“ฉันก็ดีใจ” เจ้าของเสียงทุ้มน่าฟังกระซิบเพียงเท่านั้นก็ขยับตัวขึ้นมาในระดับเดียวกันกับหญิงสาว พร้อมส่งตัวตนแข็งแรงเข้าไปจนลึกสุด แถมยังเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักด้วยการขยับก้นของเธอให้กลืนกินส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเองไปจนหมด ทุกๆ สัมผัสและจังหวะที่ถูกควบคุมอยู่ในเวลานี้ทำให้ตาลหวานไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เธอกำลังรู้สึกทรมานจนเนื้อตัวปริแตกเป็นส่วนๆ ขณะเดียวกันเธอก็มีความสุขกับการถูกเขาสัมผัสเหลือเกิน สิ่งที่เขาทำส่งผลให้เธออาจหาญแอ่นอกอิ่มขึ้น แถมยังกดเจ้าของลำคอแข็งแกร่งให้โน้มลงมาหา เธออยากให้เขาดื่มด่ำกับสองเต้ากลมกลึงของเธออย่างเร่าร้อนและดิบเถื่อน
เพียงปากหยักอุ่นจัดแนบคลึงกับอกอิ่มขาว เม็ดบัวสีหวานของเธอมันก็แข็งตั้งอยู่ในปากของเขา พอลิ้นอุ่นๆ ไล้เลียเธอก็ไม่สามารถอดกลั้นเสียงครวญครางแห่งไฟเสน่หาเอาไว้ได้ เธอร้องครวญ ส่ายหน้าจนผมยุ่งกระจาย
“อา...” เธอร้องออกมาอย่างลืมอาย
คนที่กำลังควบคุมทุกจังหวะจะโคนอมยิ้มพอใจ เสียงร้องของเธอทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน ใบหน้าที่อาบอิ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อมันทำให้เขาอดใจไม่ไหวต้องคว้าเธอมาจูบแนบแน่น ลิ้นร้อนพันเกี่ยวกับลิ้นนุ่มของเธออย่างตะกรุมตะกราม
ลิ้นของคนตัวโตที่กำลังพัวพันกับลิ้นอ่อนนุ่มของเธอในเวลานี้ ส่งผลให้ตาลหวานร้องครวญอยู่ในลำคอ พอเขาเข้าหาเธอในจังหวะที่ร้อนแรงขึ้น เธอก็ทำให้เขาพอใจด้วยการตอบสนองอย่างถึงอกถึงใจเช่นกัน เธอไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ปกติเธอควรเอียงอายและต่อต้านสัมผัสจากผู้ชายแปลกหน้า ทว่าพอเป็นเขา เจ้าของหนวดเคราเขียวครึ้มคนนี้ คำปฏิเสธของเธอมันก็กลืนหายลงไปในคอ เหลือเพียงการยอมรับและพร้อมร่วมมือไปกับทุกๆ จังหวะจะโคน
เม็ดเหงื่อกับแรงกระแทกกระทั้นของสองเรือนร่างที่กระทบกันและกัน ยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง แม้เสียงเอี๊ยดอ๊าดของไม้ไผ่ที่ดังขึ้นราวกับกระท่อมจะถล่มก็ยังไม่สามารถต้านทานแรงพิศวาสของคนทั้งคู่ได้เลย ทุกๆ ท่วงท่าที่เกิดขึ้นในเวลานี้สร้างความสุขสมให้กับสองหนุ่มสาว จนเอาแต่ผลัดการรุกผลัดกันรับอย่างไม่น้อยหน้ากัน
ร่างกายเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า แต่ตาลหวานรู้ดีว่าตัวเองมีความสุขกับไฟปรารถนาที่คนตัวโตสาดใส่ เธอพอใจและมีความสุขในยามที่ได้ยินเสียงทุ้มห้าวครางเบาๆ อยู่กับอกอิ่มตั้งของเธอ ยิ่งเขากวาดกลืนและดูดเลียรุนแรงเธอก็ยิ่งไม่สามารถหักห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ได้
“ดีจังเลยค่ะ” เธอกระซิบ “ฉันชอบ”
“ฉันก็ชอบ” ดินกระซิบเพียงเท่านั้นก็ส่งลำกายเข้ารุกล้ำสุดแรง ไม่นานนักก็ครางออกมาดังลั่น พร้อมๆ กับแนบซบใบหน้าเข้ากับหัวไหล่มนของคนร่างบางที่หวีดเสียงร้องดังเช่นเดียวกับเขา กลิ่นเหงื่อของเธอทำให้พ่อเลี้ยงแห่งไร่ภูพนาไม่สามารถอดใจในการจุมพิตซ้ำแล้วซ้ำอีกได้
พอร่างกายของคนตัวเล็กอ่อนกะปลกกะเปลี้ยลง ดินก็ค่อยๆ ผ่อนร่างของเธอให้นอนหงาย หลังจากนั้นก็ตะแคงตัวเข้าหา นัยน์ตาคู่คมหันมากวาดมองใบหน้าชื้นเหงื่ออยู่นาน จนในที่สุดก็ห้ามใจไม่ให้จุมพิตขมับอิ่มชื้นของเธอไม่ได้
“ขอบใจนะ”
ตาลหวานแก้มแดงอย่างรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร
“ดีมากจริงๆ”
เธอได้แต่เม้มปากสั่นระริกของตัวเองไว้ จนกระทั่งเขาจูบบนกลีบปากอิ่มชื้นเบาๆ นั่นแหละถึงได้มองหน้าเขาด้วยตาแดงๆ
“เสียใจหรือ” พ่อเลี้ยงหนุ่มอดถามขึ้นไม่ได้ “อยากย้อนเวลากลับไปใช่หรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ” ตาลหวานส่ายหน้า “ถึงแม้ว่าจะสามารถย้อนเวลาได้ ฉันก็ไม่คิดจะทำ ฉันยอมให้มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็พร้อมรับผลของมันค่ะ”
“ไม่เสียใจแน่นะ” ดินย้ำถามอีกรอบ “ถ้าเธอเสียใจ ฉันจะ...”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เพราะว่าฉันชอบสิ่งที่เราทำร่วมกันจริงๆ”
“ทั้งๆ ที่เธอผ่านเรื่องราวแย่ๆ มา แต่ฉันก็ยัง...”
เธอยิ้มทั้งน้ำตา เธอดีใจที่ชายแปลกหน้าคนนี้ใส่ใจในความรู้สึกของเธอ “ขอบคุณที่ทำให้วันนี้เป็นวันที่ดีขึ้นนะคะ”
“ตาลหวาน”
ยิ่งได้ยินเขาเรียกชื่อตัวเอง เธอก็อดไม่ได้ที่จะจูบริมฝีปากหยักได้รูปเบาๆ “ขอบคุณที่เรียกชื่อฉัน ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขนาดนี้ มันเป็นวินาทีที่ฉันมีความสุขมากจริงๆ ค่ะ ฉันจะจดจำทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เอาไว้นะคะ”
“ตาลหวาน”
“คุณดิน” เธอเรียกชื่อเขาบ้าง ดูเหมือนเขาพอใจไม่น้อยกับการได้ยินชื่อตัวเองหลุดจากปากของเธอ เพราะตอนนี้ฝ่ามือแข็งแรงทั้งสองข้างหันมาประคองแก้มอิ่มขาวของเธอไว้ ก่อนจะสอดส่ายปลายลิ้นเข้ามาตักตวงความหอมหวานที่เธอซุกซ่อนเอาไว้ ดื่มด่ำสัมผัสเธออย่างร้อนแรงและดุดันขึ้น
เธอไม่ห้ามปราม ไม่โอดครวญหรือคัดค้านใดๆ เธอปล่อยให้เจ้าของเครารกครึ้มนำพาเธอไปในทุกๆ ที่ แม้ว่ามันจะเจ็บปวด ทรมาน หรืออันตรายแค่ไหน เธอก็พร้อมจะไปโดยไม่นึกเสียใจเลย
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ตาลหวานรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ในเวลาที่แสงสว่างอ่อนๆ ลอดผ่านช่องว่างของลำไม้ไผ่เข้ามา พอทอดมองที่นอนว่างๆ ข้างตัวเธอก็ถึงกับกัดปากสั่นระริกของตัวเองเอาไว้ นัยน์ตาคู่นั้นดูเหมือนจะอาวรณ์เจ้าของร่องรอยอุ่นซ่านไม่น้อย เพราะตอนนี้เอาแต่ไล้ลูบที่ที่คนตัวโตเคยนอน ทว่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกแปลกประหลาดอยู่สักพักถึงได้ประคองร่างปวกเปียกให้ลุกขึ้น แล้วหยิบเอาเสื้อผ้าที่ตกอยู่ใกล้ๆ มาสวมใส่ หลังจากนั้นก็เดินไปยังระเบียงไม้เพื่อเก็บเสื้อผ้าที่คนตัวโตใจดีตากให้
เพียงก้าวออกมาแล้วเห็นว่าใครยืนอยู่บนโอ่งอาบน้ำด้านล่าง กับร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าซึ่งปิดบังท่อนล่างด้วยผ้าลายทางสีขาวสลับดำ น้ำที่ไหลลงจากขันแล้วราดรดลำกายแข็งแรงตั้งแต่ศีรษะอาบลงมาถึงปลายเท้าทำให้คนยืนมองอย่างเธอถึงกับใบหน้าแดงซ่าน เธอยอมรับตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้เห็นผู้ชายคนไหนทำอะไรแบบนี้เลย แม้ใบหน้าของเขาจะรกด้วยหนวดเคราแต่ยามนี้เธอรู้สึกว่าเขาดูดิบเถื่อน เร่าร้อนและก็มีเสน่ห์ชนิดหาใครเทียบไม่ได้ แม้แต่กับคนที่เธอเคยรักหมดใจก็ไม่ได้ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่ด้วยซ้ำ
แต่หัวใจเธอก็พลันเต้นแรงขึ้นจนได้ เพราะตอนนี้เขาหันมาผลัดเปลี่ยนผ้าที่เปียกแล้วคว้าผ้าแห้งมาพันไว้แทน การที่เขาหันมาแล้วเห็นว่าเธอยืนจ้องมองอยู่ มันทำให้เธอวางสีหน้าไม่ถูกจริงๆ