อีกด้านหนึ่ง...
-Other-
เสียงของผู้คนรอบกายรวมถึงเสียงรถที่แล่นกันให้ขวักฝั่งข้างถนนนั้นไม่ได้กวนใจฟ้าใสเลยสักนิด หญิงสาวเดินคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่คิดว่าแก้มใสจะไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กับผู้ชายที่เธอแอบชอบมานาน อันที่จริงเธอรู้มาพักใหญ่ว่าเขามีน้องสาว แต่ไม่ได้ใส่ใจ บังเอิญซิ่วมาปีเดียวกันเลยถือโอกาสนี้คิดอยากให้หล่อนเป็นสะพานเชื่อมไปหาผู้ชายในฝันของเธอ แต่มันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจ
มังกรต่างจากเพื่อนของเขาที่เข้าหาง่าย อ่อยนิดอ่อยหน่อยอีกฝ่ายก็พร้อมเล่นด้วย แต่สำหรับมังกรแล้ว แค่เดินเฉียดเขายังถอยห่างเลย แล้วเรื่องอะไรเธอถึงจะเข้าใกล้เขาได้ มันไม่ง่ายเลยสักนิด
“โอ๊ย!...” เจ้าของร่างบางหงุดหงิด ฟ้าใสเดินมาที่สะพานลอยหน้ามหา’ลัย ก่อนจะเปิดประตูรถแท็กซี่คันหนึ่งขึ้นไป
“ไหนลูกบอกเลิกห้าโมงแต่นี่ทำไมเลิกช้าล่ะ” เสียงของคนขับแท็กซี่ที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ก็กว่าจะเดินมาถึง มันใกล้ที่ไหนล่ะ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน กอดอกเชิดหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อผ่านกระจกมองหลัง
“แล้วพอพ่อจะไปรับหน้าม.ก็ไม่ให้ไป”
“แล้วใครมันจะให้ไปล่ะ หนูอายคน...ขับไปเถอะน่า หิวจะแย่แล้ว” ฟ้าใสหน้าหงิกหน้างอ หลายอย่างไม่เป็นดั่งใจเอาเสียเลย
“แล้ววันนี้เป็นไงบ้าง คณะใหม่” คนเป็นพ่อขับรถออกอย่างช้า ๆ พลางชวนลูกสาวคุยไปด้วย
“อะไร ก็วันนี้แค่รับน้อง จะอะไรล่ะ” น้ำเสียงของคนเป็นลูกนั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิดจนคนเป็นพ่อเลิกถามไป หญิงสาวหันหน้ามองข้างทางผ่านบานหน้าต่างกระจก หัวคิ้วมนขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นเพื่อนใหม่กำลังลงจากรถออดี้คันหรู
...เธอกัดฟันแน่น แม้นจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ความอิจฉาก็มีมากเหลือคณาในอก ไม่นึกว่าแก้มใสจะไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กับมังกร แล้วอย่างนี้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองต่อสองจะเกิดอะไรขึ้น ไหนจะเรื่องเมื่อช่วงบ่ายที่แก้มใสอยู่ในห้องน้ำสองต่อสองกับมังกรอีก ยิ่งทำให้ความคิดในหัวฟ้าใสเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่
“โอ๊ย! อะไรก็ไม่เป็นใจ!!” เธอส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง ทำให้คนเป็นพ่อเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวผ่านกระจกมองหลัง
“คิดอะไรอยู่ล่ะหือ...พ่อหาเงินส่งให้หนูเรียนม.เอกชน ตามที่อยากเรียนแล้ว ไหนจะซิ่วเสียเงินค่าเทอมฟรี ๆ อีก ไม่เป็นดั่งใจยังไงล่ะลูก”
“เหอะ...ก็ถ้าเป็นใจแล้วพ่อจะบ่นทำไมล่ะ อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่ได้เป็นใจ” เธอว่าด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง ที่ซิ่วก็เพราะเป็นสาขาวิชาที่จบแล้วมีงานง่ายกว่าคณะที่เรียนก่อนหน้านี้ แม้นจะเป็นเหตุผลรองที่จะได้ย้ายไปอยู่ใกล้กับมังกร ผู้ชายที่แอบชอบมานาน แต่ก็ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ถ้าได้เขาเป็นแฟน เธอจะได้หลุดจากวงจรความจนอุบาทว์นี้เสียที...
เวลาต่อมา...
-แก้มใส-
ฉันไม่คิดว่าเฮียมังกรจะกลับมาแล้ว พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็เห็นเขานอนอยู่บนโซฟา ตัวของเขายาวมากจนปลายเท้านั้นเลยโซฟามาเล็กน้อย
“หลับนี่เอง” ความน้อยใจที่เขาไม่มารับก็ลดน้อยลงทันควัน ตอนแรกก็นึกว่าเขาเฉยเมยไม่อ่านไม่ตอบข้อความ แต่ที่ไหนได้มาแอบนอนนี่เอง
...ฉันเดินมานั่งลงที่พื้นพรมทางด้านล่างโซฟา เท้าคางที่โต๊ะกระจกขนาดเล็กหน้าทีวี พินิจมองใบหน้าของเฮียมังกรทุกอณูรูขุมขน
ฉันชอบพี่เขา คิดถึง นึกถึงตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร คงเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่เด็ก รวมถึงความรู้สึกผิดต่อเขาที่แม่ชอบกลั่นแกล้งเขา ฉันไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกหนักอกหนักใจ เป็นห่วง คิดถึงแบบนี้มันเรียกว่ารักไหม แต่ถ้ามันใช่...ฉันก็รักพี่เขามากเลยล่ะ
บางเวลาก็อยากกอดเขาแรง ๆ สงสารที่จะต้องโดนเตี่ยตีบ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย เพราะอย่างนี้ไม่ว่าเขาจะใจร้ายกับฉันมากแค่ไหน ฉันก็ยังอยากอยู่กับเขาเรื่อย ๆ เหมือนเดิม
แต่ตอนนี้
อยู่ ๆ เฮียมังกรก็ลืมตาขึ้นโดยที่ไม่มีสัญญาณ ไม่ว่าจะการขยับคิ้ว ขยับตัว ไม่มีเลย อยู่ ๆ ก็ลืมตาโพล่งขึ้น
“เอ่อ...” และไม่ได้พูดอะไร ทำให้ฉันที่นั่งมองอยู่นี้ตกใจอยู่คนเดียว เลิ่กลั่กหันซ้ายมองขวา ยกมือขึ้นเกาคอของตัวเองอย่างคนทำตัวไม่ถูก
“พะพอดีว่าฉันเห็นว่ามียุงบินมาตรงจมูกของเฮียก็เลยปัดออกให้ค่ะ” อยากจะตีปากตัวเองที่แก้ตัวน้ำขุ่น ยุงเยิงอะไรจะบินเข้ามาในคอนโดฯที่สูงถึงชั้นสามสิบเอ็ดนี้ได้
...เฮียมังกรไม่ได้ตอบอะไร เขาผุดลุกขึ้นนั่งด้วยสายตาปรือ ๆ อาการงัวเงียหลังตื่นนอน ความนิ่งเงียบไม่โวยวายว่าฉันมานั่งมองหน้าเขาอยู่ทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ
“เฮียกินน้ำไหมคะ หมวยไปเอาให้” ฉันพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืน แต่ทว่า
หมับ!
“อ๊ะ...” เขากลับยื่นมือมาคว้าข้อมือของฉัน จนฉันเสียหลักจะล้มใส่เขา แต่เฮียก็ยกมืออีกข้างมาดันหน้าผากฉันไว้ ทำเอาฝันที่จะได้นั่งตักเฮียล้มไม่เป็นท่า
“ตะตกใจหมดเลย”
“น้ำหมด”
“คะ?”
