8
จรรยาหันมองหน้าบุรุษที่ช่วยประคองตน วินาทีนั้นนัยน์ตาของจรรยากับอิลฮัมสบสายตากัน เสี้ยววินาทีนั้นหัวใจอิลฮัมเต้นแรงเมื่อมองเห็นแววตาเอ่อคลอด้วยน้ำตาของหล่อน ดวงตาคู่นี้มีความเศร้าและความทุกข์แฝงอยู่ เขารู้สึกได้ถึงความเสียใจและอยากปลอบโยนคุ้มครองหล่อนขึ้นมาทันใด
“แกเป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม” อนัญญาถามเพื่อนรักที่เอาแต่ร้องไห้ “ไอ้โด่งนะไอ้โด่ง แม่งจัญไรจริงๆ”
“ผมว่าพาผู้หญิงคนนี้ไปหาหมอดีไหมครับ หน้าเธอช้ำมากเลยครับ” ยศวินบอก เลือกพูดภาษาอังกฤษให้ชีคหนุ่มกับอิลฮัมเข้าใจ “ไม่รู้ว่าจะช้ำในหรือเปล่า”
“ไปสิ ฉันอุ้มเธอเอง” อิลฮัมอุ้มจรรยา ก่อนเดินออกจากบ้านคำรณ ไปยังรถยนต์ของฟาฎิล
“เธอจะไปด้วยไหม” ฟาฎิลถามอนัญญาเมื่ออิลฮัมอุ้มจรรยาเข้าไปในรถยนต์คันแรก
“ไปด้วยสิ ฉันห่วงเพื่อน ครั้งนี้โดนหนักเลย” อนัญญาห้วงเพื่อนก็ห่วง แค้นคำรณก็แค้น สะใจมากที่เห็นคำรณน็อกกลางอากาศ
“แล้วอานัสกับอานีสล่ะ” ฟาฎิลห่วงเด็กทั้งสองคน
“ก็เอาไปด้วย เดี๋ยวฉันไปตามหลานก่อน” อนัญญารีบเดินเข้าไปในบ้าน ฟาฎิลจึงบอกให้ยศวินพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลก่อน ไปโรงพยาบาลไหนให้โทรบอกพลขับอีกคันหนึ่งจะได้ตามไปถูก เมื่ออนัญญากับหลานชายออกมาจากบ้านก็นั่งรถหรูอีกคันหนึ่ง ก่อนทั้งหมดจะเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่อิลฮัมสั่งให้ไป
ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ เมมอรัล
จรรยาถูกนำตัวเข้ามาพักฟื้นในห้องพักระดับพรีเมี่ยมที่มีความหรูหราไม่ต่างกับวิลล่าราคาแพงริมทะเลหรือห้องชุดในคอนโดราคาหลักร้อยล้าน อันที่จริงแล้วอาการของจรรยาไม่จำเป็นต้องแอดมิทนอนโรงพยาบาล
แพทย์ตรวจอาการดูแล้วแค่ฟกช้ำหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า แขนทั้งสองข้าง สีข้างช้ำมากเพราะถูกเตะ รอบลำคอถูกบีบจนเกิดรอยฝ่ามือประทับ ริมฝีปากแตก แพทย์ให้ยาและยาทาแก้ฟกช้ำจากนั้นก็ให้กลับบ้านได้ ทว่าอิลฮัมต้องการให้จรรยานอนดูอาการสักคืนสองคืนเกรงว่าจะช้ำใน เมื่อเป็นความต้องการของญาติคนไข้ แพทย์จึงว่าตามนั้น
คนที่ค้านคือจรรยา หล่อนไม่อยากนอนโรงพยาบาลตามประสาคนกลัวผี อีกทั้งคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรมาก จะพูดว่าถูกซ้อมจนชินก็ไม่น่าใช่ คงไม่มีใครอยากเจ็บตัว หล่อนรู้ดีว่า วันพรุ่งนี้ความเจ็บปวดทางร่างกายก็จะทุเลา ทว่าทางด้านจิตใจเหมือนถูกโถมทับด้วยความทุกข์ระทม ที่ไม่รู้ว่าจะถูกสกัดไปจากความรู้สึกได้เมื่อไหร่
ทว่าอิลฮัมให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า หากจรรยาและอนัญญากลับบ้านไปตอนนี้ คำรณอาจดักรอเพื่อทำร้ายร่างกายจรรยาอีก และอาจทำร้ายอนัญญาด้วย อยู่พักฟื้นร่างกายที่นี่หนึ่งคืนได้ประโยชน์สองอย่างคือ ดูอาการเพิ่มเติมกับหลบคำรณ ด้วยเหตุผลนี้นี่เองทำให้จรรยายอม
ห้องพักฟื้นห้องนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราวกับว่าอยู่ในบ้านตนเองก็ว่าได้ ห้องพักฟื้นแยกออกเป็นสัดส่วน มีห้องพักสำหรับคนมาเฝ้าไข้ ห้องรับรองแขกอันโอ่โถง ห้องทานอาหารอีกห้องหนึ่ง ยังไม่หมดยังมีห้องครัวเล็กๆ ไว้สำหรับเตรียมอาหาร ตู้เย็น ตู้อบ ไมโครเวฟมีพร้อมสรรพ จานชามช้อนแก้วก็ไม่ต้องห่วงมีบริการเต็มที่ เตรียมแค่เสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยนเฝ้าไข้เท่านั้น ไม่เพียงแค่นี้ยังมีบริการจากโรงพยาบาลด้วยเจ้าหน้าที่ส่วนตัวยี่สิบสี่ชั่วโมง สมกับราคาค่าห้องหนึ่งแสนหกหมื่นบาทต่อคืนเสียจริง ด้วยราคาค่าห้องและความหรูหราทำให้อนัญญาตกใจ หากค่าใช้จ่ายทั้งหมดอิลฮัมไม่ออกให้ อนัญญาก็ไม่มีปัญหาจ่ายแน่นอน
ขณะอิลฮัมอยู่ในห้องพักฟื้น ในห้องรับแขกชีคฟาฎิลกำลังนั่งคุยกับเด็กแฝดที่อภิญญาบอกว่าเป็นลูกของตน เขาทึ่งเรื่องภาษาอังกฤษของทั้งสองที่สามารถสื่อสารกับตนได้ แม้ว่าไม่คล่องเหมือนเด็กเจ้าของภาษา หากให้คะแนนเต็มสิบ ฟาฎิลให้แปดคะแนน
การพูดคุยกับเด็กชายฝาแฝดทำให้ฟาฎิลมีความสุข ปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้คุยกับเด็กสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าคุยไปก็ไม่รู้เรื่อง การพูดคุยครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่า อานัสกับอานีสเป็นเด็กฉลาด
“อานัสกับอานีสรู้จักพ่อไหมครับ” ฟาฎิลถามเด็กแฝด
“แม่ส้มบอกว่า พ่ออยู่ไกลฮะ ไกลมากๆ เลย แม่ส้มพาผมกับอานีสไปหาพ่อไม่ได้ แม่ส้มไม่สบายฮะ แต่แม่ส้มเคยบอกว่า สักวันพ่อจะมาหาเราสองคนฮะ” อานัสกับอานีสจำคำพูดประโยคนี้ของอภิญญาแม่น และนับตั้งแต่นั้นทั้งคู่ไม่เคยถามถึงบิดาอีกเลย
ฟาฎิลได้ยินแล้วถึงกับสะอึกไปคำโต หากอภิญญาบอกเขาตั้งแต่ตอนตั้งท้อง หล่อนอาจไม่เสียชีวิต และลูกไม่ขาดพ่อ ความเป็นอยู่คงสบายมากกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า จากการพูดคุยกันไม่ถึงชั่วโมง ฟาฎิลมีความมั่นใจว่า เด็กชายอานัสกับอานีสเป็นลูกของตน แต่อย่างไรเสียการตรวจดีเอ็นเอต้องเกิดขึ้นเพื่อความมั่นใจ
“ลุงขอกอดอานัสกับอานีสได้ไหมครับ”
“ได้ครับคุณลุง” อานัสกับอานีสที่นั่งขนาบข้างชีคหนุ่มกอดร่างสูงใหญ่พร้อมกัน และนั่นทำให้ฟาฎิลรับรู้ถึงความสุขที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ในความรู้สึกกระตุ้นบอกเขาว่า เด็กชายสองคนนี้เกิดมาเพื่อให้ตนปกป้องดูแล
อนัญญามาทันได้เห็นภาพชีคฟาฎิลสวมกอดอานัสและอานีสพอดี หล่อนถึงกับชะงักเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของสองหลานชายและรอยยิ้มของชีคหนุ่ม ภาพนี้ทำให้อนัญญารู้สึกว่า เหมือนพ่อกอดลูก หล่อนไม่รู้ว่าควรดีใจหรือรู้สึกอย่างไรกับภาพนี้ดี ใจหนึ่งก็ดีใจที่เห็นความสุขบนใบหน้าหลานรัก แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่า หากตรวจดีเอ็นเอขึ้นมาจริงๆ แล้วผลออกมาว่า ทั้งคู่เป็นลูกชายชีคฟาฎิล หล่อนก็ต้องเสียหลานไป ไม่มีทาง หล่อนไม่มีวันให้ใครพรากอานัสกับอานีสไปจากตนเด็ดขาด