“เข้าใจแล้ว” พรึ่บ!! ฉันดันตัวของอาโปออก
หมับ!!และส่งมือไปจับหน้าของเขาเอาไว้แม้จะรังเกียจแต่ก็ต้องทนหน่อย
“เพราะงั้นอาโปใจเย็นนะเราไม่ไปไหนกับใครนอกจากเธอหรอก แต่ว่าพ่อของ...” ฉันก้มหน้าทำเศร้าเมื่อพูดถึงพ่อของเขา
“เรื่องนั้นเยลลี่ไม่ต้องไปสนใจหรอกเราจัดการเอง เพราะงั้นเธออย่าบอกให้เราเลิกยุ่งกับเธอเลยนะ เราขอโทษที่ทำให้ขาสวย ๆ ของเยลลี่ต้องเป็นแผล” พรึ่บ!! เขาคุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่สนใจว่ามันจะเปื้อนและเขาก็จูบที่แผลของฉัน
จุ๊บบบ!! จุ๊บบบ!!
ฉันมองเขาและยิ้มมุมปากอย่างสะใจนิดหน่อยแต่ฉันต้องแสดงเป็นผู้หญิงไร้เดียงสานี่สิเพราะงั้นก็ต้องตกใจกับการกระทำของเขาหน่อยสิ
“ทะทำอะไร?”
“เราขอโทษนะ...” หมับ!! กอดขาและเอาหัวถูที่ขาของฉัน
“ไม่เป็นไรหรอกมันไม่ใช่ความผิดของอาโปสักหน่อย เราจะไม่เลิกคุยกันก็ได้แต่อย่าให้พ่อของเธอมาทำร้ายเราอีกก็พอ” เพราะถ้าอย่างนั้นฉันอาจจะฆ่าพ่อนายทิ้งไปเลยก็ได้
“ได้สิ เราไม่ให้พ่อเข้าใกล้เธอเด็ดขาด”
“ถ้าอาโปบอกมาแบบนี้เราก็สบายใจแล้วแหละ” ฉันยิ้มให้เขานิดหน่อย
“แต่ว่าเราขออะไรหน่อยได้ไหม?” เขาเงยหน้ามองฉัน
“อะไรเหรอ?”
“อย่ายิ้มให้พูดหน้าไหนอีก...ได้ไหม?” เหมือนจะเป็นประโยคขอร้องแต่เขากำลังจะสั่งฉันอยู่ต่างหาก
“ได้สิถ้าอาโปต้องการ” ฉันก็ต้องตามใจของเล่นที่รอวันทำลายไง
“เรา...รักเยลลี่นะแม้ว่าจะยังไม่ได้คบกันก็ตามแต่เราจะพยายามให้เธอใจอ่อนกับเรา...” หมับ!! จับมือของฉันและจูบที่หลังมือ
“อืม พยายามเข้านะ^^”
“ครับ ^0^”
หลายวันต่อมา...
“เยลลี่ไปกินข้าวกัน” เมื่อเรียนเสร็จและกำลังเดินออกจากห้องเรียนอาโปก็มารอฉันเหมือนวัน หลายวันที่ผ่านมาเขาทำตัวติดฉันมากขึ้นและโทรหาฉันคุยกันบ่อย ๆ ทั้งไปรับและไปส่งที่หอ ไปกินข้าวเที่ยวกันวันไหนเขาไม่มีเรียนก็ยังมาอีก
“ไปสิ”
“เยล!” เสียงของหยินทำให้ฉันหันไปมองแต่สายตาก็เห็นว่าอาโปมองอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก หึ
“...?” ฉันมองเขานิ่ง ๆ ซึ่งทำทุกอย่างให้แตกต่างจากอาโป ฉันตั้งใจทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร ๆ ทั้งนั้น
“ขอคุยด้วยหน่อย”
“มีอะไรก็คุยหลังกินข้าวเสร็จเพราะเยลลี่ต้องกินข้าวก่อนไม่อย่างนั้นเธอจะปวดท้อง” อาโปบอกกับหยิน
“เหอะ!!” หยินเองก็ไม่พอใจเหมือนกันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ไว้ค่อยคุย” ฉันบอกกับหยินก่อนจะจับมือของอาโปเดินออกมาจากตรงนั้น
“สนิทกันมากเหรอ?” ระหว่างที่กำลังเดินอยู่เขาก็ถามขึ้นมา
“อืม ตั้งแต่เด็ก”
“เหรอ....”
“ก็เราเป็นญาติกันจะไม่ให้สนิทกันได้ยังไงเนอะ ^^” ฉันบอก
“อ่อแบบนี้นี่เองคิดว่าสนิทเป็นอย่างอื่น...” เขาพูดออกมาอย่างหวง ๆ
“ตอนนี้ฉันไม่ใจใครเท่านายหรอก”
“น่ารักจัง ฟอดดดด” เขาหอมแก้มของฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ฉันก็แค่ยิ้มแห้ง ๆ ไปเท่านั้นแหละ
หอพัก J
ตุบ!!!
เมื่อเข้ามาในห้องนอนฉันก็ทิ้งตัวลงเตียงอย่างแรงเพราะว่าหมดแรงกับอาโปที่ชวนฉันไปไหนมาไหนและชวนคุยอยู่ตลอด ฉันบุคคลที่ไม่พูดเท่าไหร่เลยใช้พลังงงานเยอะมาก
“นอนแรงขนาดนั้นเดี๋ยวเตียงก็หักหรอก” เสียงของหยินดังขึ้นทำไมเขาชอบแอบเข้ามาห้องฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตตลอด
“...!!” ฉันหันไปมองเขาขวาง
“โอ๊ย ๆ กลัวแล้วค้าบบบบ” เขากอดตัวเองดิ้นไปดิ้นมา
“กวนส้นตีน”
“แรงมากวะไอ้เยล!!” พรึ่บ!! เขานั่งที่เตียงของฉัน
“สกปรก ออกไป...” ฉันไล่เขา
“เหอะ!! ใช่สิ้!!ฉันมันไม่ใช่ไอ้อาโปนิยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในมันทั้งวัน”
“....” ทั้งที่รู้ว่าฉันทำไปเพื่ออะไรก็ยังจะปากหมาอีกนะแต่ช่างเถอะมันเป็นสันดานของเขาอยู่แล้ว
“ฉันจัดการส่งรูปทั้งหมดของเธอกับมันให้ไอ้ไพรันต์แล้วนะ เธอแน่ใจนะว่ามันหลงเธอจนขนาดยอมทะเลาะกับพ่ออ่ะ?”
“....” ฉันหลับตานอนฟังที่หยินพูด
“ตลอดเวลาที่ผ่านไอ้อาโปเป็นลูกที่ดีแต่ไม่ใช่คนดีนะ หมายถึงไม่เคยขัดใจพ่อมัน ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเถียงเลยสักครั้ง พ่อมันสั่งอะไรก็ยอมทำตามทั้งหมดและน้อยครั้งที่มันจะพลาดด้วยและถ้าแผนของเธอไม่สำเร็จถ้าไม่สามารถทำลายสายใยนั่นได้”
“สายใย...ฟังดูก็รู้แล้วว่ามันบอบบางแค่ไหนหรือว่าจะคำเปรียบเทียบว่าเลือดข้นกว่าน้ำ...ก็แค่เติมน้ำให้มันเยอะกว่าเลือดสิ หึหึหึ” ฉันขำในลำคอ
“หลอนว่ะ!”
“แต่จะทำอะไรก็มีสติหน่อยและมีอะไรให้ช่วยก็บอกเธอน่าจะรู้นะว่าพวกเราพวกช่วยเหลือเสมอ เธอไม่ได้ตัวคนเดียวนะเยล เธอเป็นลูกของพ่อและน้องฉันกับไอ้หยางเพราะงั้น...”
“รู้แล้วเลิกบ่นและกลับได้แล้ว”
“เออ ๆ ก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอกเว้ย!!แค่จะบอกว่ารับสายพ่อบ้างท่านเป็นห่วง” เขาบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปทันที
ปัง!!
พ่อ...
พ่อที่หยินพูดถึงคือพ่อของหยินกับหยางเขาเป็นตำรวจคนแรกที่เจอฉันและช่วยเอาไว้ก่อนจะรับฉันเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมโดยปกปิดเรื่องของฉันเอาไว้ทั้งหมด เขาสั่งสอนฉันเหมือนกับที่สั่งสอนลูกชายตัวเอง ฉันเองก็รักเขาเสมือนพ่อคนหนึ่งเหมือนกันเพียงแต่ฉันไม่อยากให้เขาต้องเดือดร้อนไปด้วยเท่านั้นเองแหละ
“เฮ้อออออ” ชีวิตฉันจะไม่อยากขนาดนี้ถ้าเขาไม่ทำลายมัน!!!
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูทำให้ฉันหันไปมองแต่ไม่ได้คิดจะลุกไปเปิดแต่อย่างใดและไม่มีทางเป็นหยินแน่นอนเพราะเขามันไม่มีมารยาทไม่มีทางเคาะประตูอย่างแน่นอนด้วยเพราะงั้นไม่ใช่เขา และฉันไม่เปิดประตูให้ใครทั้งนั้นจะนอน
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ
“จิ๊!!” ฉันจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสียเมื่อใครคนนั้นยังเคาะประตูอย่างต่อเนื่อง ใครวะ?!!
“เยลลี่!!ฉันเองนะ!!”
“เซย์?” ใช่นั่นคือเสียงของเขาไม่ผิดแน่มาทำอะไรที่นี่
“ไม่หิวหรือไงฉันซื้อข้าวมาฝาก” ข้าวเหรอ...
จะว่าไปแล้วก็หิวเหมือนกันแหะเวลาอยู่กับอาโปฉันไม่ค่อยได้กินอะไรเท่านั้นนัก ไม่รู้เหมือนกันมันแน่น ๆ และกินอะไรไม่ลงทั้งนั้น
“ไม่กินจริงเหรอเยอะเลยนะ” เขายังคงส่งเสียงอยู่หน้าประตูห้องของฉัน
“....” ฉันไม่ได้อยากกินสักหน่อย
“ว้า!!เสียดายสงสัยต้องเอาไปทิ้ง” ถ้าฉันไม่ออกไปก็ควรแขวงไว้หน้าประตูสิไม่ใช่เอาไปทิ้งของซื้อตั้งเท่าไหร่ไม่เสียดายเงินหรือไง แต่ก็อย่างว่าเขามันคนรวยนี่น่าเหอะ!!!
“....”
“ฉันไปละนะ...” ฉันได้ยินเสียงเท้าของเขาเดินออกไปอะไรกันทำไมไม่ยืดต่ออีกหน่อยเล่าไปจริงเหรอฉันเครียดและหิวมากนะ!!
พรึ่บ!!!
ปัง!! ฉันเปิดประตูอย่างแรงก่อนชนกับหน้าอกของเขา นะนี่เขาไม่ได้เดินไปไหนหรอกเหรอ???
“ระวังหน่อยสิไม่เห็นต้องรีบเลย...” เขาพูดอย่างยิ้ม ๆ
“นายยัง..อยู่?”
“ก็ว่าจะไปแล้วแหละแต่คิดว่ารออีกหน่อยดีกว่าเพราะเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว” นี่เขามองฉันอยู่ตลอดเลยหรือไง
“แต่ฉันได้ยิน...” เสียงคนเดินนะ
“ห้องตรงข้ามน่ะเขาเดินออกไปข้างนอกพอดี”
“อ่อ” ฉันบอกเขาสั้น ๆ รู้อายตัวเองขึ้นมา -//////-
“ไปข้างในกันเถอะเธอคงหิวแย่แล้วมั้ง” เขาดันหลังของฉันให้เดินเข้าไปในห้อง และเขาก็จัดแจงเทอาหารต่าง ๆ ลงจาน
“...” ส่วนฉันรอกิน
“กินได้เลยนะฉันซื้อมาให้เธอ”
“...” ฉันก็เริ่มกินอย่างที่เขาบอก โดยตลอดเวลามีเขามองอยู่แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจกินอย่างเดี๋ยว
“เยลลี่...” แต่อยู่ ๆ เขาก็เรียกชื่อฉัน
“..?” ฉันเงยหน้ามองนิดหน่อย
“เหนื่อยไหม?” เขาถามพร้อมปัดเส้นผมที่บังหน้าของฉันออก
“ไม่นิ”
“ถ้าเหนื่อยบอกฉัน ฉันจะจัดการให้เอง”
“นี่เซย์...” ฉันวางช้อนและมองหน้าของเขา
“...ว่าไง?”
“อะไรที่เป็นเรื่องของฉัน ฉันจัดการเองได้ นายไม่ได้ต้องยุ่ง”