“ในตู้ไม่มีน้ำ” เขาว่าเสียงนิ่งเรียบ จริงด้วย...เมื่อวานฉันเห็นมีแค่ขวดเดียว พอกินข้าวเมื่อคืนฉันก็กินน้ำหมดเลย
“งั้นเราไปซื้อของมาไว้ในครัวดีไหมคะ เพราะว่าในตู้ไม่มีอะไรเลย”
“ไม่ละ” เขาว่าเสร็จก็ปล่อยมือออกจากแขนของฉัน ก่อนจะขมวดคิ้วเหมือนว่าเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก “แล้วเธอกลับมายังไง”
“อ้อ ติดรถพี่ไวเปอร์มาน่ะค่ะ พี่เขาเห็นฉันเดินอยู่บนฟุตบาท กะก็เลย...” จากที่พูดด้วยน้ำเสียงสดใส แต่พอเห็นแววตาไม่พอใจของเขาก็ทำให้เสียงของฉันเปลี่ยนไปอย่างอัตโนมัติ
“เธอขึ้นรถคนอื่นง่าย ๆ อย่างนี้เลย?” น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวขึ้นมา เฮียมังกรข่มฉันด้วยสายตาจนฉันพูดไม่ออก
“คะคือว่า...เพื่อนฉันก็มาด้วยค่ะ พอดีว่าพี่ไวเปอร์แค่ขับผ่านเลยรับไปด้วยแค่นั้นเอง”
“แค่นั้น? หัดคิดอะไรเป็นซะบ้าง เธอคิดว่ามันเป็นคนดีหรือไง”
“_”
“เธอแม่ง...โง่หรือไงวะ” เขาว่าพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ เหมือนกับกำลังบ่นกับตัวเองเสียมากกว่า แต่ว่าคำพูดมันรุนแรงมากเลย
“ฉันผิดอะไรคะ ก็พี่เขาก็เป็นเพื่อนของเฮีย แล้วฉันก็ไม่ได้ไปคนเดียว” ฉันเริ่มขึ้นเสียงบ้าง เฮียมังกรหันมามองฉันอีกครั้ง
“_” แล้วก็ไม่พูดอะไร
“เฮียด่าฉันโง่ ฮึก ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ฮือ~” เพราะความน้อยใจทำให้ฉันร้องไห้ออกมา ถ้าเป็นคนอื่นด่าก็ไม่รู้เสียใจเท่ากับที่เป็นเขา พูดจบฉันก็เดินหนีเข้าห้องของตัวเอง ปล่อยน้ำตาออกมาหนัก ๆ ไม่เห็นต้องพูดขนาดนี้เสียด้วยซ้ำ ใครจะอยากเป็นคนโง่กันล่ะ
“ฮึก ฮือ~” ฉันขึ้นเตียงมานั่งกอดเข่า ร้องไห้โฮด้วยความน้อยใจ จะชินก็ไม่ชินสักที ยิ่งโตเป็นสาวความรู้สึกที่เกินพี่น้องนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันน้อยใจเขามากกว่าเดิม
...ร้องไห้จนเพลียเขาก็ไม่มีท่าทีจะมาง้อ ฉันก็ร้องจนขี้เกียจร้องแล้ว แถมเวลานี้ก็หิวแล้วด้วย ก็เลยหยุดร้องไห้เองแล้วไปอาบน้ำเผื่อจะได้ออกไปซื้อข้าว
ฉันใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเลยเพราะหิว และก็แต่งหน้าบาง ๆ ด้วยลิปสติกหนึ่งแท่ง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมา คิดจะส่งข้อความหากอหญ้าเผื่อว่าเธอจะไปหาอะไรกินเหมือนกัน แต่พอเห็นข้อความที่ฟ้าใสส่งมาแล้วก็ทำให้ฉันไม่อยากไปเลย
[ไปหาไรกินไหม จะได้ชวนกอหญ้าด้วย]
ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน บอกตรง ๆ ว่าลำบากใจ ถ้าฟ้าใสเข้าหาแบบอื่นมันก็ดี แต่เธอมีจุดประสงค์น่ะสิ ฉันก็เลยเลือกที่จะโกหกออกไป
“พอดีว่ากินแล้วน่ะ” ส่งข้อความเสร็จก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายข้าง ฉันส่องกระจกดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกรอบ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเฮียมังกรยืนอยู่ตรงหน้า ดีที่ประตูเป็นแบบดึงเข้าไม่งั้นฉันว่าบานประตูกระแทกหน้าเขาแน่ ๆ ว่าแต่...เขามายืนทำไมตรงนี้
“มีไรคะ” ฉันว่าด้วยน้ำเสียงงอน ๆ เชิดหน้าขึ้นด้วย เพื่อบอกให้เขารู้ว่าฉันกำลังไม่พอใจ เฮียมังกรก็มองหน้าฉันนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไรอีกตามเคย ทำให้ฉันก้าวขาเดินเลี่ยงเขาไป แต่ทว่า
“ไหนบอกจะไปซื้อของ”
“_”
“ไม่ไปแล้วหรือไง” น้ำเสียงทุ้มลึกนี้ทำให้ใจของฉันเต้นตึกตัก แม้นจะราบเรียบและไม่มีโทนเสียงอ่อนเชิงง้อเลยสักนิด แต่คำพูดเอ่ยชวนนี้...ก็ทำให้ฉันรู้แล้วล่ะว่าเขากำลังง้ออยู่