ตอนที่ 13

2521 คำ
“มาทำอะไรที่นี่” อันชิตาถามเสียงห้วน “มาหาเมีย” นิลลดาจงใจเน้นคำหลังจนคนฟังหน้าแดงระเรื่อทำตัวไม่ถูกเดินหนีไปส่วนเด็กสาวก็ตามไปติดๆ “หึ แค่มีอะไรกันแล้วฉันจะต้องเป็นเมียเธอฉันคงมีสามีเป็นร้อย แล้วเรื่องเซ็กส์เมื่อคืนก็ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ” หล่อนหยุดและหันมาเผชิญหน้าเด็กสาวกอดอกเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เดินเข้าหาเธอและพูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและเน้นประโยคหลังทำให้นิลลดาที่ทีแรกตั้งใจจะแกล้งแต่กลับถูกตอกกลับเสียไม่เป็นท่าจนพูดอะไรไม่ออก คว้าข้อแขนหล่อนที่ทำท่าจะเดินหนีให้หันกลับมาอีกแต่คราวนี้อันชิตาไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ทำตามดั่งใจพยายามสลัดมือแข็งแรงของเด็กสาว ภาพตอนนี้หากใครเป็นคงคิดว่าทั้งคู่กำลังทะเลาะวิวาทกัน “คนระดับล่างอย่างเธอฉันจะถือว่าทำบุญ” อันชิตาเหลืออด “งั้นคอยดูแล้วกันว่าคนระดับล่างอย่างฉันจะทำอะไรได้บ้าง” รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีช้อนอันชิตาขึ้นบ่าด้วยความโกรธพาไปยังยานพาหนะอย่างยากลำบาก “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ยายบ้าโรคจิตคนชั้นต่ำ” ตุ้บ! นิลลดาเหวี่ยงหล่อนลงพื้นจนก้นจ้ำเบ้า พร้อมกับเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บ “ลุกขึ้นมา อย่าสำออยมีเรื่องที่จะต้องทำต่อจากนี้อีกเยอะ” เป็นนิลลดาที่ยืนออกคำสั่งเสียงเข้ม เงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงโอดโอยจากหล่อนมีแต่หันหน้าไปทางอื่นด้วยความเจ็บใจ “อย่าคิดว่าอยู่ในวัดแล้วฉันจะไม่กล้าจูบคุณนะ” นิลลดาลงนั่งตรงหน้าและจงงใจพูดใส่หล่อน “ถุย! ต่ำ” อันชิตาพ่นน้ำลายใส่หน้าและด่าเพียงสั้นๆ “ยอม ยอม ยอมแล้ว” นิลลดาใช้มือปาดน้ำลายออกจากใบหน้าตัวเองพร้อมกับหันไปหาคนกระทำจับข้อมือของหล่อนไว้แน่นจนหน้าเหยเกด้วยความเจ็บพร้อมกับโน้มตัวลงเข้าใกล้คนอายุมากกว่าจนเกือบจะหงายหลังเพราะพยายามเบี่ยงหลบการรุกรานของเด็กสาวจนต้องร้องออกมา “ก็แค่เนี้ย” นิลลดายืนขึ้นและยื่นมือให้หล่อนจับเพื่อพยุงตัวเองขึ้นเพราะเห็นว่าหล่อนคงยังเจ็บอยู่ แต่เมื่ออันชิตากำลังจะจับมือเธอก็ชักกลับพร้อมกับใบหน้ายียวน “เผอิญว่าชั้นมันเป็นคนชั้นต่ำอย่าได้คิดจะจับมือฉันเลยค่ะ คุณชั้นสูง” อันชิตาได้แต่เจ็บใจพยายามพยุงตัวเองขึ้นยืน และจำยอมซ้อนมอเตอร์ไซค์ด้วยถูกบังคับ บังคับให้ใส่หมวกกันน็อกที่มีใบเดียวแทนที่คนขับจะใส่ บังคับให้กอดเอวคนขับด้วยการจับมือหล่อนให้กอดไว้แล้วไม่ปล่อยแถมยังขับไวราวกับเหาะ เมื่อถึงจุดหมายก็พาอันชิตาไปหาบุพการีโดยที่หล่อนไม่ได้เต็มใจ “หนูขอเข้าเรื่องเลยนะคะ หนูอยากแต่งงานกับคุณอัน” เป็นอันชิตาที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินส่วนผู้ใหญ่ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกำลังตั้งใจฟังคนที่นั่งกับพื้นตรงหน้าดดยที่ทั้งสามนั่งบนโซฟา “จะบ้าหรือไง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ” อันชิตาพูดเสียงรอดไรฟัน “เมื่อคืนเรามีอะไรกัน แล้วหนูอยากรับผิดชอบ” นิลลดากลั้นใจโพล่งออกไปโดยที่ไม่ได้มองหน้าคนที่กำลังโกรธจัด นิลลดาทำให้หลังโตตอนนี้เงียบสงัด งานแต่งงานของอันชิตาและนิลลดาถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนและเรียบง่ายภายในโบสถ์ด้วยพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ การแต่งงานที่เกิดจากความรักของบ่าวสาวชีวิตของเธอคงมีความสุขและหอมหวาน ภาพงานแต่งงานที่เกิดขึ้นระหว่างอันชิตาและผู้ชายที่มารดาจัดหามาให้ย้อนกลับมาอีกครั้ง การแต่งงานครั้งที่สองและครั้งนี้คือครั้งที่สามต่างกันตรงที่นิลลดาเป็นผู้หญิง ก๊อก ก๊อก “แม่ขอเข้าไปหน่อยนะลูก” ป้ามณีเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนของลูกสาวที่กำลังจะเข้าสู่พิธีการแต่งงานครั้งที่สาม “แม่ขอกอดหน่อย” อันชิตาโผกอดคนเป็นแม่ “แม่รักหนูนะ สิ่งที่แม่ทำแม่ทำเพราะความรักลูกอาจจะเห็นว่าแม่ใจร้ายแต่เชื่อแม่เถอะครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว” เมื่อคนรักที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนต้องมาจากไปหลังจากแต่งงานกันได้ไม่นาน แม่เธอก็พยายามจับคู่ให้หล่อนอีกครั้ง จนเกิดงานแต่งงานครั้งที่สอง และครั้งนี้อันชิตาเชื่อว่าเธอคงอยู่เบื้องหลัง “ค่ะ” หล่อนตอบสั้นๆ หลังจากเสียคนที่รักมากไปการมีชีวิตอยู่เพื่องานที่รักและการทำเพื่อทดแทนคุณบุพพการีเธอเต็มใจทำแม้จะฝืนใจตัวเองก็ตาม “ไหนดูซิ ลูกแม่สวยมั้ย แม่ว่าปากซีดไปนิดนึง” ทำท่าจะเรียกลูกน้องมาแต่งเติมปากให้เจ้าสาว “แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ถ้าแดงกว่านี้จะดูร้ายนะ” “ลูกแม่ไม่ร้ายหรอก แม่รู้ เดี๋ยวแม่ขอไปดูน้องหน่อยนะ สักพักป๊าคงจะมารับ” ว่าแล้วก็ลุกออกไป “อ้าว หนูนิลแต่งตัวเสร็จแล้วทำไมไม่รออยู่ในห้องล่ะ มาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าห้อง” เมื่อเปิดประตูออกไปก็เห็นลูกสะใภ้ทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าห้อง “คือ คือ หนูแค่” “อยากจะเห็นพี่เค้าใช่มั้ยล่ะ ตอนนี้ยังเจอเจ้าสาวไม่ได้โบราณเขาถือ ไปเถอะลูกไปรอเจ้าสาวที่โบสถ์ดีกว่า” อันชิตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ได้ยินสิ่งที่แม่ของเธอคุยกับเด็กสาวอยู่ด้านนอก หากหล่อนเข้ามาตอนนี้คงจะทำตัวไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอทั้งคู่จะพูดคุยหรือพบปะกันแค่ตอนเข้าโบสถ์เพื่ออบรมและฝึกซ้อมคำกล่าวอย่างจริงจังตามศาสนาคริสต์ ไม่มีคำเอ่ยพูดเล่นหรือท่าทีทะเล้นจากเด็กสาว นิลลดาดูจริงจังและดูโตกว่าวัยจนอันชิตาไม่กล้าจะพูดคุยหรือทักท้วงอะไรแค่ทำตามสิ่งที่คนเป็นแม่จัดหามาให้ด้วยความเต็มใจ หากต้องใช้ชีวิตร่วมกับเธอคงอึดอัดและชีวิตคู่ของเธอคงจะไปไม่รอดเหมือนดั่งที่แม่เธอปรารถนาไว้ “ป้า นิลตื่นต้นจัง” เมื่อเห็นว่าสถานที่ที่จะใช้ในการประกอบพิธิประดับประกาไปด้วยดอกไม้สีขาวแลดูสะอาดตาและสวยงามไม่เหมือนกับทุกวันที่มาที่นี่ แถมยังมีผู้เข้าร่วมงานอีกต่างหาก แม้จะไม่มากก็ตาม นิลลดาจึงแสดงออกว่าตื่นเต้นแบบเห็นได้ชัด “เอาน่า แต่งงานครั้งแรก็ตื่นเต้นแบบนี้แหละ” เธอเอาแต่ตื่นเต้นจนลืมนึกไปว่าใครกันจะอยากแต่งงานครั้งที่สองเพื่อให้ชินกับการแต่งงาน ไม่นานประตูโบสถ์ก็ถูกเปิดพร้อมกับเสียงเพลงที่ดังขึ้น Can’ t Help Falling in Love ขบวนนำด้วยเด็กๆ เด็กชายหน้าลูกครึ่งถือแหวนเดินนำ เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มสามสี่คนกำลังโปรยดอกไม้ตามมาด้วยเด็กหญิงและเด็กชายที่ทำหน้าที่จุดเทียน ความสูงของเด็กๆ ไม่สามารถบดบังความสวยของว่าที่เจ้าสาวของเธอที่เดินควงคู่มากับลุงลูคัส แม้จะมีผ้าคลุมหน้านิลลดาก็ไม่สามารถละสายตาออกจากหล่อนได้จนลืมความตื่นเต้นทิ้งไปเสียหมดแถมยังยิ้มหน้าบาน แขกในงานพากันลุกขึ้น เมื่อขบวนมาถึงหน้าแท่นพิธี ลุงลูคัสก็ทำหน้าที่เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก และส่งมืออันชิตาให้กับนิลลดา “สวย” เมื่ออันชิตายืนเผชิญหน้าเธอหน้าแท่นพิธี คำพูดที่อยู่ในหัวตั้งแต่เห็นหล่อนเดินเข้ามาก็ถูกเปล่งออกมาโดยไม่มีเสียง อันชิตาเพียงมองดูนิ่งๆ โดยไม่ไหวติงใดๆ “คุณนิลลดา หิรัญดารา และคุณอันชิตา เลิศเกิดกาญน์ ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง เพื่อเข้าพิธีสมรสหรือ” “ค่ะ/ค่ะ” ตอบรับพร้อมกัน “เมื่อเข้าสู่พิธีสมรสเช่นนี้แล้ว ท่านทั้งสองพร้อมที่จะรักและยกย่องให้เกียรติแก่กันและกันจนตลอดชีวิตหรือ” “ค่ะ/ค่ะ” “ท่านทั้งสองพร้อมที่จะน้อมรับบุตรซึ่งพระเจ้าประทานให้ และอบรมเลี้ยงดูตามกฎของพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรด้วยความเข้าใจดีต่อกันหรือ” “ค่ะ/ค่ะ” “การแสดงความสมัครใจ โดยที่ท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกัน ขอให้จับมือขวาของกันและกัน และแสดงความสมัครใจต่อหน้าพระเจ้า และพระศาสนจักรของพระองค์” ทั้งคู่จับมือขวาของกันและกัน “ดิฉันนางสาวนิลลดา หิรัญดารา ขอรับคุณอันชิตา เลิศเกิดกาญน์ เป็นภรรยาและขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่” นิลลดาเอ่ยก่อน “ดิฉันนางสาวอันชิตา เลิศเกิดกาญน์ ขอรับคุณนิลลดา หิรัญดารา เป็นสามีและภรรยาและขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณ ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่อง ให้เกียรติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่” หล่อนเอ่ยตามที่ท่องมา “ความสมัครใจที่ท่านทั้งสอง ได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักรนี้ ขอพระเจ้าทรงพระเมตตา ทะนุบำรุงให้เข้มแข็ง และประทานพร แก่ท่านทั้งสองอย่างอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่พระเจ้าได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มนุษย์อย่าได้แยกจากกันเลย” “ขอพระเจ้าเสกแหวนสองวงนี้ ซึ่งท่านทั้งสองสวมให้แกกันและกัน เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ต่อกัน” นิลลดาค่อยๆ สวมแหวนให้อันชิตาที่นิ้วนางข้างซ้าย “คุณนิลลดา หิรัญดารา ขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแห่งความรักของดิฉัน เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต” อันชิตาสวมแหวนให้นิลลดา “คุณอันชิตา เลิศเกิดกาญน์ ขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแห่งความรักของดิฉัน เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต” “บัดนี้ขอประกาศว่า ท่านทั้งสองเป็นสามีภรรยา ตามพระศาสนจักรคาทอลิกแล้ว ขอเชิญพี่น้องแสดงความยินดีด้วยการปรบมือให้คู่บ่าวสาว” หลังจากนั้นทั้งคู่เดินออกจากโบสถ์พร้อมกับกลีบดอกไม้ที่โปรยปรายจากผู้มาร่วมงาน ที่ล้วนเป็นเพื่อฝูงของป้ามณีและลุงลูคัส ปราศจากเพื่อนฝูงของคู่แต่งงาน อันชิตาและนิลลดายืนอยู่หน้าบริเวณโบสถ์ ช่อดอกไม้สีสวยถูกโยนขึ้นเพื่อให้เพื่อนแม่เจ้าสาวแย่งกันจนชุลมุนเรียกรอยยิ้มจากอันชิตา นี่คงเป็นรอยยิ้มเบิกบานและสวยที่สุดของคนเป็นเจ้าสาวของหล่อน นิลลดาคว้าเอวของคนข้างเข้าหาตัวโดยที่หล่อนไม่ทันตั้งตัวด้วยความรู้สึกหวงแหน “อะไร” ด้วยความตกใจจึงเผลอเสียงดังและขมดคิ้วใส่ “อะไรดีล่ะ แค่รู้สึกรักเมียขึ้นมา” ฟอด ฟอด ฟอด อันชิตาถูกจู่โจมด้วยความหมั่นเขี้ยวจากเด็กสาว จูบเลย จูบเลย จูบเลย ป้ามณีส่งเสียงเชียร์ จนคนหน้าดุอย่างอันชิตาเริ่มอายกับสายตาผู้ร่วมงานที่รอลุ้นจนต้องหันไปส่งสายตาคาดโทษกับนิลลดา “อย่านะ! ” หล่อนสั่งห้าม ยิ่งอันชิตาขัดขืนยิ่งทำให้นิลลดาอยากจะฝ่าฝืนยื่นหน้าเข้าหาเจ้าสาวของตัวเองทันที ประทับปากซนๆ ไปที่จุดเดียวกันเพียงไม่นานก็ถอนจูบออกโดยที่อันชิตาก็ไม่ได้ขัดขืนพร้อมกับเสียงเฮของแขกในงานและยอมปล่อยเจ้าสาวให้เป็นอิสระ “บ้า” อันชิตาพูดแค่นั้นด้วยความอายแล้วก็เดินหนีไปส่วนเจ้าบ่าวก็ดินตามไปติดๆ “เราต้องคุยกัน” นิลลดาดึงแขนเจ้าสาวพาไปยังรถที่ถูกเตรยมไว้ให้บ่าวสาว ภายในรถ “แม่คุณอยากรู้ว่า คุณจะย้ายมาอยู่กับฉันหรือฉันจะต้องย้ายไปอยู่กับคุณ” นิลลดาจอดรถและหันมาคุยกับอันชิตาอย่างจริงจังเมื่อขับออกมาได้สักพัก “ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องอยู่ด้วยกัน” อันชิตาตอบอย่างสบายๆ “คุณน่าจะลืมอะไรหรือเปล่าว่าเราเพิ่งแต่งงานกัน สามีภรรยาก็ต้องอยู่ด้วยกัน ดูแลกัน คุณลืมคำปฏิญาณหรือไง” “ไม่ลืม แต่ไหนๆ เธอก็พูดขึ้นมาแล้วและฉันก็คิดว่าเธอน่าจะรู้เรื่องของฉันก่อนหน้านี้มากมาย ดังนั้น ฉันขอบอกไว้ตรงนี้ว่าฉันไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานกับเธอและฉันก็ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่เธออยากจะรับผิดชอบในตัวฉัน และฉันก็ไม่ได้อินกับงานแต่งของเราในวันนี้” “แต่คุณก็ยอมให้ฉันจูบต่อหน้าทุกคน” “ฉันทำเพราะต้องรักษาหน้าแม่ฉัน และการแต่งงานส่วนหนึ่งก็มาจากแม่ฉันไม่แปลกที่ฉันจะยอมแต่งงานกับเธอเพื่อให้แม่ฉันสบายใจ แม่ฉันก็เป็นแบบนี้แหละชอบหาผู้ชายให้ฉัน แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้จะเจอแนววิปริตผิดเพศอย่างเธอ” อันชิตาร่ายยาวอย่างไม่ยี่ร่ะพร้อมกับเบะปากให้คนข้างๆ พร้อมกับสายตาดูถูก “โมโหแล้วนะ” นิลลดากดเสียงต่ำบอกสิ่งที่กำลังรู้สึกกับคนตรงหน้า “แล้วไง อยากจะตบหรือทำร้ายร่างกายฉันมั้ยล่ะคุณสามี” อันชิตาเริ่มยียวนและอารมรณ์ดีที่สามารถยั่วโมโหคนตรงหน้าได้ “คุณว่าถ้าชุดแต่งงานคุณขาดเพราะถูกสามีอย่างฉันกระชากมันออกต้องจ่ายเงินให้ร้านเท่าไหร่” “เธอไม่กล้าหรอก” อันชิตาตอบกลับพร้อมสายตาเชือดเฉือน “ใช่ ตอนนี้ฉันไม่กล้า” พูดจบก็เหยียบคันเร่งด้วยความเร็วเกือบจะมิดไมล์ นิลลดาตบไฟเลี้ยวทันทีที่มาถึงที่หมาย ส่วนอันชิตาก็ตัวสั่นเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวา พนักงานกระโดดโหยงเกือบจะรูดม่านไม่ทันใจลูกค้าอย่างเธอ “ฉันไม่มีทางลงไปเหยียบสถานที่อุบาทๆ แบบนี้หรอกนะ พาฉันกลับเดี๋ยวนี้” “ถ้าอยากให้พากับก็พูดกับสามีดีๆ สิเผื่อสามีจะเปลี่ยนใจ” นิลลดายื่นหน้าไปจนเกือบจะติดข้างแก้มของหล่อนจนต้องถอยครูดติดกระจก “ไม่มีทาง! ” ------------------------------------------------------------------
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม