"จริงของเซียงเหวินนะซีเฉิน เหมยจู ถ้าเกิดลุงอยากจะรับซีเฉินเป็นลูกบุญธรรมทั้งสองคนจะว่ายังไง" ไม่ใช่เขาไม่อยากรับเหมยจูเป็นลูก แต่เท่าที่คนขับรถเล่าให้ฟังตอนที่ถามทางมาบ้านสี่ เขาคิดว่าครอบครัวของตงซีเฉินนั้นคงไม่ปกติ และที่หนูน้อยเสี่ยวลู่พูดถึงแต่ยายและน้าฮุ่ยของเธอ นั่นเท่ากับเป็นการการันตีแล้วว่าครอบครัวตงไม่ใช่ครอบครัวที่ดีและอาจจะไม่ต้องการลูกชายคนนี้
สองสามีภรรยาตงซีเฉินและหนิงเหมยจูมองหน้ากันด้วยความตกใจ หากเป็นคนอื่นต้องรีบตอบรับแต่ไม่ใช่กับตงซีเฉิน เพราะเขารู้ว่าครอบครัวตงนั้นเป็นยังไง แม้จะดูจากท่าทางว่าตระกูลป้านไม่ใช่คนธรรมดาหรือเป็นชาวบ้านทั่วไปแบบพวกเขา แต่เขาไม่อยากให้ทุกคนต้องมาปวดหัวกับบ้านตง
"ผมดีใจนะครับคุณลุง ไม่ใช่ว่าผมไม่รับน้ำใจแต่เพราะผมไม่อยากให้ทุกคนต้องมาเดือดร้อนและมารับรู้ถึงความเห็นแก่ตัวของบ้านใหญ่ตง"
"พอจะเล่าให้ลุงฟังได้ไหมว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นยังไง บางทีปัญหาที่เราหนักใจหรือคิดว่าเรื่องใหญ่นั้นอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับลุงก็ได้" ป้านอ้าวเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่มีเรื่องไหนที่เขาแก้ไขไม่ได้ ยิ่งถ้าตงซีเฉินมาเป็นลูกบุญธรรมของเขายิ่งง่ายเข้าไปใหญ่หากเขาจะปกป้อง
ตงซีเฉินมองหน้าภรรยาเมื่อเห็นว่าหนิงเหมยจูนั้นพยักหน้า เขาจึงเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังอย่างละเอียด แม้ว่าตงซีเฉินจะเป็นคนเข้มแข็งแค่ไหน แต่เรื่องที่เขาเล่ามานั้นทำให้ดวงตาของชายหนุ่มคลอไปด้วยน้ำตา เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน เขากล้าพูดได้เลยว่าความสุขของเขาเกิดขึ้นมาอีกครั้งตอนมีลูกน้อยอย่างเสี่ยวลู่แม้ว่าแม่ของเสี่ยวลู่ขอหย่าหลังจากลูกเกิดได้ไม่กี่เดือนเพราะความจนและรับสภาพครอบครัวของเขาไม่ไหวเขาเองก็เข้าใจ และเขามารู้สึกและโหยหาครอบครัวอีกครั้งก็เมื่อไม่นานนี้ หลังจากที่หนิงเหมยจูภรรยาของเขาฟื้นขึ้นมา
หนิงเหมยจูนั้นกระชับมือของสามีไว้แน่ เธอเองยังรู้สึกน้อยใจและเจ็บปวดแทนแล้วสามีของเธอที่เป็นคนเจอกับสภาพความเป็นอยู่แบบนี้ หัวใจของเขาจะบอบช้ำแค่ไหนไม่ต้องคิดเลย เสี่ยวลู่เองก็เช่นกันถึงแม้ว่าเธอจะอายุแค่นี้ แต่ตั้งแต่จำความได้เด็กน้อยก็มีแต่พ่อเพียงคนเดียว แต่ตั้งแต่ที่แม่เหมยจูของเธอฟื้นขึ้นมาเธอจึงได้มีแม่เหมือนคนอื่นเขาและยังมียายรวมทั้งน้าฮุ่ยหมินอีกด้วย
"ซีเฉิน ลุงไม่บังคับให้นายต้องมาเปลี่ยนแซ่หรือว่าต้องมาใช้แซ่ป้าน ลุงรู้ว่านายรักและผูกพันปู่กับย่ามากแค่ไหน ท่านทั้งสองเลี้ยงนายมาด้วยความรักแทนพ่อแม่ของของนาย แต่การที่ลุงต้องการจะรับนายมาเป็นลูกบุญธรรมนั้นไม่ใช่เพียงเพราะนายและเหมยจูช่วยเซียงเหวิน
แต่ลุงรู้สึกถูกชะตานาย เซียงเหวินเองไม่มีน้องชายมีแต่น้องสาวและตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ การที่เซียงเหวินอยากรับนายเป็นน้องนั่นเพราะถูกชะตาจริงๆ และที่สำคัญลุงไม่จำเป็นต้องรับนายมาเป็นลูกบุญธรรมเลยด้วยซ้ำ การที่จะตอบแทนครอบครัวนายมีตั้งหลายวิธีลุงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ นายว่าจริงไหม" ป้านอ้าวเทียนเห็นใจตงซีเฉินไม่น้อยกับชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโต เขานั้นรู้สึกถูกชะตาจริงๆ ยิ่งกับเสี่ยวลู่เขาอยากจะขโมยกลับบ้านเสียเหลือเกิน
"ขอบคุณครับ ถ้าคุณลุงไม่กลัวว่าจะต้องเจอกับปัญหาผมก็ยินดีครับ" ตงซีเฉินคิดอย่างถี่ถ้วน การที่เขายอมรับที่จะเป็นลูกบุญธรรมของลุงป้าน เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เขาทำเพื่อภรรยาและลูกน้อง ต่อไปหากมีอะไรเขาจะได้ปกป้องภรรยาและลูกได้
"ขอบใจมากพรุ่งนี้พ่อจะมารับนายไปที่สำนักงานเพื่อจะทำเรื่องที่นายเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวป้านอย่างถูกต้อง นายเตรียมตัวไว้ก็แล้วกันนะ" ป้านอ้าวเทียนยิ้มดีใจที่ตงซีเฉินนั้นตอบรับเขา แต่ทั้งหมดยังไม่ทันที่จะทำอะไรต่อกลับได้ยินเสียงคนมาเรียกตงซีเฉินอยู่ที่หน้าบ้านด้วยความไม่พอใจ
"เจ้าสี่ แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ" ตงก้านเมื่อได้ยินในสิ่งที่สะใภ้ใหญ่มาบอกเรื่องข่าวลือทำให้เขาโกรธแทบอยากจะฆ่าคนได้ และคิดว่าเรื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้และบ้านอาของเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยข่าวลือนี้ออกมา มีเพียงเจ้าสี่ลูกชายตัวดีของเขาเท่านั้นที่จะทำได้
"เสี่ยวลู่ห้ามออกไปด้านนอกนะลูก ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่เกิดเรื่องน่าอายแบบนี้" หนิงเหมยจูบอกลูกสาวก่อนที่จะเอ่ยขอโทษกับทุกคน และจับมือสามีให้กำลังใจ จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินออกมาหน้าบ้านที่มีคนบ้านตงมายืนรออยู่
"ซีเฉิน เหมยจู เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนพวกนี้มากันอีกแล้ว" ฟู่เจียจิ่นวิ่งมาจากหลังบ้านมาหาลูกสาวและลูกเขยหน้าตาตื่น เธอรู้ว่าทั้งสองคนนั้นมีแขกมาหาเลยไม่เข้าไปรบกวน การที่บ้านตงมาโวยวายแบบนี้ไม่เท่ากับหักหน้าทั้งลูกสาวและลูกเขยของเธอเหรอ
"คงจะเป็นข่าวลือที่เกิดขึ้นในช่วงวันสองวันนี้แน่ครับ แม่ยายไม่ต้องห่วงทุกอย่างต้องเรียบร้อย วันนี้คงจะเป็นวันที่ผมต้องตัดขาดกับบ้านตงเสียที เพราะเหมยจูกำลังทำการค้าครั้งใหญ่กับพี่เซียงเหวิน หากบ้านตงรู้จะต้องเข้ามาวุ่นวายอีกแน่ครับ ดีเหมือนกันที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" ตงซีเฉิน คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะตัดขาดกับบ้านตงเสียทีไม่อย่างนั้นจะเกิดความวุ่นวายไม่เลิก
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี แม่จะได้สบายใจ ไม่ใช่เพราะเหมยจูกำลังทำการค้าหรอกนะ แต่แม่ไม่ชอบให้ใครมาก่อความวุ่นวาย" ฟู่เจียจิ่นไม่ชอบบ้านตงอยู่แล้ว ความเห็นแก่ตัวของบ้านตงนั้นมากเกินไป คงจะมีแค่ลูกชายคนรองนั่นแหละที่ดูผิดแปลกจากครอบครัว
"พวกแกจะพูดกันอีกนานไหม เจ้าสี่ แกกล้าดียังไงที่กระจายข่าวลือเรื่องบ้าน แกอยากให้พ่อคนนี้อกแตกตายเลยใช่ไหม" ตงก้านชี้หน้าด่ากราด
"พ่อพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ" ตงซีเฉินใช้ลูกมึนไม่ยอมรับ
"ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร แกมันลูกชั่วจริงๆ แล้วนี่แกกับเมียไปสร้างเรื่องอะไรอีก เศรษฐีในอำเภอถึงขับรถมาหาแกที่บ้านแบบนี้"
"ตกลงพ่อจะด่าผมเรื่องอะไร เรื่องข่าวลือหรือพ่ออยากรู้ว่ามีใครมาทำอะไรที่บ้านผมกันแน่" ไม่ใช่เขาอยากจะยียวนแต่ทั้งสองเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกันเลยแต่กลายเป็นพ่อของเขาสามารถเอามารวมกันได้
"ฉันมาทั้งสองเรื่อง ไม่รู้ว่าแกและเมียแกไปสร้างเรื่องอะไรกันมานะสิ อย่าให้เรื่องมาถึงตระกูลตงของฉันก็แล้วกัน ตอนนี้แกก็แยกบ้านไปแล้ว อย่าหาเรื่องมาให้ฉันอีก" ตงก้านรีบปัดเรื่องออกจากตัวการที่เศรษฐีมีเงินขับรถยนต์คันโตเข้ามาแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
"เรื่องที่คนมาหาผมพ่อไม่ต้องกลัวหรอก เรื่องพวกนี้ไม่มีทางไปถึงพ่อแน่ๆ ส่วนเรื่องข่าวลือผมไม่รู้เรื่องด้วย หากคิดว่าเป็นผมที่ได้ทำหรือปล่อยข่าวลือลงไป พ่อก็ควรจะหาพยานและหลักฐานมาด้วยว่าผมเป็นคนทำ ไม่ใช่ว่าพอมีเรื่องอะไรก็โยนมาให้ผมถึงแม้ว่าผมจะแยกบ้านจากบ้านตงแล้วก็ตาม ผมก็ลูกบ้านตงคนหนึ่งเหมือนกันแม้ว่าพ่อกับแม่จะไม่เคยคิดว่าผมเป็นลูกก็ตาม" ตงซีเฉินพูดน้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกว่าเขานั้นรู้สึกยังไง
"เจ้าสี่ แกยังคิดว่าเป็นคนของบ้านตงอีกเหรอ ในเมื่อแกกล้าปล่อยข่าวลือทำร้ายบ้านตงของฉันแบบนี้" ตงก้านพูดกลับ เขาไม่เคยคิดที่จะวุ่นวายกับลูกชายคนที่สี่เลย ถ้าพ่อและแม่ของเขาไม่อาสารับเลี้ยงเองเขาคงขายทิ้งหรือไม่เอาไปทิ้งในป่าแล้ว
"ถ้าพ่อสามีไม่คิดว่าพี่ซีเฉินเป็นลูก แล้วทำไมไม่ตัดขาดกับพี่ซีเฉินเลยล่ะ ทำไมทำแค่เพียงแยกบ้านเท่านั้น หรือว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงว่าเจ้าของบ้านที่แท้จริงนั้นคือพี่ซีเฉิน" หนิงเหมยจูอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
"แกมันแค่สะใภ้จะมารู้อะไร บ้านต้องเป็นของสามีฉันสิ พี่ตงก้านเป็นลูกชาย พ่อสามีจะมายกให้หลานชายอย่างเจ้าสี่ทำไม แกอย่าพูดซี้ซั้ว" แม่เฒ่าตงหรือกู้หลันรีบพูดขึ้นมา เธอไม่อยากให้ใครเชื่อข่าวลือนี้เพราะไม่อย่างนั้นการใช้ชีวิตในหมู่บ้านของครอบครัวเธอคงจะลำบากไม่น้อย การที่พ่อแม่แย่งชิงของที่เป็นของลูกนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย
"ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่สิ แม่สามีจะร้อนตัวทำไม" หนิงเหมยจูเบะปาก แค่นี้ชาวบ้านทั้งหลายก็รู้แล้วว่าข่าวลือนั้นเป็นความจริง
"เอาอย่างนี้ไหมครับ ถ้าพ่อกลัวเรื่องเดือดร้อน พ่อก็ทำหนังสือตัดขาดให้กับผม แล้วผมจะยกบ้านและโอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นให้กับพ่อ และหลังจากนี้บ้านตงกับผมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก แต่ผมยังคงใช้แซ่ตงตามเดิมเพื่อลำลึกถึงปู่และย่าผู้ที่เลี้ยงผมมาจนเติบใหญ่ ถ้าพ่อยินยอมพ่อก็ให้ใครไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาได้เลยพร้อมกับเอกสารทุกอย่างรวมถึงตามปู่เล็กให้มาที่นี่ด้วย พ่อตกลงไหม" ตงซีเฉินไม่ได้เสียดายบ้านหลังนั้น เขาทำแบบนี้คิดว่าดีที่สุดแล้ว
ตงก้านนั้นตาเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าลูกชายที่เขาแสนจะเกลียดนั้นยินดียกบ้านหลังนั้นให้เป็นชื่อของเขา คนเห็นแก่ตัวแบบเขามีเหรอที่จะไม่ตกลง เขาห่วงหน้าตายิ่งกว่าอะไรดี แม้ว่าตอนนี้ข่าวลือที่มีมาจะกลายเป็นเรื่องจริงว่าเขายึดเอาบ้านหลังนั้นมาเป็นของตัวเอง แล้วยังไงในเมื่อตอนนี้ทุกคนก็ได้ยินแล้วว่าตงซีเฉินลูกชายคนที่สี่นั้นยินยอมที่จะยกให้เขาด้วยความเต็มใจ
คนอื่นๆ ของบ้านตงที่มาด้วยกันนั้นต่างก็ยินดียิ่งลูกชายคนโตอย่างตงชุ่ยเหรินดีใจจนเนื้อเต้น เพราะคิดว่าหลังจากที่พ่อตายแล้วบ้านหลังนี้จะต้องตกเป็นของเขาแน่นอนเพราะเขาเป็นลูกชายคนโต แตกต่างจากตงเหวินซู่ลูกชายคนรองของบ้านตงที่มองน้องชายคนที่สี่ด้วยความเห็นใจ ตงซีเฉินเห็นสายตาของพี่ชายคนรองมองมาเขาจึงส่งสัญญาณกลับไปว่าเขาไม่เป็นอะไร พี่รองไม่ต้องช่วยเขาและอย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อนเด็ดขาด
**********************