เวลาต่อมา...
-แก้มใส-
ฉันเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่โรงอาหาร แต่ไม่สามารถไปมุงดูได้เหมือนกับคนอื่น ๆ ด้วยความที่กำลังเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง แต่ก็พอรู้ว่าจะต้องเป็นแก๊งเฮียมังกรแน่ ๆ เพราะว่าพวกเขาเคยก่อเรื่องจนเตี่ยต้องมาเคลียร์ที่มหา’ลัยบ่อย ๆ
“โอ๊ย ๆ”
“จ...เจ็บเหรอคะ” ฉันชะงักฝ่ามือเมื่ออยู่ ๆ พี่เสือก็ร้องโอดครวญขึ้นมาเสียงดัง ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมากุมมือของฉันด้านที่ถือสำลีอยู่
“เจ็บสิจ๊ะ แต่ว่าพี่ชอบ...พี่ชอบความเจ็บปวดน่ะ” ฉันทำหน้าแหยหน่อย ๆ เพราะพี่เสือเขาหน้าหม้อมาก แม้นว่าจะหล่อมาก แต่นิสัยของเขามันลดทอนความหล่อของเขาไปมากเลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้พี่เอมิเลียก็ทำหน้าเหมือนจะอ้วก ส่วนเฮียมังกร...มองฉันตาแข็งมาก
“เฮ้ยไอ้มังกร...ตามึงจะถลนออกมาอยู่แล้ว” เฮียไม่ตอบแต่ตวัดสายตาไม่พอใจมองพี่เสือกลับคืน
“โกรธว่ะ ฮ่า ๆ หวงน้องขนาดนี้ใครจะกล้าเข้าใกล้อาหมวยล่ะ” พอพูดคำว่าหวง ก็ทำให้ฉันรู้สึกดีใจ แม้นจะไม่มั่นใจว่าสถานะไหนก็ตาม “ว่าแต่ หมวยมีคนที่ชอบยัง”
“หือ...เอ่อ...” พอพี่เสือถามอย่างนี้ก็ทำให้ฉันเลื่อนสายตาไปมองเฮียมังกร “พอดีว่าเตี่ยไม่ให้มีแฟนค่ะ”
“เหรอ...อย่าไปเชื่อเตี่ยมาก เชื่อพี่ดีกว่า แต่ถ้าหมวยอยากเรียนรู้การมีแฟน มาปรึกษาพี่ได้นะ” พี่เสือไม่หยุดพูดเลยให้ตายสิ ฉันว่าแผลจะไม่หายเพราะเขาพูดมากนี่แหละ ทว่า
“เลิกพูด หมวย ๆ อะไรของมึง พ่อแม่มึงเป็นคนจีนหรือไง” เฮียมังกรพูดเสียงเข้ม ดูเขาจะไม่พอใจมาก หนำซ้ำยังยื่นมือมาคว้าเอาสำลีจากมือของฉันไปอีก
“โอ๊ย ๆ” ก่อนจะกดลงแรง ๆ ที่แผลบริเวณมุมปากของพี่เสือ ทำเอาอีกฝ่ายร้องจ๊ากเลยทีเดียว
“หึ...” ฉันหลุดขำออกมา ก่อนจะโดนสายตาคมของเฮียมังกรตวัดมองอย่างไม่พอใจ เล่นเอาฉันหุบยิ้มแทบไม่ทัน เฮียมังกรทิ้งสำลีในมือ ก่อนจะเปลี่ยนมาคว้าข้อมือของฉันให้ลุกขึ้น โดยที่ไม่พูดอะไรตามเคย
ปัง!
“อ๊ะ...” เฮียมังกรพาฉันเข้ามาในห้องน้ำผู้ชาย ก่อนจะกระแทกประตูห้องน้ำปิดแรง ๆ จนฉันสะดุ้งโหยงหลุดเสียงอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เธอไม่รู้อะไรเลยเหรอวะ!”
“ระรู้อะไรคะ” เขาข่มเปลือกตาปิดลง ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะเอ่ยพูดว่าไม่รู้ออกมาอย่างนี้
“มันจับ มันแตะเนื้อต้องตัวเธอ เธอก็ควรพูดว่าไม่เล่นด้วย อย่าทำ ปัดป้องบ้างสิวะ” ฉันกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าจะต้องตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างสิ่งที่เขาพูด หรือคำพูดยาวเหยียดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินนี้
“กะก็พี่เสือก็พูดอย่างนี้ตลอด ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมแล้ว” ฉันก็แค่คิดว่ามันเป็นปกติของเขา แต่ว่าเฮียมังกรนี่แหละที่ผิดปกติ
“แล้วตอนนี้มันเหมือนตอนนั้นไหม หือ...”
“ก็...เหมือน ๆ กัน” ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะโวยวายไปทำไม “แล้วทำไมต้องตะคอกตลอดด้วย”
“_”
“เฮียหวงฉันเหรอ”
“_”
“หรือหึงกันแน่” ฉันลุ้นคำตอบจากคนตัวโตจนตัวโก่งเลยล่ะ ทว่า
“เพ้ออะไร ถ้าเกิดเกิดเรื่องอะไรแล้วเตี่ยรู้ เธอคิดว่าใครจะถูกทำโทษ เธอ...หรือฉัน?” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ นึกว่าจะตอบว่าทั้งหวงและหึง เฮียมังกรดับฝันแล้ว
“แค่นี้ใช่ไหมคะ เฮียไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตราบใดที่พี่เสือไม่ได้เอาจริง ฉันก็ไม่ทำให้พี่เดือดร้อนหรอก”
“เธอรู้ได้ไงว่ามันไม่ได้เอาจริง เธอรู้จักมันดีแค่ไหน ดีกว่าฉันที่ใช้ชีวิตกับมันมาตลอดหรือไง” เป็นครั้งที่สองที่เขาพูดยาวแบบนี้ เล่นเอาทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“ไม่รู้ค่ะ” ฉันตอบเสียงอ่อน เอาจริงก็เริ่มหวั่นใจกับการลวนลามของพี่เสือเหมือนกัน
“หึ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา...เธออย่าทำให้ฉันต้องเดือดร้อน” เขาว่าเสียงเย็นยะเยือกจนไรขนอ่อนที่แขนของฉันลุกเกลียว ก่อนที่เฮียมังกรจะผละตัวออกห่างจากตัวฉัน เขาเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่รอฉันเลย
“พู่ว~” ฉันพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ค่อนข้างโล่งอกที่ไม่ได้ใครอยู่ในห้องน้ำ แต่ก็ต้องรีบเดินออกจากที่นี่ก่อนจะมีคนมา ทว่าพอเดินพ้นขอบประตูห้องน้ำเท่านั้นแหละ
“ฟ้าใส...” ฉันกลับเห็นฟ้าใสยืนมองอยู่ เธอนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา
“พอดีรุ่นพี่ให้มาตามน่ะ หมดเวลาพักแล้ว”
“อ้อ...โอเค” ฉันก็ทำตัวไม่ถูก แต่ถ้าจะถามว่าเห็นเฮียมังกรออกจากห้องน้ำไหมก็กลัวว่าจะเป็นการโยนหินถามทาง คิดในแง่ดีไว้...ฟ้าใสอาจจะมาไม่ทันเห็นเฮียมังกรออกจากห้องน้ำก่อนฉันก็ได้...
ตกเย็น...
