bc

ในพรหมรัก

book_age12+
188
ติดตาม
1.8K
อ่าน
จบสุข
รักต่างวัย
คลุมถุงชน
หมอ
หวาน
ชายจีบหญิง
เมือง
ปิ๊งรักวัยเด็ก
like
intro-logo
คำนิยม

บ้านในนิยามแต่ละคนล้วนต่างกัน แต่สำหรับเธอ ‘อาธิป’เป็นเหมือนบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ มีสนามกว้างด้านหน้า สวนดอกไม้และลำธารอยู่ข้างหลัง

มีแสงอาทิตย์อ่อนส่องผ่าน

แสงอ่อนๆ ที่ทำให้อากาศเย็นในหน้าหนาวไม่หนาวเหน็บจนเกินไปนัก

แสงเริ่มต้นที่เป็นความหวังในฤดูร้อน

เป็นไออุ่นส่องผ่านเมฆหนาลงมาช่วยบรรเทาและปลอบประโลมในฤดูที่ฝนหล่นมาเป็นหยดน้ำตา

เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ชาย อาธิปคือทุกๆ ความหมาย เขาคือครอบครัว…

หม่อมราชวงศ์ธนาธิป ธุวานนท์ นายแพทย์หนุ่มผู้เพียบพร้อมในทุกสิ่ง พรหมลิขิตทำให้เขาได้เจอสาวน้อยที่เธอยังติดตราตรึงอยู่ในใจแม้เวลาผ่านไปสองปี และโชคชะตาก็ได้นำพาเธอกลับมาพบ พร้อมกับชีวิตหญิงสาวที่ถูกขอร้องให้เขาช่วยดูแล

คราแรกชายหนุ่มปฏิเสธ แม้รัก แต่เขาจะไม่ใช้เหตุผลนี้เพื่อบีบบังคับกุลญาดา เขาคิดจะดูแลเธอในฐานะผู้ปกครอง แต่ก็มีเหตุการณ์พาให้เขาต้องพาเธอเข้ามาอยู่ในวังธุวานนท์และจดทะเบียนสมรส เรื่องราวหลังจากนี้ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ

เป็นนิยายรักสีขาว เน้นความหวานละมุนละไม อบอุ่นหัวใจค่ะ

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทนำ
“Ladies and gentlemen, if there is a medical doctor on board, please notify the nearest flight attendant. Once again, if there is a medical doctor on board, please notify the nearest flight attendant.” หญิงวัยกลางคนมีอาการกระตุกเกร็งหายใจไม่ออก เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากลูกเรือก่อนหมดสติไป ความโกลาหลบนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลนับพันไมล์เริ่มขึ้นหลังจากนั้น กัปตันเดินออกมาขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของนายแพทย์หนึ่งเดียวบนเที่ยวโดยสาร นายแพทย์หม่อมราชวงศ์ธนาธิป ธุวานนท์ ส่งหูฟังที่ใช้ตรวจอาการเมื่อครู่คืนให้ลูกเรือและแจ้งว่าสามารถเดินไปตามเขาได้ทันทีถ้าผู้ป่วยมีอาการขึ้นมาอีก ชายหนุ่มหลุบตาลงมองเข็มนาฬิกาบนข้อมือระหว่างทางเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง เจ้าของร่างสูง บ่ากว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีครามเรียบกริบเข้าชุดกับกางเกงสแล็กสีเข้ม แม้ไม่สะดุดตาในการแต่งกาย แต่ท่าทางภูมิฐานภายใต้ใบหน้าเรียบขรึมต่างสะดุดใจผู้พบเห็น หน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คถูกเปิดค้างไว้บนโต๊ะหน้าเก้าอี้นวมตัวใหญ่ของที่นั่งผู้โดยสารชั้น First class ความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์แบบของเขาถูกทำให้เกิดขึ้นได้อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาที่ไร้ซึ่งการติดต่อบนความสูงกว่าสามหมื่นฟุต ชายหนุ่มกำลังจะทรุดตัวลงนั่ง ทว่าสายตาที่เผลอมองผ่านพนักกั้นระหว่างที่นั่ง แล้วสะดุดเข้ากับความผิดปกติบางอย่าง ทำให้ต้องหันกลับไปให้ความสนใจ ร่างบอบบางในชุดเสื้อแขนยาว กางเกงยีนส์ผ้ายืดใส่สบาย มีเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ห่มทับไว้ด้านบนอีกตัว เธอนอนกอดอกขดตัวจนงอหันหน้าไปอีกด้าน ท่าทางขยับกระสับกระส่ายคล้ายไม่สบายตัวนั้น ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจถาม “คุณ… เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามเป็นภาษาสากลที่ได้ยินเป็นครั้งที่สองเรียกให้กุลญาดาต้องพยายามขยับเปลือกตาแสนหนัก แล้วเอี้ยวตัวหันกลับไปมอง สาวน้อยเจ้าของผิวขาว ผมดำยาว ใบหน้าจิ้มลิ้ม แต่พอเธอหันกลับมา กลับเป็นคิ้วเข้มของคนมองที่ขมวดฉับเข้าหากันแทน ใบหน้าจิ้มลิ้มคงสดใสน่ามองกว่านี้ ถ้าไม่ซีดเผือดเป็นกระดาษ นัยน์ตาคู่หวานแดงก่ำอย่างคนไข้ขึ้นสูง กุลญาดาส่งสายตาขอโทษให้กับสายตาชายแปลกหน้าที่มองมาด้วยสายตายากจะแปลความหมายใดๆ จากแววตาคู่นั้น “ขอโทษนะคะ ฉันรบกวนคุณหรือเปล่า” เสียงแผ่วตอบกลับด้วยภาษาสากลเช่นเดียวกัน มันพอฟังออกและสื่อสารให้คนฟังเข้าใจได้ แม้สำเนียงดีไม่เท่าเขา “ไม่ครับ แต่คุณดูไม่โอเค มีอะไรให้ผมช่วยไหม” “ปวดหัวค่ะ ปวดเหมือนมีอะไรมาบีบที่ขมับตลอดเวลา หูอื้อไปหมด” และหลังจากนั้นความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามา ทำให้คนพูดหลับตาเลือกที่จะไม่รับรู้อะไรอีก สีหน้ายุ่งบอกชัดเจนว่าเธอคงทรมานตามน้ำเสียง ชายหนุ่มมองแล้วลอบถอนหายใจ รู้ว่าตัวเองไม่สบายแต่ก็ไม่เรียกใคร ทนทรมานมาได้ตั้งหลายชั่วโมง “คุณมาคนเดียวหรือเปล่า” เสียงเรียบเอ่ยถาม หญิงสาวพยักหน้าทั้งที่ยังหลับตาแน่น เธอรู้ตัวว่าไม่สบายตั้งแต่ตอนเปลี่ยนเครื่อง เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่เป็นมากเท่าตอนนี้ ความจริงเธอกินยาเข้าไปแล้วชุดหนึ่ง มันช่วยบรรเทาอาการทำให้หลับไปได้สักพัก แต่ตื่นมาอีกทีก็ยังปวดหัวไม่หาย ไม่น่าเลย… แล้วมาเป็นอะไรกันตอนนี้ กุลญาดาหลับตาเพราะรู้สึกว่ายิ่งลืมตายิ่งรู้สึกแย่ ก่อนต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือใครบางคนที่แตะลงบนหน้าผาก “เอ่อ…” ทว่าสายตาคมกริบที่มองมาคล้ายบังคับให้เธอต้องเก็บกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอ ไม่แน่ใจว่าเพราะอาการไข้ของตัวเองหรือเพราะสาเหตุอะไร เขาถึงมองด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่กำลังตำหนิเด็กแบบนี้ ตาแดงร้อนผ่าวเพราะพิษไข้หลุบต่ำ เมื่อชายหนุ่มหันกลับไปเรียกลูกเรือเพื่อบอกหรือถามอะไรสักอย่าง เธอกระจ่างชัดตอนลูกเรือคนเดิมเดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมถ้วยยาและน้ำอีกแก้ว กุลญาดารับถ้วยยาที่เขายื่นส่งให้ แล้วกลั้นใจกรอกหลายเม็ดเข้าปากแบบครั้งเดียวหมด ตามด้วยน้ำแก้วโตที่ชายแปลกหน้าส่งตามมา “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ ผู้ชายตรงหน้าผิวขาว หน้าตาสะอาดเกลี้ยงเกลา เดาจากท่าทางภูมิฐาน เขาน่าจะอายุห่างจากเธอหลายปี โครงหน้ามีความเป็นเอเชีย เธอไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนไทยหรือเปล่า แต่คิดว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจได้ ประเมินเอาจากสายตาของเขา มีบางอย่างบอกว่าเธอไว้ใจเขาได้และควรไว้ใจ กุลญาดาเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง เมื่อผ้าชุบน้ำไม่เย็นไม่ร้อนนักถูกวางลงบนหน้าผากและข้อพับแขนเพื่อคลายความร้อน เขาบอก “คุณพักผ่อนเถอะ ผมเลื่อนพนักกั้นลงไว้อย่างนี้ มีอะไรก็เรียกผมได้ไม่ต้องเกรงใจ” ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยาหรืออาการไข้ทำให้เธอแทบจะหลับไปในวินาทีนั้น แต่พอเขาเอาผ้าห่มที่ขอจากพนักงานมาคลุมไว้ให้บนตัว คนตัวเล็กกลับลืมตาขึ้นมาอีกรอบ ธนาธิปมองคนหน้ายุ่งคิ้วเรียวขมวดมุ่นส่ายหน้าปฏิเสธ ความสงสัยที่ส่งผ่านสายตามาเป็นคำถามจากเขา คนป่วยอธิบายเสียงอ่อย “ฉันเวียนหัว ตอนได้กลิ่นน้ำหอมที่ใส่ผ้า” ยังดีที่เขาไม่ได้ว่าอะไร กุลญาดากอดตัวเองและหลับตาลง มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และความอบอุ่นโอบล้อมรอบตัวเข้ามาแทนที่… “นอนเถอะ ไม่ต้องลืมตาขึ้นมาขอบคุณผมแล้ว ห่มเอาไว้ คงพอช่วยคุณได้บ้าง” ระยะห่างถูกกระชับใกล้เข้ามาตอนชายหนุ่มโน้มตัวลงมาวางเสื้อสูทชั้นนอกของตัวเองไว้บนตัวเธอ ท่าทางของเขาสุภาพ แต่เธอไม่แน่ใจว่าทำไมถึงทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินกว่าที่เคยเป็นอยู่ …เป็นอย่างนั้นนานร่วมนาที แม้รู้ว่าร่างสูงใหญ่นั้นผละออกไปแล้ว ระยะเวลาหลายชั่วโมงที่อยู่บนเครื่อง เธอหลับเพราะฤทธิ์ยามาแทบตลอดทาง ทว่าความรู้สึกยามฝ่ามืออุ่นทาบลงบนหน้าผาก กลับทำให้รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เครื่องแลนดิ้งลงสู่พื้น กุลญาดารู้สึกตัวอีกครั้งเพราะแอร์โฮสเตสเข้ามาเรียก ทว่าตอนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ ข้างตัวกลับมีเพียงความว่างเปล่า ผู้ชายใจดีคนนั้นหายไปแล้ว

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook