“นี่เทียนหลง จริงหรือไม่ที่เจ้ามันเป็นคุณชายไร้ประโยชน์น่ะ แม้แต่ตระกูลของเจ้าก็ไม่มีผู้ใดเห็นหัวเจ้าสักคน ฮ่าฮ่าฮ่า”เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ จึงเริ่มได้ยินบทสนทนา ดูเหมือนข่าวลือนี้จะเคยเกิดขึ้นจริง ๆ ละเหตุการณ์นี้จะทำให้น้องสี่เกลียดชังทุกคนในตระกูล แม้แต่มารดาของตนเองก็ไม่เว้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าก็ว่าไปอู๋เจ๋อ คุณชายเทียนหลงเป็นถึงคุณชายรองสกุลจ้าว จะเอ่ยสิ่งใดก็ระวังไว้หน่อยสิ ประเดี๋ยวเทียนหลงวิ่งไปฟ้องท่านแม่ของตนเราจะแย่เอา”
“เหอะ ฟ้องไปก็ไม่มีใครสนใจหรอกน่า แล้วดูสิ สตรีเขาไม่ได้มีใจให้เจ้า เหตุใดยังมาตามรังควานนางอีก ถอยออกไปจากนางนะ เจ้าคนไร้ค่า”ที่เด็กพวกนี้พูดมาไม่มีข้อใดที่ผิด แม้ว่าน้องสี่จะเคยเอาเรื่องพวกนี้ไปฟ้องหรือบอกแม่รองและท่านพ่อ หรือแม้แต่แม่ใหญ่ ก็ไม่มีใครมาสนใจเรื่องนี้ ทุกคนกลับมองว่าเป็นเพียงเรื่องของเด็ก แม้แต่นางเองก็ทำเป็นไม่สนใจ ถึงจะรู้ว่าตนเองสามารถออกหน้าให้น้องสี่ได้ก็ตาม
แต่ครั้งนี้ไม่แล้ว นางยังจำตอนที่ถูกขังรอวันประหารได้ดี น้องสี่ยัดอาหารของตนให้นาง ทั้งที่ตนเองก็หิวจะตายเหมือนกัน และนั่นเป็นไม่กี่ครั้งที่นางหลั่งน้ำตาออกมา นางไม่เคยมองรอบตัวเลยว่ามีใครรักหรือต้องการนางจริง ๆ บ้าง น้องสี่ก็เหมือนกับนาง...ไม่มีใคร
แม้แต่แม่รองก็หาได้ใส่ใจเทียนหลงจริง ๆ หรือจะใส่ใจจริงนางก็ไม่อาจรู้ นางรู้เพียงว่าแม่รองเข้มงวดและคาดหวังกับน้องรองมาก เพราะใครก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่เทียนคุนจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลได้ แต่ความผิดหวังที่บุตรชายไม่ได้ดั่งใจนั้นรุนแรงนัก มันทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกเริ่มเหินห่าง จนแม้แต่วันสุดท้ายใกล้ประหาร น้องสี่ไม่มีแรงพยุงตัวเองอีก เจ้าตัวยังเลือกนอนหนุนตักพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องอย่างนางแทนที่จะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด
“จ้าวเทียนหลง”นางจะไม่ยอมให้ไอ้พวกคุณชายเศษเดนมาพูดจาทำร้ายจิตใจของเด็กหนุ่มที่กำลังสดใสแตกสลายอีกแน่ รวมถึงสตรีนางนี้ด้วย คิดว่าตนเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางแล้วจะทำสิ่งใดตามใจตนเองก็ได้งั้นหรือ
“...พี่รอง”เทียนหลงที่ยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศิษย์ในสำนักและชาวบ้านได้ยินเสียงเข้มงวดที่แสนคุ้นเคยเอ่ยชื่อตนถึงกับเบิกตากว้างอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก พี่รองจะต้องไม่พอใจเป็นแน่ที่เขามีเรื่องกับคนอื่นกลางถนนเช่นนี้
“ใช่ ข้าเอง เจ้าจำได้นี่ว่าข้าเป็นผู้ใด เช่นนั้นแล้วเจ้าจำได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใด”นางยังคงใช้น้ำเสียงปกติ แต่คนอื่น ๆ ที่ได้ยินนั้นรู้สึกว่านางกำลังดุน้องชายของตน ข่าวลือว่าคุณหนูรองจ้าวงดงามราวกับเทพปีศาจนั้นเป็นจริงตามคำเล่าลือจริง ๆ เสียอย่างเดียวที่นางช่างเย็นชาและเข้มงวดนัก บุรุษที่ใดจะชมชอบสตรีนิสัยเช่นนี้เล่า เพียงเข้าใกล้ก็ราวกับว่านางสามารถใช้สายตาฟันคอคนที่อาจหาญเข้าใกล้ได้แล้ว
“ข้า พี่รองหมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ”เขาไม่เข้าใจ ก็นี่พี่รอง ส่วนเขาก็จ้าวเทียนหลง บุตรคนที่สี่ของตระกูลจ้าวมิใช่หรืออย่างไร
“ข้าถามเจ้าก็แค่ตอบ”
“ข ขอรับ ข้าคือจ้าวเทียนหลง คุณชายรองตระกูลจ้าว และเป็นบุตรคนที่สี่ของตระกูลขอรับ”
“เจ้าก็จำได้นี่เทียนหลง แล้วเจ้าจำได้หรือไม่ว่าข้าเป็นใครและทำสิ่งใดได้บ้าง”
“...ขอรับ”พี่รองก็เป็นพี่รองที่เข้มงวดและดุอย่างไรเล่า แม้แต่ท่านพ่อและแม่ใหญ่ยังไม่กล้าทำสิ่งใดพี่รองเลย
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดเจ้าไม่สั่งสอนพวกคุณชายไร้มารยาทเช่นนี้ไปเสีย หรือพวกคุณหนูคุณชายที่อยู่ตรงนี้คิดว่าตระกูลจ้าวเป็นเพียงตระกูลพ่อค้าจึงไม่คิดเกรงใจกันเจ้าคะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากใครแม้แต่คนเดียว หึ ทีอย่างงี้ล่ะไม่กล้าพูด ทีก่อนหน้านี้เหยียดหยามคนอื่นลงดินจนคิดว่าคนพวกนี้เป็นเทพเซียนมาจากไหนเสียอีก
“ไม่ตอบข้าหน่อยหรือเจ้าคะ ว่าอย่างไรคุณหนูหม่า ครานั้นยืนยันว่ารักน้องสี่นักหนามิใช่หรือเจ้าคะ ถึงกับมาร้องห่มร้องไห้ถึงที่จวนว่าอยากจะหมั้นกับเทียนหลง เวลานี้เจอบุรุษที่ถูกใจคนใหม่แล้วงั้นหรือเจ้าคะ จุ๊ๆๆช่างง่ายนัก”
“...พี่รองขอรับ”
“ไม่ใช่อย่างที่ท่านเอ่ยนะคะเจ้าคะ ข้า ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น เป็นเทียนหลง เทียนหลงมาหลงรักข้า ทั้งยังตามตื้อข้าไม่เลิก คุณชายเหล่านี้เพียงช่วยข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ ฮึก คุณหนูจื่อเวยอย่าว่าร้ายข้าเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ”
“ข้าหรือว่าร้ายเจ้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน เรื่องเพียงเท่านี้ไม่ต้องไปดูให้เห็นกับตาข้าก็รับรู้หมดนั่นแหละหากต้องการ นี่คุณหนูหม่า ข้าจะบอกอันใดให้ฟังดีหรือไม่...หึหึหึ ข้าน่ะ แม้จะไม่เคยสนใจเทียนหลงนัก แต่พวกเจ้าอย่าลืมว่าเขาเป็นน้องชายของข้า หรือพวกเจ้าคิดว่าพวกเรามาจากตระกูลพ่อค้าจึงไม่เกรงใจกัน เช่นนั้นให้ข้าเอ่ยในนามของหลานสาวท่านเสนาบดีซ่งดีหรือไม่ หืม ว่าอย่างไร”
เสียงซุบซิบเริ่มแตกเป็นสองฝั่งหลังจากจบคำพูดของนาง บางคนสาแก่ใจที่คุณหนูคุณชายเหล่านี้ถูกตอกหน้าหงายจนเถียงไม่ออก บางคนก็ไม่เชื่อว่าตระกูลซ่งจะออกหน้าให้นางจริง ๆ อย่าลืมว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนตระกูลจ้าว หาได้ใช้แซ่ซ่ง
ที่คนพวกนั้นคิดเช่นนั้นเพราะที่ผ่านมาจื่อเวยไม่ค่อยปรากฏตัวมากนัก จะพบนางได้แค่ที่สำนักศึกษาและงานสำคัญ ๆ เท่านั้น แต่ส่วนมากแล้วนางก็แทบจะไม่ออกไปร่วมงานใดเลย ทำให้บางคนนั้นไม่เคยเห็นตัวจริงของคุณหนูจ้าวจื่อเวยผู้นี้จริง ๆ จะได้ยินก็เพียงเสียงเล่าลือว่างดงามกว่าสี่ยอดพธูเสียด้วยซ้ำ
“เอ่อ แม่นางจื่อเวย อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยขอรับ พวกข้าเป็นสหายของเทียนหลงที่สำนัก เพียงผิดใจกันเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วงอย่างที่ท่านคิดหรอกขอรับ”
“ใช่ขอรับ ท่านคิดมากไปแล้ว”อย่าลืมสิว่าคุณหนูรองผี้เป็นหัวหน้าศิษย์ หากมีปัญหากับนางย่อมไม่ดีนัก
“เรื่องนั้นข้าคงต้องถามเทียนหลงว่าเขาสนุกไปกับการหยอกล้อนี้หรือไม่ ว่าอย่างไร เทียนหลง”
“...ข้าไม่สนุกขอรับ”
“ได้ยินหรือไม่ คุณหนูและคุณชายทุกท่าน ข้าคิดว่าพวกท่านอาจจะเข้าใจคำว่าหยอกล้อผิดไป อาจจะมาจากการไม่ตั้งใจศึกษาในห้องเรียน หรืออาจจะมาจากการเลี้ยงดูข้าก็ไม่อาจยืนยันให้แน่ชัดได้ แต่ข้ามั่นใจว่าพวกท่านทุกคนมาจากตระกูลขุนนางที่เป็นถึงบัณฑิตมีการศึกษาและความรู้ เช่นนั้นอาจจะเป็นเพราะการเรียนรู้ที่ผิดพลาดในเวลาเรียน เช่นนั้นแล้วข้าจะช่วยจัดการให้อีกแรงนะเจ้าคะ หลังจากวันหยุดนี้จบลง ข้าจะจัดเวลาเรียนเป็นพิเศษให้พวกเจ้าทุกคนด้วยตนเอง วันนี้คงต้องขอลาก่อน อ้อ ข้าลืมบอก ข้าน่ะความจำดีมากนะ ข้าจดจำใบหน้าทุกคนได้ ที่สำคัญคือข้าจำตระกูลของพวกเจ้าได้ ขอให้โชคดี เทียนหลงตามข้ามา”
“..ขอรับ”เทียนหลงเดินตามพี่สาวด้วยความรู้สึกที่บกไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าตัวเองถูกดุหรือว่าถูกปกป้องอยู่กันแน่ แต่เดี๋ยวนะ เขายังไม่ได้คุยกับคุณหนูหม่าให้รู้เรื่องเลย นางต้องการเลิกรากับเขาจริงงั้นหรือ แต่จะไม่ฟังคำพี่รองก็ไม่ได้ เช่นนั้นเอาเรื่องนางไว้ก่อน นาน ๆ ทีพี่รองจะลดตัวมาคุยกับเขา เหมือนเขาจะเห็นท่านปู่ด้วยหรือเปล่านะ ได้ข่าวว่าทั้งสี่คนออกมาเดินตลาดกันนี่นา เพราะข่าวนี้แหละที่ทำให้คนพวกนั้นเริ่มการเยาะเย้ยถากถางเขา
“เหตุใดไม่ตอบโต้ เทียนหลง”หลังจากเดินมาถึงที่ลับตาคน นางจึงเริ่มสอบสวนทันที นางอยากรู้ว่าทำไมเจ้าเด็กคนนี้ไม่ยอมเถียง หรือเจ้าเด็กนี่จะหลงรักสตรีขี้เหร่นางนั้นจริง ๆ
“...มันเป็นเรื่องจริงนี่ขอรับ”
“จิ๊ เรื่องจริงแล้วมันเป็นอย่างไร เจ้าลืมข้าแล้วหรือ หากคนพวกนั้นไม่สนใจที่เจ้าบอกก็ให้มาบอกข้าผู้นี้ ถึงข้าจะไม่ค่อยได้คุยกับเจ้า แต่ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า หากเทียบกับพี่หญิงใหญ่และเจ้าสาม เจ้าย่อมเข้าข้างเจ้าและหย่งเยว่อยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีก จำเอาไว้ว่าเจ้าพึ่งพาพี่สาวอย่างข้าได้ เข้าใจหรือไม่”
“..ขอรับ”อะไรกัน คำพูดดูซาบซึ้ง แต่น้ำเสียงช่างกระโชกโฮกฮากนัก พี่สาวคนนี้ก็มีมุมเช่นนี้ด้วยงั้นหรือ
“แล้วสตรีนางนั้นล่ะ คุณหนูหม่าอะไรนั่น รักนางหรืออย่างไร เหตุใดตอนนั้นข้าได้ข่าวว่านางมาร้องห่มร้องไห้ถึงที่จวน แล้วนี่อะไรกัน”เรื่องนี้นางพอจะจำได้ คุณหนูหม่าผู้นี้พบรักกับชายอื่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนมาร้องห่มร้องไห้ว่าน้องสี่เมินเฉยใส่ตน ดีที่ยังไม่มีการหมั้นหมายกันไว้ล่วงหน้า
“ก็...ข้ากับนางเป็นคนรักกันขอรับ ครั้งนั้นเราแค่ทะเลาะกัน แฮะ ๆ”
“แล้วอย่างไร ครั้งนี้เล่า ยังรักนางลงอีกงั้นหรือ”
“...”
“จะโง่ก็อย่าให้มันเกินงาม โง่แค่พอมีขอบเขต ไม่ใช่นั้นข้าจะไม่สนใจเจ้าอีก เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับพี่รอง”
“เดินตามมาได้แล้ว ท่านปู่รออยู่ทางโน้น”
“ท่านปู่หรือขอรับ”
“ใช่ รีบตามมา เหตุใดเจ้าจึงขี้สงสัยนักนะ”ไม่ว่าเปล่า นางเดินเข้าไปจูงมือน้องชายที่ตัวแข็งท่อให้เดินตามมา ท่านปู่ไม่ยอมเข้าไปยุ่งเพราะนี่เป้นเรื่องของเด็ก หากมีคนแก่อย่าตนเข้าไปยุ่งจะดูไม่ดี แม้ว่าหลานชายจะถูกรังแกอยู่ก็ตาม
“รอนานหรือไม่เจ้าคะท่านปู่”
“ไม่นาน อาหลงมาก็ดีแล้ว ไปเดินเที่ยวกันเถอะ นี่พี่สาวเจ้ากับอาเยว่ซื้อขนมร้านดังมาฝากด้วย กลับจวนแล้วค่อยเอาขึ้นสำรับก็แล้วกัน มา ๆ ”
“ขอรับ ท่านปู่ พี่รอง...”
บนหน้าต่างเหลาอาหารชั้นบนสุด มีชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำสวมชุดสีดำทองยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสนใจ เขาสนใจสตรีนางนั้น คุณหนูรองจ้าวจื่อเวย หลานสาวสุดหวงของตาเฒ่าซ่ง หึ ใบหน้าเหมือนคนตระกูลซ่งไม่มีผิด นิสัยก็ถอดแบบมาจากตาแก่นั่นเลย
“สนใจงั้นหรือ นางเก็บตัวน่าดูเลยนะ ไม่คิดว่าจะงามถึงเพียงนี้ เคยได้ยินแต่คำเล่าลือ จุ๊จุ๊”
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“เหอะ ข้าจะคอยดูก็แล้วกัน”