิ้นสุดลง เมื่อประตูห้องประชุมเปิดกว้าง “สวัสดีค่ะ” ระรินลุกขึ้นยืน รอจนชายลักษณะภูมิฐานเดินเข้ามายังตำแหน่งหัวโต๊ะ แล้วจึงทักทายด้วยความนอบน้อม “สวัสดีครับ เชิญนั่งตามสบายได้เลยนะ” ชายวัยห้าสิบปลาย ๆ เอ่ยอย่างใจดี “ขอบคุณค่ะ คุณเธลิส” “ผมไม่ใช่คุณเธลิส” “อ้าว เหรอคะ ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะ” “พอดีคุณเธลิสติดงานจึงให้ผมมาแทน ผมดิเรก เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของที่นี่” “ค่ะ สวัสดีค่ะ ดิฉันระรินรัก บวรกานต์ ค่ะ” ระรินทักทายอย่างเป็นทางการ “สวัสดีครับคุณระรินรัก พร้อมแล้วใช่ไหม” “ดิฉันพร้อมสัมภาษณ์แล้วค่ะ” “คุณระรินรักพร้อมเข้ามาทำงานที่ Thales Group แล้วใช่ไหมครับ” “คะ ?” ระรินไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นคือความจริง “ฟังผมชัด ๆ นะครับ คุณระรินรักพร้อมเข้ามาทำงานที่ Thales Group แล้วใช่ไหมครับ” ดิเรกยิ้มเอ็นดูหญิงสาวรุ่นราวคราวลูก “พร้อมค่ะ แต่คุณดิเรกยังไม่ได้สัมภาษณ์ดิฉันเลยนะคะ” ระรินทั้งดีใจและแปลกใจ ที่บริษัทใหญ่โตระดับนี้จะรับเธอเข้าทำงานอย่างง่ายดาย “คุณเธลิสได้เลือกแล้ว” “ค่ะ ดิฉันพร้อมเริ่มงาน” ระรินเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนึกถึงเงินเดือนและสวัสดิการที่ได้รับก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนั้นไว้ ตอบรับโอกาสนี้ด้วยความมาดมั่น “นี่เป็นสัญญาจ้างงาน คุณระรินรักอ่านรายละเอียดดูก่อนนะครับ ไม่เข้าใจตรงไหนสอบถามผมได้เลย” แม้จะดีใจที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานที่ Thales Group แต่ระรินก็ไม่เลินเล่อ อ่านรายละเอียดในสัญญาการจ้างงานทุกตัวอักษร เมื่อพอใจในข้อเสนอและตกลงที่จะร่วมงานกับ Thales Group เธอก็ลงนามในสัญญาจ้างงาน “ยินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการครับ” ดิเรกยืนขึ้นเต็มความสูง ยื่นมือขวาไปให้ระริน “ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสและเห็นศักยภาพในตัวดิฉัน ดิฉันจะทำงานนี้อย่างเต็มความสามารถและดีที่สุดค่ะ” ระรินลุกขึ้นยืน ยื่นมือขวาไปจับมืออีกฝ่ายอย่างนอบน้อม “คุณระรินรักเก็บคำขอบคุณนี้ไว้พูดกับคุณเธลิสดีกว่าครับ เพราะคุณเธลิสคือคนที่ให้โอกาสและเห็นศักยภาพในตัวคุณ” “ถึงอย่างไรดิฉันก็ต้องขอบคุณคุณดิเรกด้วยค่ะ ที่สละเวลามาพบดิฉัน” “เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัว วันจันทร์ที่จะถึงนี้คุณระรินรักไปพบคุณเธลิสที่ห้องทำงานของท่านประธานบนชั้นสามสิบสามนะครับ แจ้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้เลย ผมขอตัวไปทำธุระก่อน” จากที่ดิเรกพูด อีกสามวัน ระรินก็ต้องเข้ามาทำงานที่นี่ในตำแหน่งเลขานุการของประธาน Thales Group “ค่ะ สวัสดีค่ะ” “ลงไปพร้อมกันเลยไหมครับ” ใบหน้าที่มีริ้วรอยตามวัยของดิเรกยังคงรอยยิ้ม และแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา “ค่ะ” ระรินเดินตามดิเรกออกจากห้องประชุม จนกระทั่งแยกย้ายกันที่หน้าสำนักงาน ชายสูงวัยมีรถยนต์หรูมารอรับ ส่วนเธอเดินไปยังรถเก๋งที่มีอายุการใช้งานมากกว่าสิบปี ซึ่งก็คือรถของแม่เธอในสมัยที่ยังเป็นครู ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ เธอรู้สึกถึงการจ้องมองจึงหันกลับไปมองยังสำนักงานที่เธอเพิ่งออกมา แต่ก็ไม่พบใครที่คิดว่ามองเธออยู่ หลังออกจากสำนักงานใหญ่ของ Thales Group ระรินแวะห้างสรรพสินค้า เพื่อซื้อของโปรดลูกชายกับแม่ เวลาสี่ปี ทุกอย่างรอบตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับความทรงจำในอดีตที่ยังตราตรึงใจ “คิดไปเองอีกแล้วระริน” ระรินพึมพำกับตัวเอง เพราะรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองตลอดเวลา ด้วยอยากกลับไปหาลูกกับแม่ เธอจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจ “คุงยาย คุงยายฮับ คุงแม่มาแย้ว” คลื่นนั่งเล่นของเล่นอยู่หน้าบ้าน พอเห็นแม่ลงจากรถมาเปิดประตูบ้าน ก็ส่งเสียงบอกคนเป็นยายด้วยความดีใจ ระรินส่งยิ้มให้ลูกชาย ก่อนจะกลับเข้าไปในรถ “คลื่นไม่วิ่งออกไปนะลูก” พรส่งเสียงจากในบ้านบอกหลานชาย ด้วยกลัวว่าคลื่นจะวิ่งไปตัดหน้ารถ “ฮับ คลื่นยู้ คลื่นไม่วิ่งฮับ คลื่นยอตรงนี้” คลื่นตะโกนตอบกลับคนเป็นยายให้คลายความเป็นห่วง ยืนยิ้มแป้นรอรับแม่ “คุณแม่จะมีข่าวดีมาบอกเราไหมนะ” พรเดินออกมายืนรอกับหลานชาย อดตื่นเต้นกับการสัมภาษณ์งานครั้งแรกของลูกสาวไม่ได้ “ข่าวดีแน่นองฮับ เพราะคุงแม่ของคลื่นเก่งฉุด ๆ เก่งเหมืองคุงยาย” “ช่างประจบจริง ๆ” พรลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดูในความช่างประจบประแจง “คุงแม่” ทันทีที่คนเป็นแม่เปิดประตูลงจากรถ คลื่นก็วิ่งเข้าไปหา เงยหน้ารอคอยให้แม่มารับกำลังใจจากตนเหมือนอย่างเคย “ออกมารอแม่เหรอคะ” ระรินโน้มหน้าหาลูกชายให้ปลายจมูกสัมผัสกัน แล้วหอมแก้มนุ่มทั้งสองข้างอย่างรักใคร่ "คลื่นยอคุงแม่ฮับ" “ยิ้มแบบนี้ ข่าวดีสินะ” พรคาดเดาจากสีหน้าแช่มชื่นของลูกสาว “ค่ะ ระรินได้งานนี้” “เย่ ๆ คลื่นบอกคุงยายแย้ว ว่าคุงแม่เก่งฉุด ๆ” “แม่ยินดีกับระรินด้วยนะลูก ขอให้เส้นทางที่ระรินเลือกมีแต่ความรุ่งโรจน์นะลูก” “ขอบคุณนะคะคุณแม่ เพราะคุณแม่ที่ทำให้ระรินมีวันนี้ ถ้า...” ระรินยังคงรู้สึกผิดที่ครั้งหนึ่งเคยทำเรื่องผิดพลาด จนนำปัญหามาให้คนเป็นแม่ “ไม่เคยมีความผิดพลาดในชีวิตของระริน ดูสิชีวิตน้อย ๆ ในวันนั้นน่ารักมากแค่ไหน” พรทอดสายตามองไปยังหลานชายที่ยืนมองตาแป๋วอย่างรอคอย ระรินมองตามคนเป็นแม่ “วังนี้ฉะหยองไหมฮับ” เมื่อมีเรื่องน่ายินดีหรือเนื่องในโอกาสพิเศษ คลื่นรู้ดีว่าจะต้องมีงานเลี้ยงฉลอง “คุณแม่ได้งานจะไม่ฉลองได้ยังไงล่ะคะ” พรบอกหลานชาย “แม่ซื้อไก่ทอดเกาหลีมาด้วยนะ” “เย่ ๆ ไก่ทอดเกาหยี คลื่นช้อบชอบ” คลื่นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจกับของโปรดที่แม่ซื้อมาฝาก “ระรินซื้อปอเปี๊ยะสดกับแหนมเนืองมาให้คุณแม่ด้วยนะคะ” “ไปค่ะ ไปฉลองกัน” พรบอกลูกสาวกับหลานชาย ทั้งสามคนจึงพากันเข้าบ้าน เลี้ยงฉลองที่ระรินได้งาน ภายใต้แว่นกันแดด แววตาคู่คมของครามล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ทำไมในใบสมัครงานของระรินถึงบอกว่ามีสถานะโสด ทำไมถึงไม่เห็นผู้ชายอีกคนอย่างที่ควรจะเป็น และอยากเห็นใบหน้าเจ้าของเสียงสดใสที่เจื้อยแจ้ว ที่ครั้งนี้ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นอีกเช่นเคย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม