“รุ้ง...ผมต้องการรุ้งเหลือเกิน” คำเรียกของเขาไม่ต่างจากฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง แม้จะเริ่มเสียวกระสันไปกับสัมผัสรุกรานของเขา แต่ได้ยินเสียงเรียกพร่าแหบน้ำตาเม็ดเล็กก็ค่อยๆ ร่วงผล็อยลงมาไม่หยุด
แต่เธอกลับต้องชะงักไปเมื่อเขาเคลื่อนใบหน้าขึ้นมาจูบเบาๆ บนเปลือกตาทั้งสองข้าง
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว ฉันจะดีกับเธอ...”
ต่อให้เขาคิดว่าเธอเป็นคนอื่น แต่เสียงกระซิบนั้นกลับสามารถปลอบหัวใจแสนบอบบางของวันวิสาได้เป็นอย่างดี และเพียงเขาค่อยๆ ยกขาของเธอขึ้นแล้วรุกล้ำเข้ามาในร่างกายก็ทำเอาเธอถึงกับกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้ ทว่าแม้จะพยายามแค่ไหนก็อดร้องออกมาไม่ได้อยู่ดี
“พ่อเลี้ยง...เทียนเจ็บ” วันวิสาดิ้นทุรนทุรายแต่ก็ไม่สามารถขยับสะโพกหนีการรุกรานของอาวุธใหญ่โตจากร่างกายพ่อเลี้ยงเมธได้ เพราะแค่เธอร้องประท้วงเขาก็แนบริมฝีปากคลุกเคล้าเสียจนเธอได้แต่ครางอื้ออึง มือของเขาอีกข้างที่เลื่อนขยับมาคลำคลึงแก้มก้นของเธอและล้วงต่ำลงไปกว่านั้นทำเอาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นค่อยๆ หายไป เหลือแค่เพียงความหวามไหวที่ไม่เคยพานพบมาก่อน
“พ่อเลี้ยง...”
“ดีเหลือเกิน...รุ้งของฉัน เธอดีเหลือเกิน”
เมธัสครางซ้ำๆ อยู่กับซอกคอหอมกรุ่น แถมยังดูดดึงฝากร่องรอยรักเอาไว้หลายจุดอีกด้วย โดยเฉพาะติ่งหูบอบบางนั้นถูกเขากัดถูกเขาเลียไล้เสียจนเปื้อนน้ำลาย “อ้า...รุ้งของฉัน”
สะโพกสอบของเขาที่ขยับเขยื้อนอยู่ไม่หยุด ปะปนกับเสียงเรียกชื่อของคนอื่นทำเอาร่างเล็กๆ ของวันวิสาถึงกับสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ไม่ใช่เจ็บแค่ร่างกายที่ถูกพ่อเลี้ยงเมธรุกล้ำหรอก แต่เจ็บทั้งหัวใจเพราะขณะที่เขาทำแบบนี้กับร่างกายของเธอแต่กลับยังเรียกชื่อคนอื่น คิดถึงคนอื่นอยู่ไม่หยุด ราวกับว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเธออย่างไรอย่างนั้น
น้ำตาของวันวิสาไหลหลั่งลงมาไม่ขาดสาย ทั้งเจ็บปวด ทั้งเสียใจที่ปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิด เธอไม่น่าเลย...ไม่น่าเป็นห่วงเขาจนต้องมาถึงที่นี่ แล้วเป็นอย่างไรเล่า เขาตอบแทนความห่วงใยด้วยการร่วมรักกับเธอ...แต่กลับเรียกชื่อของคนอื่นแทนชื่อเธอ
ดวงตากลมโตทั้งสองข้างค่อยๆ ปิดลง ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ ทรมานแค่ไหนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนได้อีกแล้ว เพราะตอนนี้พ่อเลี้ยงเมธ คนที่เธอเห็นมาตลอดยี่สิบสามปีกำลังถาโถมสะโพกสอบเข้ามาในร่างกายของเธออยู่ไม่หยุด
จากผนังห้อง...ลงบนพื้น
เคลื่อนขึ้นมาถึงเตียงนอน
ตลอดทั้งค่ำคืน เธอได้ยินเสียงเขาคำรามอยู่บนเรือนร่างไม่ต่ำกว่าสามครั้ง
มันยาวนาน วาบหวาม ทำเอาหัวใจของเธอเต้นแรง ขณะเดียวกันก็สร้างความเจ็บปวดเสียจนเธอต้องประคองร่างอ่อนปวกเปียก สวมใส่เสื้อผ้าด้วยเนื้อตัวสั่นเทาแล้วก้าวออกจากบ้านของเขา...ไปก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่างโร่ ทิ้งไว้แค่เพียงซับในตัวน้อยที่ลืมหยิบมาสวมใส่เท่านั้น
เพียงพุ่งออกจากประตูบ้านของพ่อเลี้ยงเมธได้ วันวิสาก็มองซ้ายมองขวาอย่างขลาดกลัวว่าจะพบเจอกับคนอื่นเข้า แต่โชคดีที่ตอนนี้ผู้คนในปางไม้ยังไม่ตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมของวันใหม่ จึงสามารถหลบเร้นเนื้อตัวผ่านเงาไม้กลับสู่บ้านพักหลังเล็กของตัวเองได้ ระหว่างขึ้นบันไดมาขายังคงสั่นเทาอยู่เลย จนดวงตาปะทะกับแสงไฟในห้องของยายที่สว่างวาบขึ้นนั่นแหละถึงได้รีบหลบเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนคลุมโปงอย่างรวดเร็ว
เธอยังเจ็บตรงนั้น ตามเนื้อตัวคงมีร่องรอยจากไฟพิศวาสของพ่อเลี้ยงเมธ แต่กลับไม่สามารถปริปากหรือบอกใครได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แถมยังเตือนตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็เป็นแค่ความฝันเท่านั้น
เปลือกตาบอบบางค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ และความเหน็ดเหนื่อยที่ตรากตรำมาตลอดทั้งค่ำคืนก็ทำให้เธอหลับไปได้ไม่ยากเลย
ผิดกับใครบางคนที่ปวดหัวเสียจนไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เมื่อแสงอาทิตย์ค่อยๆ สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา เมธัสก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วตบหัวให้คลายจากอาการที่เป็นอยู่ ทว่าเพียงลืมตาขึ้นมองภาพเบื้องหน้าทั้งหมดก็พลันต้องขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเสื้อผ้าของเขาถึงได้หล่นเกลื่อนเต็มพื้นบ้าน ร่างกายของเขาเปลือยเปล่าล่อนจ้อนไม่มีสิ่งใดปกปิด
เมื่อประคองร่างของตัวเองหยัดยืนแล้วเปิดไฟให้สว่าง ภาพตรงหน้าที่เห็นทำเอาเขาต้องยกมือปิดปาก
กางเกงชั้นในสีชมพูลายตุ๊กตาหมีบิดม้วนกองอยู่ตรงหน้า จึงได้แต่กลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยแล้วค่อยๆ หยิบมันขึ้นมามองให้เห็นชัดๆ แค่สัมผัสถึงความเปียกชื้นกับคราบสีขาวจางๆ ที่ปรากฏอยู่ก็ทำเอาลำคอแกร่งถึงกับแห้งผากเลยทีเดียว
“นี่มัน...” เหลียวมองไปยังเตียงนอน เขาก็ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเลือด คราบด่างดวง ผ้าห่ม หมอนที่หล่นตกอยู่ข้างเตียง ไหนจะความรู้สึกปลอดโปร่งในหน้าท้องนั่นอีก ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ดีว่าเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่รู้ก็คือ เขานอนกับใคร
ครั้นคิดว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักคงกลับมา จึงคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันเอวไว้หลวมๆ แล้วพุ่งไปยังห้องพักของเธอด้วยความรีบร้อน ทว่าความว่างเปล่าไร้เงาของผู้เป็นเจ้าของห้องนั้นทำเอาร่างกายสูงใหญ่ของเมธัสถึงกับอ่อนแรงเสียจนต้องทิ้งตัวพิงผนังห้อง
“มันเรื่องบ้าอะไรวะ!” ชายหนุ่มพยายามถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่เขาคงดื่มเหล้าขาวไปหลายขวดถึงคิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนกระทั่งเสียงครวญครางสลับกับเสียงร้องไห้ของใครบางคนค่อยๆ ดังขึ้น กลิ่นกายหอมอ่อนๆ คล้ายดอกมะลิติดตรึงอยู่ปลายจมูกกับปลายลิ้นทำให้คิ้วสีเข้มขยับชนกันอยู่ไม่หยุด ถึงแม้จะมีเสียงและกลิ่นผุดเข้ามาในความทรงจำ แต่ใบหน้าของผู้หญิงที่เป็นเจ้าของกางเกงชั้นในตัวนั้นเขากลับนึกไม่ออกเลยแม้แต่น้อย ยิ่งคิดถึงหัวของเขาก็ยิ่งปวดเสียจนแทบระเบิดออกมา
สุดท้ายจึงได้แต่เงยหน้าขึ้นแล้วถามตัวเองซ้ำๆ
“เมื่อคืน...กูนอนกับใครกันแน่วะ!”