หลังจากเสร็จกิจกรรมรับน้องวันนี้ เราสามคนก็เดินออกมาหน้าคณะฯ กอหญ้าเงียบมาก เธอเหมือนทำตัวไม่ถูกและก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน
“กลับยังไงอะกอหญ้า” เธอเล่าว่าพักที่อะพาร์ตเมนต์ไม่ไกลจากมหา’ลัย
“อ้อ ก็คงเดินแหละ ไม่ไกลเท่าไร”
“เหรอ แล้วเธอล่ะ” ฉันหันไปถามฟ้าใสบ้าง ตั้งแต่ที่ฉันออกจากห้องน้ำเมื่อช่วงบ่ายนั้น ฟ้าใสก็เงียบไปเลย
“ก็เดี๋ยวคุณแม่มารับน่ะ” ฟ้าใสตอบด้วยน้ำเสียงต่างจากเดิมมาก คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนบ่าย และเรื่องที่เธอรู้ว่าฉันกับเฮียมังกรไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ
“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะเดินไปส่งกอหญ้าที่หอก่อน” บอกตามตรงว่าฉันอยากแยกตัวออกจากฟ้าใส เราเพิ่งเจอกันความผูกพันยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ คนเราเลือกได้ถูกไหม...ฉันว่าฉันเลือกที่จะไม่เป็นเพื่อนกับฟ้าใสดีกว่า หากว่าเธอชอบเฮียมังกรเหมือนกับฉัน ไม่เช่นนั้นมันก็จะมีปัญหาไม่รู้จบ
“อือ เอางั้นก็ได้” ฉันลอบยิ้มในใจเพราะนึกว่าฟ้าใสจะไม่ยอมเสียอีก
“ถ้างั้นแยกกันตรงนี้เลยเนอะ บาย ๆ” ฉันยกมือขึ้นโบกลาฟ้าใส ซึ่งเธอก็ยกมือลาฉันเหมือนกัน ก่อนที่เธอจะเดินจากไป
“แล้วหอเธออยู่ไหนนะ”
“อ้อ เดี๋ยวเราพาไป...เราเองก็จำทางไม่ได้” กอหญ้าว่าเสียงอ่อน เธอยิ้มแหย ๆ เหมือนกับว่าทำตัวไม่ถูก “แล้วแก้มไม่กลับเหรอ”
“อ้อ เรารอเฮียมังกรมารับน่ะ ส่งข้อความไปยังไม่อ่านเลย”
“ไม่ลองโทรไปล่ะ” คำพูดของกอหญ้าทำให้ฉันนิ่งไปพักหนึ่ง ซึ่งเราสองคนกำลังเดินอยู่บนฟุตบาทข้างถนน
“ไม่รู้สิ ถ้าข้อความไม่อ่านโทรไปก็คงไม่มีประโยชน์” หลาย ๆ ครั้งมันก็เป็นแบบนี้นี่แหละ ตอนที่เราเรียนประถม-มัธยมด้วยกันเฮียก็มักจะหนีฉันกลับก่อน หรืออาจจะกลับไปกับเพื่อน โดยทิ้งฉันไว้ให้เตี่ยมารับทุกครั้ง
แต่แล้ว
ปิ๊ด!
