บทที่ 4 พบหน้าสามีหรือว่าลูกชายคนโต

1562 คำ
หนิงเหมยจูเดินเข้ามาหลังบ้าน ห้องครัวของบ้านหลังนี้แยกตัวออกมาอยู่ทางด้านหลัง ถึงแม้จะมีสองเตา แต่อุปกรณ์เครื่องครัวนี่โคตรจะเก่าและมีแต่รอยปะ แต่ช่างเถอะค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน หากเอาออกมาทีเดียวรับรองได้หากคนที่บ้านเห็นจะพลันช็อกตายเปล่าๆ เรื่องสำคัญที่สุดคือสร้างบ้านใหม่และพาสามีไปหาหมอ จะปล่อยให้นอนบาดเจ็บไปแบบนี้ตลอด มีหวังได้พิการจริงๆ แต่ตอนนี้เธอต้องหาอาหารมาทำก่อนดูท่าทางแล้วบ้านนี้ไม่เหลืออะไรให้กินเลย ข้าวสารก็ไม่เหลือ ธัญพืชสักอย่างก็ไม่มี ไข่ก็หมด ไก่ตัวเป็นๆ ที่ควรมีก็ไม่มี "โอ๊ย มีอะไรให้กินบ้างไหมเนี่ย" หนิงเหมยจูที่ตอนนี้มีจิตวิญญาณของพัชราเกาหัวด้วยความมึน แต่เหมือนจะนึกอะไรได้จึงเดินกลับเข้าไปที่ห้องของตัวเอง เธอเปิดตู้เสื้อผ้าที่ล็อกกุญแจไว้ เมื่อเปิดออกมา กลับเจอข้าวสารหลายชั่ง ไข่ไก่อีกเกือบสิบฟอง เกลือ น้ำตาลทรายแดง ถั่วเขียวกลับมีมาแอบไว้ในนี้ ยังมีเนื้อตากแห้งอีกส่วนหนึ่ง "ไม่อยากจะด่า แต่เธอนี่โคตรเลวเลยเหมยจู ขนาดฉันยังรับไม่ได้เลย" หนิงเหมยจูหอบทุกอย่างเข้ามาในครัว เอาข้าวสารใส่ไว้ในถังและยังเอาออกมาจากมิติมาเติมไว้ นอกจากนั้นยังเอาแป้งออกมาใส่ไว้ให้เต็มอีกถัง เวลาทำอาหารจะได้ไม่ต้องตามหา นอกจากนั้นยังเอาเครื่องปรุงต่างๆ และโถแก้วออกมาใส่เครื่องปรุงไว้ อาหารง่ายๆ สำหรับเด็กน้อย เธอทำข้าวผัดไข่ใส่เนื้อตากแห้งฉีกเพิ่มเข้าไป ส่วนคนป่วยเธอเคี่ยวโจ๊ก ใส่เนื้อตากแห้ง และยังต้มไข่ยางมะตูมเพิ่มเข้าไปอีก หนิงเหมยจูคิดว่ามื้อนี้กินแค่นี้ไปก่อน ค่อยเข้าอำเภอหรือไปสหกรณ์สักครั้ง จะได้มีข้ออ้างออกไปซื้อเนื้อมากิน ถ้าจำไม่ผิดจากความทรงจำ แม้ว่าจะมีการเปิดสอนมหาลัยแล้ว แต่ชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้านยังลำบาก รัฐยังไม่มีการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน ยังคงให้ทำการแลกแต้มอาหารและยังมีการแจกจ่ายคูปองอยู่ แต่ไม่ได้บังคับว่าทุกคนจะต้องลงทำงาน อีกทั้งตอนนี้มีการเปิดประเทศ และสามารถให้ชาวบ้านเปิดร้านค้าได้แล้วแต่ก็ยังต้องใช้จ่ายคูปองได้ มาที่เดียวที่ไม่ต้องใช้คือตลาดมืด หนิงเหมยจูมัวแต่คิดว่าจะต้องทำยังไงต่อไปกับชีวิต ทางด้านสองพ่อลูกตงลู่จิงและตงซีเฉิน คนตัวน้อยนั่งท้องร้องเพราะกลิ่นของอาหารที่แสนจะยั่วยวนท้องน้อยๆ ของเธอเหลือเกิน ส่วนคนตัวโตได้แต่สงสัยว่ากลิ่นอาหารมาจากไหน แต่ก็เก็บความสงสัยได้ไม่นานเลยเลือกที่จะถามลูกสาวตัวน้อยเพื่อให้หายข้องใจ "เสี่ยวลู่หิวหรือยัง พ่อขอโทษนะลูกที่ทำให้หนูต้องลำบากไปด้วย พ่อไม่น่าบาดเจ็บเลย" "หิวแล้วค่ะ แต่แม่บอกให้หนูมาดูแลพ่อ รอแม่ทำอาหารเสร็จแม่จะเอามาให้" ตงซีเฉินได้แต่ไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อลูกสาวเรียกหนิงเหมยจูว่าแม่ และเธอยังเป็นคนทำอาหารที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้านอีกด้วย "ทำไมถึงเรียกเธอว่าแม่ล่ะลูก ก่อนหน้านี้ไม่เคยเรียกไม่ใช่เหรอเสี่ยวลู่" "ไม่เคยเรียกแต่ไม่ใช่ว่าจะเรียกไม่ได้นี่ พี่ซีเฉิน เสี่ยวลู่ไปกินอาหารได้แล้ว แม่ทำข้าวผัดไข่ให้ อยู่บนโต๊ะหนูไปกินได้เลยนะ" หนิงเหมยจูเดินเข้ามาได้ยินคำสนทนาระหว่างพ่อกับลูก เธอจึงเป็นฝ่ายตอบคำถามเสียเอง เสี่ยวลู่ได้ยินแม่บอกว่าทำอาหารไว้แล้ว และหนูน้อยทนไม่ไหวเพราะกลิ่นมันยั่วยวนเหลือเกิน ทำให้เด็กน้อยรีบวิ่งออกไปจนลืมพ่อกับแม่ไปเลย "อย่าวิ่งลูกเสี่ยวลู่ ค่อยๆ เดิน เดี๋ยวล้ม" หนิงเหมยจูตะโกนบอกไล่หลังไป แต่คิดว่าคงไม่ทัน หนูน้อยน่าวิ่งไปถึงจานข้าวเรียบร้อยแล้ว "ทำแบบนี้ทำไม" ตงซีเฉินกัดฟันถาม เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้านี้ต้องการอะไรจึงได้ทำดีกับเสี่ยวลู่ ทั้งๆ ที่ตลอดหนึ่งปีที่แต่งงานกันมาเธอไม่เคยสนใจเสี่ยวลู่เลยสักครั้งเดียว นอกจากดุด่าช่วงที่เขาไม่อยู่ แต่ดีที่ไม่เคยทุบตี "ทำแบบนี้คืออะไร พี่ช่วยพูดให้เข้าใจหน่อยได้ไหม จะประหยัดคำพูดทำไมเงินก็ไม่ได้เสียสักหยวน รู้อยู่หรอกว่าพี่รังเกียจฉัน แต่ช่วยพูดประโยคยาวๆ ได้ไหมล่ะ" ไม่ได้คุยกันทางจิตนะที่มองหน้าแล้วจะเข้าใจ ผู้ชายยุคนี้เป็นเหมือนกันหมดทุกคนหรือเปล่า "ทำดีกับเสี่ยวลู่ทำไม ในเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยสนใจอะไรเลย อีกทั้งเธอ..." ตงซีเฉินไม่กล้าพูดออกไปว่าเธอกำลังจะหนีไปกับชายหนุ่มที่ชื่ออาซ่าง "ก็ไม่ทำไมแค่อยากทำ ฉันไม่ขอให้พี่เชื่อ แต่ฉันกล้าสาบานว่าไม่ได้คิดร้ายต่อพี่และเสี่ยวลู่เลย พี่จะเชื่อหรือไม่อยู่ที่ตัวพี่ ส่วนฉันก็เพียงพิสูจน์ตัวเองให้พี่และเสี่ยวลู่เห็นก็พอ แล้วฉันก็ไม่คิดที่จะไปไหน ถ้าไม่โดนพี่ไล่ไปเสียก่อนนะ พี่ซีเฉินก่อนหน้านี้ฉันอาจจะทำไม่ดี ใช้เล่ห์กลกับพี่จนพี่ต้องแต่งงานกับฉันด้วยความจำยอม หากวันหนึ่งพี่เจอคนที่พี่รักหรือชอบจริงๆ ก็บอกฉัน ฉันยินดีจะหย่าให้ แต่ฉันขอช่วยเลี้ยงเสี่ยวลู่ด้วยได้ไหม พี่แต่งงานใหม่พี่ยังมีลูกใหม่ได้อีกหลายคน" "เธอก็แต่งงานใหม่ได้ มีลูกใหม่ได้ไม่ใช่เหรอ" "ไม่ล่ะ หากเมื่อไหร่ที่ฉันหย่ากับพี่ฉันก็ไม่คิดแต่งงานใหม่ ฉันยินดีจะช่วยเลี้ยงเสี่ยวลู่ไปจนโต และทำงานหาเงินจากนั้นก็ไปรับแม่ของน้องชายมาอยู่ด้วย แค่นี้เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตฉัน" ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตงซีเฉินรู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เปลี่ยนไปมาก หรือว่าก่อนที่เธอจะสลบไปนั้น หนิงเหมยจูล้มหัวกระแทกพื้นเลยทำให้คนที่แสนร้ายกาจและแสนขี้เกียจ กลายเป็นคนรู้ความขึ้นมา เขาอยากจะเดินได้เหลือเกินจะได้ไปดูว่าตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางไหน หรือว่าจะขึ้นผิดฝั่งเลยทำให้หนิงเหมยจูภรรยาในนามคนนี้ของเขากลายเป็นคนดีขึ้นมา "อย่าพูดเรื่องหย่าอีก ฉันไม่เคยคิดที่จะหย่ากับเธอ มีแต่เธอนั่นแหละที่พูดว่าจะหย่ามาตลอด หากฉันไม่ตกเขาจนเดินไม่ได้ คิดว่าตอนนี้เราคงจะแยกทางกันเดินแล้ว ยิ่งฉันไม่ต่างจากคนพิการแบบนี้มีแต่เธอนั่นแหละที่อยากจะไป" "พี่จะพิการหรือไม่มันไม่สำคัญ ฉันรู้ว่าฉันสามารถดูแลพี่และเสี่ยวลู่ได้ และไม่ได้รังเกียจหากพี่จะพิการ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย พี่อยู่ได้ยังไงในห้องอับๆ แบบนี้ พอจะลุกได้ไหม เท้าแตะพื้นได้หรือเปล่า" หนิงเหมยจูเปลี่ยนเรื่องพูด แต่เธอก็ถามไม่คิดนะ คนขาหักจะลุกขึ้นเดินได้ยังไง แต่ด้วยรูปร่างของตงซีเฉินตอนนี้เขาผอมไม่ต่างอะไรกับไม่เสียบลูกชิ้น และจิตวิญญาณของเธอคือพัชราสตั๊นท์เกิร์ลอันดับต้นๆ ความแข็งแรงและแข็งแกร่งไม่ต้องพูดถึง และที่สำคัญร่างกายนี้ก็บำรุงตัวเองมาตลอด อยู่ๆ เธอก็ช้อนร่างของชายหนุ่มในท่าเจ้าสาวเดินออกมาด้านนอก ทำเอาตงซีเฉินร้องเสียงหลง "เฮ้ย!! ทำอะไร" "พาไปเที่ยวมั้ง พี่ก็ถามแปลก ลูกออกไปกินข้าวแล้ว พี่ขาหักมือไม่ได้หัก คงตักข้าวกินเองได้" หนิงเหมยจูไม่พูดเปล่า อุ้มชายหนุ่มเดินลิ่วๆ จนมาถึงโต๊ะอาหาร เสี่ยวลู่พอเห็นว่าแม่อุ้มพ่อออกมาเด็กน้อยที่กำลังมุ่งมั่นอยู่กับข้าวผัดไข่แสนอร่อยในจานจึงเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มตาหยี ก่อนจะปรบมือชอบใจ ตั้งแต่พ่อตกเขาเป็นเดือนๆ พ่อไม่เคยออกจากห้องเลย หนิงเหมยจูเดินไปตักข้าวโจ๊ก มีทั้งเนื้อมีทั้งไข่มายื่นให้ชายหนุ่มคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แต่สำหรับหนิงเหมยจูนั้นคิดว่าเป็นลูกเสียมากกว่า ตอนนี้คิดว่าเธอมีลูกสองคน คือเด็กชายตัวโข่งอย่างตงซีเฉินและลูกสาวตัวน้อยอย่างตงลู่จิง ********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม