ทันทีที่รถวิ่งเข้ามาจอดเทียบกับม้านั่งที่ประจำของเด็กสาว ฝาแฝดทั้งสองก็หันมองหน้าแล้วยิ้มก่อนจะหันมายักคิ้วให้กับคนที่อยู่เบาะหลังของรถเหมือนเป็นสัญญาณ
“มึงเตรียมตัวพร้อมยัง? ดราม่ามาทั้งกองแน่นอน หึๆ”
เสียงหัวเราะในลำคอยัแสยะยิ้มมองผมแปลกๆ ก่อนกระจกรถสีมืดจะค่อยๆเลื่อนลง ทันทีที่มีช่องว่างระหว่างช่องกระจกเพียงเล็กน้อย
“มาช้า! ทำไมมาช้าขนาดนี้คะ รู้ไหมว่าอบอุ่นนั่งรอตั้งนาน เป็นพี่ชายยังไงไม่สนใจน้องสาว พี่สองคนไม่รักอบอุ่นแล้วใช่ไหม? อบอุ่นคงไม่สำคัญแล้ว!” เสียงเล็กดังแทรกรอดผ่านช่องกระจกเข้ามาในรถ ตามด้วยเสียงสั่นสะอื้นน่าสงสาร จนคนที่นั่งอยู่เบาะหลังรู้สึกกังวล
“เอ่อ~ น้องอบอุ่นครับ คือ.. ความผิดพี่เองครับ พี่ชวนพวกมันเตะบอลเพลินไปหน่อย พี่ขอโทษนะ” เสียงนุ่ม พูดติดขัดชะโงกหน้าแทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างพี่ชายทั้งสองด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“พี่กร! มาด้วยเหรอคะ ^^ อบอุ่นไม่ว่าพี่กรหรอกค่ะ พี่กรของอบอุ่นไม่ผิด พี่เวหากับพี่ศิลานั่นแหละที่ไม่รู้จักเวลา อย่าไปโทษคนอื่นแลย” เสียงใสเปลี่ยนไวยิ่งกว่าอากาศ ใบหน้าเล็กยิ้มหวาน ลืมคราบความเศร้า เช็ดหยดน้ำตาบนแก้มไม่มีเหลือ
คนตัวเล็กเปิดประตูเข้ามานั่งเบียดข้างคนที่เพิ่งออกตัวรับผิด มือเล็กสอดกอดท่อนแขนใหญ่ไว้แน่น ใบหน้าหวานซุกแนบ ถูหน้าอ้อนประหนึ่งลูกแมวตัวน้อยที่กำลังหยอกเย้ากับเจ้าของ
“อะ อบอุ่นคะ ไอ้กรมันเป็นผู้ชาย ถึงจะเป็นเพื่อนพี่ก็เถอะ แต่มันไม่ใช่พี่แท้ๆของอบอุ่นนะครับ”
“นั้นสิครับ ไอ้กร! มึงมานั่งข้างหน้าเลยเดี๋ยวกูไปนั่งกับน้องกูเอง”
“ไม่ได้! อบอุ่นจะนั่งตรงนี้กับพี่กร อบอุ่นไม่อยากนั่งกับพี่ศิลา” เสียงเล็กพูดดัง หันมายิ้มตาหยีให้เจ้าของแขนที่เธอกำลังกอดอยู่
“วันนี้น้องอบอุ่นเหนื่อยไหมครับ? เรียนเป็นยังไงบ้าง?” เสียงนุ่มเอ่ยถาม เหมือนพี่ชายที่กำลังถามไถ่น้องสาวด้วยความเอ็นดู ในขณะที่อีกฝ่ายกลับคิดไปไกลเกินมากกว่าคำนั้นแล้ว
“เหนื่อยค่ะ แต่แค่เห็นหน้าพี่กร อบอุ่นก็หายเหนื่อยแล้ว”
ผมกับอบอุ่นนั่งคุยกันไปตลอดทาง ยิ่งเธอกับผมสนิทกันมากเท่าไหร่ พี่ชายทั้งสองของเธอก็แสดงอาการหงุดหงิด และนั้นแหละครับ เป็นสิ่งที่ผมมองว่ามันสนุกเพราะนอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้พวกมันยอมผมเลย
@บ้านหลังใหญ่
ภายในห้องโถงกว้าง โต๊ะอาหารมื้อค่ำมีของกินหลากหลายเมนูจัดเรียงวางอยู่เต็มโต๊ะ เหมือนงานเลี้ยงขนาดย่อมภายในครอบครัวใหญ่
ในระหว่างที่ทุกคนนั่งที่ของตัวเองเงียบๆ มือเล็กของใครบางคนก็เอาแต่เอื้อมไปตักอาหาร จากจานหลายใบตรงหน้า นำมาวางในจานของตัวเองชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนไม่มีที่ว่าง
“อันนี้ก็น่ากิน อันนี้ก็อร่อย ชิ้นนี้ด้วยจานนี้ของโปรดอบอุ่นอร่อยมาก” เสียงเล็กพูดพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่สายตาทุกคู่ จับจ้องมองดูการกระทำของสาวน้อยด้วยความสงสัย
เมื่อทุกอย่างสมใจ จานที่มีอาหารหลากหลายเมนูในมือเล็กก็ถูกนำมาวางตรงหน้าของแขกผู้มาเยือน พร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนโฟกัสมามองที่เขาแทน
“อบอุ่น ลูก แม่ว่าพี่กรน่าจะกินไม่หมดนะคะ” เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยท้วง ยิ้มแห้งๆให้กับลูกสาว
“หมดสิคะ อบอุ่นอยากให้พี่กรกิน อบอุ่นรู้ว่าพี่กรต้องกินของที่อบอุ่นตักให้หมดแน่ ๆ ค่ะ ใช่ไหมคะพี่กร?” ดวงตากลมโตมองใบหน้าคมคายด้วยความมั่นใจ ในขณะที่อีกคนได้แต่ฝืนยิ้มเป็นการตอบรับ
“ตักให้พี่บ้างก็ได้นะครับ จานของไอ้กรเยอะแล้ว ของพี่ยังไม่มีอะไรเลย”
“พี่ศิลาก็ตักเองสิคะ”
“เอ๊า! ทีไอ้กร อบอุ่นยังตักให้มันเลย” น้ำเสียงจริงจัง
“แล้วพี่สองคนมีปัญหาอะไรคะ?” คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ย ถลึงตามองพี่ชายทั้งสองที่กำลังขัดใจ
“ปะ เปล่าครับ”
ผมอมยิ้มมองหน้าเพื่อนที่กำลังนั่งทำหน้าหงอยหลังโดนอบอุ่นดุ แต่พอมองจานข้าวของตัวเอง ก็รู้สึกกำลังเป็นผู้ประสบภัยขึ้นมาซะงั้น
“กินยังไงหมดวะเนี้ย!”
“พี่กรว่าอะไรนะคะ”
“เปล่าครับ พี่บอกว่ามีแต่ของน่าอร่อย”
“เอาอีกไหมคะ เดี๋ยวอบอุ่นตักให้อีก”
“พะ พอก่อนครับ พี่ขอกินในจานให้หมดก่อนดีกว่า ถ้าไม่อิ่มค่อยตักใหม่” ใบหน้าเหยเก ยิ้มแห้งให้กับสาวน้อย ก่อนจะมองของกินตรงหน้าด้วยความอ่อนใจ
หลังทานข้าวเย็นมื้อยักษ์เสร็จ ผมกับเพื่อนก็เดินออกมานั่งเล่นกันที่ริมสระว่ายน้ำหลังบ้าน คุยเรื่องที่จะออกไปแข่งรถวันพรุ่งนี้ คนนอกอาจมองว่าเราเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงเพราะไม่ชอบพูดหรือคบค้าสมาคมกับคนแปลกหน้า หรือเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งมันก็จริง เพราะนอกจากเพื่อนในกลุ่มเดียวกันเราก็ไม่ค่อยสนใจใคร
ผมมาที่นี่บ่อยมากเรียกได้ว่าเป็นเหมือนลูกชายอีกคนของบ้านหลังนี้ ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่ อบอุ่นก็เดินเข้ามานั่งข้างๆเธอกอดแขนรั้งแนบตัวติดกับผมทุกครั้งที่เจอกันและไม่ยอมไปไหนแม้แต่พี่ชายของเธอยังช่วยผมไม่ได้
เวลาล่วงเลยมาจนถึงดึก ตอนนี้ข้างกายของชายตัวโตยังมีร่างเล็กซบกายนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ใบหน้าหวานหลับตาพริ้ม มือเล็กยังคงจับกอดแขนเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ไอ้เว กูว่ามึงพาอบอุ่นขึ้นไปนอนก่อนได้ไหมวะ กูเมื่อย!” ใบหน้าเหยเก เหลือบมองคนตัวเล็กที่กำลังหลับสนิททับอยู่บนแขนของตัวเอง
“สมน้ำหน้า น้องกูจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้? กับพี่ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย แม่ง!กูเกลียดมึง ไอ้กร”
“เอ๊า! เกี่ยวอะไรกับกูวะ” คิ้วหนาขมวดย่น มองคนเพื่อนด้วยความสงสัย
“มึงดู น้องกูรักมึงมากกว่าพี่ชายแท้ๆ อย่างพวกกูซะอีก มันน่าน้อยใจไหมล่ะ?”
“ ช่วยไม่ได้ กูทำหน้าที่พี่ชายดีกว่า แถมยังหล่อกว่าตั้งเยอะ” ใบหน้าคมยกยิ้ม ยักคิ้วให้เพื่อน ก่อนจะขยับพยายามดันร่างเล็กที่พิงอยู่ไปให้กับพี่ชายของเธอ แต่ทว่าเพียงเขาขยับตัว คนตัวเล็กก็ยิ่งกอดแขนแน่นยิ่งกว่าเดิม
“ขนาดหลับยังลำเอียงเลย” ศิลาทำหน้ามุ่ยมองน้องสาวที่กำลังหลับสนิท
“เดี๋ยวกูอุ้มขึ้นไปส่ง พวกมึงเดินนำไปก่อนแล้วกัน”
ผมประคองอุ้มร่างคนตัวเล็ก เดินตามเพื่อนทั้งสองขึ้นไปบนห้อง ภายในตกแต่งน่ารักสมกับเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน เตียงขนาดใหญ่แต่มีพื้นที่ให้นอนเพียงน้อยนิด เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่มีตุ๊กตาวางล้อมรอบอยู่ทุกมุม
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆกระจายฟุ้ง มันเป็นกลิ่นประจำตัวของคนตัวเล็กที่เขาจำได้ติดจมูกแม้ไม่ต้องอยู่ใกล้ ลำแขนใหญ่ค่อยๆว่างร่างไร้สติลงบนที่นอนนุ่มด้วยความระมัดระวัง เหตุเพราะเกรงว่าเจ้าหญิงตัวน้อยจะตื่นขึ้นจากความฝัน แต่ทว่ายิ่งกลัวสิ่งไหนสิ่งนั่นก็มักเกิดขึ้นเสมอ แขนเล็กที่กอดคอตอนนี้กลับรัดแน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ปลายจมูกโด่งอยู่ใกล้แก้มใสของคนตัวเล็กจนได้กลิ่นหอมของเธอชัดขึ้น