“อ๊ะ!...” อยู่ ๆ ก็มีเสียงบีบแตรรถดังขึ้นทางด้านหลังเราสองคน ฉันกับกอหญ้าสะดุ้งพร้อมกับหลุดเสียงอุทานออกมา
“ใครเหรอ” ฉันขมวดคิ้ว เสียงของกอหญ้านั้นเต็มไปด้วยความฉงนใจ ก่อนที่รถคันหรูจะค่อย ๆ แล่นมาเทียบฟุตบาทตรงที่เราสองคนยืนอยู่ พร้อมกับการเลื่อนบานกระจกลงของเจ้าของรถยนต์คันหรูนี้
“หมวยจริงด้วย”
“พี่ไวเปอร์!” ฉันฉีกยิ้มออกมาเมื่อเห็นผู้มาใหม่ พี่ไวเปอร์เป็นเพื่อนกับเฮียมังกรอีกคน เขาฉีกยิ้มโชว์ซี่ฟันเรียงกันสวย ซึ่งพี่ไวเปอร์อยู่ในชุดรับน้องเหมือนกับเรา ๆ แต่เป็นสีต่างออกไปเพราะเรียนคนละคณะ
“จะไปไหน อย่าบอกนะว่าไอ้มังกรมันทิ้งหมวยให้เดินเตร่กลับเองอีก” ฉันหน้ามุ่ยทันที เพราะเฮียมังกรทำแบบที่พี่ไวเปอร์พูดบ่อยครั้ง ไม่พอใจก็ไล่ฉันลงจากรถ เมื่อก่อนยังดีที่มีคนขับรถมารับได้ แต่ตอนนี้ฉันโตแล้วจะต้องพึ่งพาตัวเอง
“ไม่ใช่ค่ะ พอดีเฮียยังไม่มารับ”
“อ้อ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง” บอกฉันทีเถอะว่าพี่ไวเปอร์อยากจะไปส่งฉันจริง ๆ ก็เขาเล่นมองแต่กอหญ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จนเธอหลบสายตา “ว่าแต่...เพื่อนเหรอ”
“หึ...” ฉันแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อสิ่งที่คิดในหัวนั้นเป็นจริง พี่ไวเปอร์สนใจกอหญ้าจริง ๆ “ใช่ค่ะ เธอชื่อกอหญ้า...และก็กอหญ้านี่พี่ไวเปอร์เป็นเพื่อนกับเฮียมังกรน่ะ”
“อ้อ สวัสดีค่ะ” เธอยกมือขึ้นไหว้ ทำเอาพี่ไวเปอร์รีบยกมือขึ้นปราม
“ไม่ถึงกับต้องไหว้หรอก พี่ยังไม่แก่นะ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงตัดพ้อหน่อย ๆ “ขึ้นมาสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ค่ะ...” ฉันรีบตอบรับ แต่กอหญ้ากลับยิ้มบาง ๆ ไม่เดินตามฉันมาเสียอย่างนั้น
“มาด้วยกันสิ ให้พี่ไวเปอร์ไปส่ง”
“คือหอเราไม่ไกลน่ะ”
“หอไหนล่ะ” พี่ไวเปอร์ถาม
“เอ่อ...”
“พี่รู้จักทุกหอ” เขาว่าน้ำเสียงราบเรียบ แต่ฉันก็พอรู้เรื่องของพี่เขามามากพอสมควร พี่ไวเปอร์มีแฟนเยอะมากตั้งแต่มัธยมที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน บางทีคบทีละสองสามคนเลย
“เอ่อ...หอร่วมฤดีค่ะ ไม่ไกลประตูสอง” เธอว่าพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ
“อ้อ แต่นี่ประตูห้านะ”
“หือ? ...” ฉันกับกอหญ้าหันมามองหน้ากัน ท่าทีเหลอหลาของเราสองคนทำให้พี่ไวเปอร์หัวเราะเบา ๆ
“ไม่รู้เหรอ มหา’ลัยมันใหญ่นะ ประตูทางออกแต่ละบานก็ไกลกัน” เขาถามด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ เชิงกดดันกอหญ้าให้เธอขึ้นรถไปด้วย ซึ่งฉันน่ะไม่ติดอะไรถ้าพี่ไวเปอร์จะไปส่งด้วยความที่เรารู้จักกันมานาน แต่ว่ากอหญ้าคงไม่สบายใจ
“ฉันเกรงใจน่ะค่ะ”
“ไม่หรอก พี่ผ่านทางนั้นพอดี”
“มาเถอะ...” ฉันตัดบทสนทนาคนทั้งสองโดยการคว้าข้อมือของกอหญ้าให้เดินมาขึ้นรถของพี่ไวเปอร์ เธอน่าจะเกรงใจจริง ๆ อีกอย่างนะ...พี่ไวเปอร์ก็ดูสนใจเธอมากเหมือนกัน