บทที่ ๓ หลบหน้า(๑)

1129 คำ
ช่วงสายของวันใหม่ เสียงเคาะประตูห้องเบาๆ สลับกับคำเรียกขานที่คุ้นหูก็ดังขึ้น “เทียนเอ๊ย! เอ็งตื่นหรือยังลูก” แม้จะร้าวระบมตัว ปวดหัวจนแทบจะไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้ แต่วันวิสาก็ยังข่มความเจ็บปวดเอาไว้ ส่งเสียงอู้อี้ตอบออกไปก่อนที่ยายอบจะเปิดประตูเข้ามา “ตะ...ตื่นแล้วจ้ะยาย แต่ฉันยังไม่อยากลุกเลย...ฉันขอนอนต่ออีกหน่อยนะจ๊ะยาย” ยายอบทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “เอ็งไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก” “ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันแค่ขี้เกียจลุกเท่านั้น” “ถ้าอย่างนั้น ยายไปดูโรงครัวของปางไม้ก่อนนะ เห็นว่าวันนี้พ่อเลี้ยงเมธจะออกมาทำงาน ทำเอาทุกคนในปางไม้ดีใจกันยกใหญ่เชียวล่ะ โล่งอกไปทีที่พ่อเลี้ยงไม่ขังตัวเองอยู่ในบ้านอีก” “ดีแล้วจ้ะยาย” วันวิสาตอบออกไปเสียงแผ่วๆ “ฉันง่วงอยู่เลย ฉันนอนก่อนนะจ๊ะ” “เออๆ เอ็งนอนไปเถอะ หิวก็ลุกขึ้นมากินข้าวกินปลาด้วยล่ะ อย่าอดเด็ดขาด” “จ้ะยาย” เมื่อเสียงฝีเท้าของคนเป็นยายออกห่างไปเรื่อยๆ หญิงสาวก็กัดฟันลุกขึ้น แต่พอก้าวขาลงจากเตียงกลับต้องนิ่วหน้าเล็กน้อย เพราะความเจ็บลามเลียกรางเลือนร่างเสียจนปวดร้าวไปหมด สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้วนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน กระทั่งเริ่มรู้สึกดีขึ้นนั่นแหละถึงได้เดินไปคว้าเสื้อผ้าแล้วเดินเลียบๆ เคียงๆ อย่างระวังเพื่อไปยังห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่งกับห้องนอน เข้ามาด้านในก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย จนเรือนร่างเปล่าเปลือยนั่นแหละถึงได้ก้มมองอย่างสำรวจตรวจตรา รอยแดงเถือกที่ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นทีละจุดทำให้วันวิสาได้แต่ยกมือปิดปากเพื่อปิดกั้นไม่ให้ปล่อยเสียงร้องด้วยความตกใจ จนกระทั่งเห็นทุกอย่างผ่านกระจกบานเล็กนั่นแหละถึงได้หลับตาลงแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมา เพราะว่าตั้งแต่ลำคอลงมาจนถึงโคนขาด้านล่างไม่มีจุดไหนเลยที่ยังขาวกระจ่างตาเหมือนเช่นวันวาน ทุกตารางนิ้วบนตัวของเธอมีแต่ร่องรอยจากปากจากมือของพ่อเลี้ยงเมธทั้งสิ้น “ลืมมัน...ลืมซะ!” วันวิสาสั่งตัวเองซ้ำๆ ขณะคว้าขันตักน้ำราดรดเรือนกายบอบช้ำไปมา สบู่ถูกนำมาถูตามรอยแดงไม่หยุด แต่ยิ่งถูก็คล้ายยิ่งบอบช้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าอยู่กับพื้น แนบใบหน้าฉ่ำชื้นด้วยน้ำตาลงระหว่างขาแล้วปล่อยให้ตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงนั่นแหละถึงได้รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วข่มความเจ็บปวดไปหยิบเอายาแก้ปวดมากินสองเม็ดถึงได้กลับไปขังตัวเองอยู่ในห้องอีกครั้ง ช่วงสองสามวันนี้ เธอคงต้องใส่เสื้อผ้ามิดชิดและก็เก็บเนื้อเก็บตัวห้ามออกไปข้างนอก ไม่อย่างนั้นทุกคนในปางไม้ต้องสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเป็นแน่ โดยเฉพาะตามลำคอและซอกหูของเธอที่ยังมีรอยแดงช้ำ เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะเก็บตัวอยู่ในบ้านเช่นนั้น กลับเข้ามาใส่เสื้อผ้าได้ก็รีบซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มทันที ตลอดเวลาที่พยายามข่มตาให้หลับไปอีกครั้งนั้น ภาพที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับพ่อเลี้ยงเมธก็พลันปรากฏเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง จึงได้แต่ส่ายหัวไปมา “อย่าไปคิดถึง เธอต้องลืมเดี๋ยวนี้นะยัยเทียน ลืมให้หมด” พึมพำบอกตัวเอง จนกระทั่งค่อยๆ หลับไปเพราะความอ่อนเพลียบวกกับฤทธิ์ยา ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ในเวลาที่คนเป็นยายเรียก จึงได้แต่พยายามเดินออกจากห้อง โดยปล่อยผมยาวๆ ให้ปกคลุมต้นคอไว้ ฝืนยิ้มให้ยายทั้งๆ ที่ยิ้มไม่ออก “เอ็งยังไม่ได้กินข้าวอีกรึ” ยายอบหรี่ตาลง ท่าทางโมโหไม่น้อยเลยทีเดียว “ยายทำกับข้าวไว้ให้ ไม่เห็นหรือไงฮึ” “เห็นจ้ะ” วันวิสาก้มหน้าก้มตาบอก “แต่ฉันรอยายก็เลยไม่กินจ้ะ” “รอทำไม ยายไปช่วยคนอื่นๆ ทำอาหาร วันนี้พ่อเลี้ยงเมธมากินข้าวเที่ยงกับพวกคนงานในปางด้วย” “จริงหรือจ๊ะ” เวลาที่ชื่อของใครบางคนถูกหยิบยกขึ้นมาในบทสนทนากลับไม่ทำให้วันวิสารู้สึกตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เธอเอาแต่ก้มหน้า หลุบตาลงต่ำ แถมยังจับชายเสื้อเอาไว้ด้วยความขลาดกลัว ยิ่งได้ยินเสียงพึมพำเรียกขานชื่อคนอื่นในเวลาที่เขาแนบสนิทกับเธอยิ่งทำให้ขอบตาพลันแดงเรื่อขึ้นจนต้องกะพริบถี่ๆ อยู่หลายทีถึงได้หักห้ามหยาดน้ำตาเอาไว้ได้ “เราไปกินข้าวกันเถอะจ้ะ ฉันหิวแล้ว” “ไปๆ ยายจะกินเป็นเพื่อน เอ็งนี่นะ เผลอหน่อยก็ไม่ได้ เป็นแบบนี้แล้วยายจะไว้ใจให้เอ็งอยู่คนเดียวได้ยังไง” ยายอบบ่นอุบ ทำเอาวันวิสาต้องโอบเอวไว้อย่างออดอ้อน ร่างกายบอบบางสั่นเทิ้มจนยายอบสัมผัสได้ “เป็นอะไร ยายดุแค่นี้ก็ร้องไห้” “ก็ฉันดีใจนี่จ๊ะ ดีใจที่ยายดุ ที่ยายด่าว่าก็เพราะว่ายายรักฉัน” “เอ็งนี่นะ” คนเป็นยายทอดถอนใจแล้วหอมขมับของหลานรักเบาๆ ก่อนจะพากันไปนั่งกินข้าวอยู่บนลานบ้าน กินไปไม่กี่คำยายอบก็พูดขึ้น “พรุ่งนี้ พ่อเลี้ยงเมธเรียกรวมพลทุกคนในปากไม้ บอกว่าอยากจะเห็นพวกเราแล้วก็จะได้จัดสรรปันงานให้ เอ็งก็อย่าลืมไปล่ะ ไม่อย่างนั้นพ่อเลี้ยงจะต่อว่าเอาได้” “ฉันด้วยหรือจ๊ะ” “ใช่สิ เห็นว่าให้พาไปตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงเลยแหละ ไม่รู้นึกอะไรขึ้นมาถึงได้อยากเห็นหน้าทุกคน สงสัยคงอยากจะขอโทษด้วยกระมังที่ทิ้งงานทิ้งการไปจนพวกเราต่างเดือดเนื้อร้อนใจ ยังไงๆ ก็ไปสักหน่อยเถอะ จะได้รู้ว่าพ่อเลี้ยงจะพูดอะไรบ้าง” วันวิสาอยากค้านหัวชนฝา แต่สุดท้ายก็ได้แต่อ้อมแอ้มตอบรับเบาๆ แล้วก้มหน้ากินข้าวกินปลาเงียบๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมอาหารที่กลืนลงคอแต่ละคำมันถึงฝาดเฝื่อนนัก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาออกคำสั่งให้ทุกคนไปรวมตัว หรือว่าเขาจะจำได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยิ่งคิดมือไม้ก็พลันสั่นไปหมดเสียจนปล่อยช้อนร่วงหล่น เพล้ง!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม