(เยลลี่)
วันต่อมา...
หอพัก J
หลังจากกลับมาเมื่อคืนนี้ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรกับเซย์อีกความจริงเราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับเข้ามาวุ่นวายจนต้องคุยจนได้และยังเสนอตัวเป็นเครื่องมืออีกแต่เครื่องมือก็คือเครื่องมือ ฉันจำเป็นต้องทิ้งในสักวันและแน่นอนว่าฉันไม่ไว้ใจเขาเลยสักนิด คนอะไรจะมายอมเป็นเครื่องเพราะว่าชอบเนี่ยนะ?
“ไร้สาระ...” ฉันบอกก่อนจะเดินลงจากหอเพื่อไปเรียน
“เยลลี่!”
“....?” ฉันมองเขางง ๆ ว่ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?
“อาโป...”
“เรามารับเยลลี่อ่ะก็เราตกลงจะคุย ๆ กันแล้วนิเพราะงั้นเราก็พอจะมีสิทธิมารับเธอใช่ไหม?”
“อ่อ...อืม แต่ว่าวันหลังบอกกันก่อนก็ดีนะ” ฉันพูดกับเขา
“โทษทีพอดีแล้วกะทันหันเหมือนกัน แหะ ๆ งั้นไปกันเถอะ” เขาบอกก่อนจะเดินนำไปที่รถของเขาเองที่จอดหน้าหอพักของฉัน
“ขอบใจนะ” ฉันบอกเมื่อมาถึงรถแล้วเขาเปิดประตูให้ฉัน ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นะถ้าผู้หญิงจะมองว่าเขาเป็นคนดีซะเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรเลย^^” เขายิ้มให้ฉันก่อนจะปิดประตูรถและเดินไปฝั่งคนขับ
ปึก!!
มหาวิทยาลัย T
“ถึงแล้ววววว” เมื่อถึงมหาลัยเขาก็พูดขึ้นที่จริงเขาก็ชวนฉันคุยมาตลอดทางนั่นแหละแต่ฉันก็ตอบแค่อืม อ่อ เออ ไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอย่างที่รู้ฉันมันพูดน้อยอยู่แล้ว
“อาโป” ก่อนลงจากรถก็ขอหยอดหน่อยเถอะ
“อะไรเหรอ?”
“ขอบคุณนะที่มาส่งและก็ขอโทษด้วย” ฉันก้มหน้าแสร้งทำเป็นว่ากำลังรู้สึกผิดอยู่
“ขอบคุณอ่ะเข้าใจแต่ขอโทษเราไม่เข้าใจเลยว่าเยลลี่จะขอโทษเราเรื่องอะไร?”
“ก็ตลอดทางเราไม่ได้พูดหรือตอบกลับเท่าไหร่เลย เราพูดไม่ค่อยเก่งน่ะแต่เราสามารถรับฟังได้นะ” ไม่เลยความจริงฉันรำคาญพวกพูดมากไม่อยากรับฟังอะไรทั้งนั้นแหละ
“คิดว่าเรื่องอะไรโถ่เอ้ยยย” หมับ!! เขาพูดก่อนจะวางมือที่หัวของฉันอยากจะปัดออกแต่ทำไม่ได้
“....”
“เรื่องแค่นี้เองเรารู้ว่าเธออ่ะพูดไม่เก่งเราเลยพยายามพูดเยอะ ๆ ระหว่างเรื่องจะได้ไม่เงียบจนเกินไปไงเพราะงั้นแค่เยลลี่รับฟังและไม่รำคาญเราก็พอแล้วเข้าใจไหมคนเก่ง?”
“กะก็ได้ เรากลัวว่าเธอจะรำคาญเรา”
“เราจะไปรำคาญคนที่ตัวเองชอบได้ยังไงล่ะ? ป่ะ!!ไปเรียนกันเถอะ” เขาบอกแบบนั้นก่อนจะชวนกันไปเรียนฉันเองก็รถจากรถของเขาเหมือนกันแต่สายตาของฉันก็หันไปเห็นเซย์ที่พึ่งมาถึงพอดี ฉันเลือกที่จะเมินไปและเดินเข้าคณะไป
“เราไปส่งที่ห้องนะ”
“อืม” ฉันตอบรับก่อนจะเดินไปห้องเรียนโดยมีอาโปส่ง ห้องเรียนแค่นี้ทำไมต้องมาส่งฉันไม่ใช่เด็กน้อยสักหน่อยแต่ก็ต้องยอมไปเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในแผนการน่ะสิ
ห้องเรียน
“ถึงแล้วตั้งใจเรียนนะ” เมื่อมาถึงห้องเรียนเขาก็บอกกับฉันพร้อมทั้งลูบหัวด้วย
“นายด้วย” ฉันตอบแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าหาเรียนก็พบว่าหยินมาก่อนแล้วและกำลังหลับอยู่ฉันเลือกเดินไปนั่งด้านหลังของเขา
พรึ่บ!!
“มาแล้วเหรอ??”
“หาวววววว~” หยินตื่นขึ้นมาถามด้วยอาการงัวเงีย
“....”
“ไม่ตอบแต่ก็ช่างเถอะ!!” เขายักไหล่อย่างไม่ได้สนใจเพราะชินกับท่าทางของฉันแล้วน่ะสิ
“....”
“แต่ว่าฉันมีเรื่องจะบอกเธอจะสำคัญหรือไม่สำคัญเธอก็คิดเอาเองแล้วกัน” เขาพูดขึ้นซึ่งฉันเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่หรอก
“มีคนมาสืบประวัติของเธอ” กึก!! ฉันที่กำลังกดโทณศัพท์ก็ชะงักไป
“....”
“ได้ทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้วแต่ไม่ต้องห่วงเพราะมันก็ปกปิดประวัติของเธอให้ยากขึ้นเหมือนกัน”
“ใคร?”
“ไอ้เซย์” เหอะ!!! เขาไม่ถามอะไรแต่เลือกจะสืบเองสินะ
“แล้วจะเอายังไงตอนนี้มันรู้เรื่องของเธอแล้วนะ?” หยินก็คงเป็นห่วงฉันนั่นแหละ
“ปล่อยไปเพราะแค่ไม่ใช่อาโปก็พอแล้วแหละ” ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเขารู้แล้วจะทำยังไงกับข้อมูลนั่นเหมือนกัน
“อย่าไว้ใจมากเกินไป”
“ฉันไม่ได้ไว้ใจใครทั้งนั้น”
“แต่...”
“....” ฉันจบบทสทนาด้วยการหลับตาใส่และนอนไปทันที
เซย์...เขารู้เรื่องของฉันแล้วสินะแล้วเขายังอยากเป็นเครื่องมือของฉันหรือไงแต่ต่อให้ไม่มีเขาฉันก็หาคนอื่นเหอะ!! แต่ว่าฉันไม่แปลกเท่าไหร่หรอกที่เขาจะสามารถสืบหาข้อมูลของฉันทั้งหมดเพราะว่าเขาเป็นลูกชายของใครพวกคุณก็รู้กันอยู่ไม่ใช่เหรอ
ส่วนอาโปไม่มีสืบเรื่องของฉันได้เพราะว่าเขาแม้จะบ้านรวยแต่ไม่ได้มีเส้นด้านข้อมือเท่าไหร่นักยังไงล่ะ พ่อของเป็นนักธุรกิจก็จริงแต่บางอย่างต้องใช้เส้นสายและอำนาจจำนวนมากและพ่อของเขาไม่มีอย่างมากก็จ้างนักสืบเอกชนที่จะได้ประวัติปลอม ๆ ของฉันไปเท่านั้นเอง
เลิกเรียน
กึก!!
“ขอโทษนะครับคุณเยลลี่หรือเปล่าครับ?” และขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่นั้นก็มีผู้ชายใส่สูทเดินเข้ามาหาและถามฉัน
“...?”
“ถ้าคุณชื่อว่าคุณเยลลี่ช่วยไปกับผมหน่อยได้ไหมพอดีว่าท่านไพรัตน์มีเรื่องจะพูดกับคุณน่ะครับ” กึก!! แค่ได้ยินชื่อร่างกายของฉันก็ชาเฉียบไปทั้งตัว เขามาหาเพราะเรื่องของลูกชายสินะ ฉันพยายามสูดลมหายใจและทำใจให้นิ่งที่สุดนี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอเขาในรอบ 12 ปี
“...”
“ไปเถอะครับถ้าไม่อยากมีปัญหา” ขู่กันเลยเหรอคิดว่าฉันกลัวหรือไง?
“นำไปสิค่ะ” แต่ฉันก็อยากเจอไอ้ฆาตกรที่ฆ่าพ่อฉันและพยายามฆ่าฉันเหมือนกัน ฉันกำมือตัวเองแน่นร่างกายสั่นเทาไปหมดแต่ก็พยายามจะประคองสติ
ฉันเดินหลังผู้ชายคนนั้นไปเรื่อย ๆ จนถึงสวนดอกไม้ของมหาลัยซึ่งตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลย ฉันมองเห็นแผ่นหลังนั้นมันยังไม่เปลี่ยนไปเลยฉันฆ่ามันตอนนี้เลยดีไหม?
ไม่สิ...มันต้องทรมานก่อนตาย
“มาแล้วไม่คิดจะทักทายหน่อยเหรอ?” เขาหันมาเมื่อรู้ว่าฉันมายืนอยู่ด้านหลังของฉัน
“สะสวัสดีค่ะ” แม้จะไม่อยากทำแต่ฉันจะทำตัวให้เขาสงสัยไม่ได้
“เธอเป็นอะไรกับลูกชายของฉัน?”
“เอ่อ ตอนนี้เราแค่ตกลงคุยกันค่ะ”
“ยังไม่ได้คบสินะ” เขาพูดแทรก
“ค่ะ...” ฉันก้มหน้ามองพื้นกลัวว่าถ้ามองแล้วฉันจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตอนนี้รอบฉันกับเขาเต็มไปด้วยการ์ดชุดดำมากมาย
“งั้นก็อย่าคบเพราะเธอมันไม่คู่ควร ประวัติก็ไม่ได้แย่หรอกนะแถมยังเรียนหมอแต่ฉันไม่อยากให้ลูกชายฉันไปคบกับผู้หญิงที่พื้นเพครอบครัวไม่ดีอย่างเธอ” ประวัติปลอม ๆ ของฉันคือพ่อแม่ติดเหล้า ติดการพนันและฆ่ากันตายในที่สุด ฉันต้องใส่ประวัติให้น่าสังเวยที่สุดเพราะว่าเขาจะมาหาแบบนี้ยังไงล่ะ หึ
“แต่...”
“พ่อแม่ติดเหล้า ติดยา เกิดในสลัมบ้านนอกคูคลอกสกปรกคิดว่าตัวเองเหมาะสมกับลูกชายที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีเหรอ?” ตัวเองก็แค่เด็กกำพร้ามาจากบ้านเลี้ยงกำพร้าเหมือนกัน ทำเป็นลืมกำพืชไปได้ เหอะ!!
“เรื่องนั้นมันเป็นอดีตไปแล้วตอนนี้...”
“แม้ว่าเธอจะพยายามผลักดันตัวเองมาได้แค่ไหนอีกาก็คือีกาจะเป็นหงษ์ไปได้ยังไงเพราะงั้นเลิกยุ่งกับลูกชายฉันซะ!!!!” มีเรื่องให้ไปอ้อนผู้ชายแล้วแหะ หึ
“ฮึก!!!” ฉันพยายามจิกขาตัวเองและปล่อยน้ำตาออกมา
“ไม่ต้องร้องหรอกเพราะเธอมันไม่คู่ควรจริง ๆ”
“ระเราชอบกันค่ะและตอนนี้กำลังพยายามพัฒนา...”
“ปัญญาอ่อนหรือไง?!!เธอไม่มีครอบครัวที่ดีด้วยซ้ำแล้วจะมาเป็นแฟนกับลูกชายฉันเนี่ยนะ?”
“ฮึก!!!” ตัวมึงดีนักแหละ!!
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตาเพราะเธอต้องยอมรับความจริง!!ว่าเธอไม่คู่ควรกับลูกชายของฉันเลิกซะแล้วฉันจะไม่เอาเรื่องเธอ”
“ถะถ้าหนูไม่เลิก...”
“ถ้าไม่เลิกฉันก็จะทำให้เธอต้องออกไปจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังไงล่ะ??” หมับ!!มันจะกระชากคอเสื้อของฉัน
“...”
“ถ้าไม่อยากหมดอนาคตก็เลิกยุ่งซะ!!”
ไอ้ระยำนี้!!!!