พราวมุกเหม่อลอยไปไกลจนชายหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้ แม้หญิงสาวจะไม่พูดหรือแสดงอาการอะไรออกมา แต่แววตาของเธอเศร้าอย่างเห็นได้ชัด สองมือของเธอกำเงินที่เหลือไว้แน่นและเดินตามเขาเข้ามาในห้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“พักอยู่ด้วยกันที่นี่ก่อนแล้วกันนะ”
“อืม”
“แล้วงานของเธอล่ะ”
“โดนไล่ออกตั้งแต่เมื่อวานก่อนแล้ว ใครจะกล้าจ้างต่อล่ะ” แหงล่ะสิ เธอโดนตบซะกลางร้านแบบนั้น เจ้าของร้านคงไม่ใจดีให้เธอทำงานต่อและทุกคนก็เข้าใจไปแล้วว่าเธอเป็นชู้กับคนที่มีลูกและเมียแล้ว
“ถ้างั้นไปทำงานที่ไนต์คลับไหม”
“...”
“ไนต์คลับของพี่กำลังขาดบาร์เทนเดอร์”
“ก็ได้” ในเมื่อมีโอกาสเข้ามาหาถึงขนาดนี้แล้ว พราวมุกก็ไม่รีรอที่คว้ามันเอาไว้ก่อน
“ถ้างั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปไนต์คลับกันนะ”
“แล้วคุณไม่ไปทำงานเหรอ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วคนที่ทำธุรกิจมักจะงานยุ่งกันไม่ใช่หรือไง
“อยู่ที่ไหนก็ทำได้” คณินตอบ
พราวมุกพยักหน้าเล็กน้อย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้เขากำลังทำธุรกิจอะไรอยู่ ได้ยินมาจากคะนิ้งว่าเขากำลังลงทุนกับธุรกิจใหม่ แต่ก็ไม่เคยถามว่าธุรกิจอะไร เพราะตอนนั้นเธอไม่ค่อยอยากจะได้ยินชื่อของเขาสักเท่าไหร่
“ในตู้มีเสื้อผ้าของคะนิ้งอยู่สองสามชุด เธอเลือกใส่ได้เลย ส่วนห้องนอน พี่ยกให้ เดี๋ยวพี่นอนข้างนอกก็ได้”
“อืม”
“ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่จะทำอาหารไว้รอ” พราวมุกทำตามสิ่งที่เขาบอกโดยไม่ต่อต้านเลยสักนิด จนรู้สึกว่าเธอกำลังจะเปิดใจให้กับเขาอีกครั้งแล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังเร็วเกินไปสำหรับเธอ
เธออยากจะใช้ช่วงเวลานี้พักใจและดูแลตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน อยากจะใช้เวลานี้ตามหาพ่อตามคำขอของแม่
เธอใช้เวลาอาบน้ำไปกว่าครึ่งชั่วโมง พอออกมาคณินก็ทำอาหารเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่เพียงคนทำที่หายตัวไปไหนไม่รู้
‘พี่มีธุระด่วน กินข้าวแล้วก็เข้านอนเลย พรุ่งนี้มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ’
ข้อความบนกระดาษโน้ตวางอยู่บนโต๊ะอาหาร พราวมุกมองไปรอบๆ ด้วยความไม่คุ้นชิน บรรยากาศในห้องเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงาน
โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี ทุกอย่างเลยดูน่าเบื่อไปเสียหมด หากในเวลานี้เธอไม่ได้มีเรื่องที่จะต้องคิดก็คงจะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้แน่ๆ
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเกือบจะตีสอง คณินยังคงอยู่ที่ไนต์คลับ หลังจากที่โดนผู้จัดการโทรเรียกให้มาช่วยจัดการพนักงานที่แอบขโมยของภายในไนต์คลับออกไปขาย
“ถ้างั้นก็จัดการตามที่สั่งไปให้เรียบร้อย”
“ครับคุณคณิน”
“แล้วก็พรุ่งนี้ฉันจะพาบาร์เทนเดอร์คนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก” เขาหันไปเอ่ยกับผู้จัดการร้าน
“แต่บาร์เทนเดอร์ที่นี่ก็มีหลายคนแล้วนะครับ” ผู้จัดการร้านทักท้วงขึ้น ลำพังบาร์เทนเดอร์ตอนนี้ก็มีตั้งห้าคนแล้ว ถ้าหากจะพามาเพิ่มอีกร้านก็ต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเหมือนกัน
“คนนี้ฉันจ่ายเงินเดือนเอง แต่คุณห้ามพูดเรื่องนี้กับเธอเด็ดขาด ปฏิบัติกับเธอให้เหมือนบาร์เทนเดอร์และพนักงานคนอื่น”
“ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จะตีสามแล้วเหรอเนี่ย” คณินก้มมองดูนาฬิกาข้อมือที่เข็มสั้นเกือบจะเดินมาถึงเลขสามแล้ว
ร่างบางที่เข้านอนตั้งแต่เที่ยงคืนจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว แต่ทว่าดวงตาทั้งสองของเธอกลับยังคงเปิดกว้าง ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมนอนไม่หลับสักทีเนี่ย” พอนอนไม่หลับก็พาลหงุดหงิดกับตัวเองไปด้วย ออกมาจากบ้านหลังนั้นได้แล้ว เธอก็ควรจะใช้ชีวิตต่ออย่างมีความสุขไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมถึงยังได้อมทุกข์อยู่แบบนี้กัน
“ยังไม่นอนเหรอ” เสียงหนาทุ้มดังขึ้น ทำให้พราวมุกสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเปิดโคมไฟที่หัวเตียง จึงเห็นว่าคณินยืนอยู่ที่ประตูห้อง
“คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เพิ่งจะกลับมา”
“ออกไปไหนมาเหรอ” อาจจะดูเหมือนเธออยากรู้เรื่องของเขามากไป แต่ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้จริงๆ คงไม่แปลกหากเขาจะมองว่าเธอกำลังทำสิ่งที่ตรงข้ามกับคำพูดของตัวเอง
“ที่ไนต์คลับมีเรื่องนิดหน่อย เลยต้องไปจัดการน่ะ”
“อ๋อ”
“นอนไม่หลับเหรอ”
“ก็ไม่เชิง”
“สนใจมาดื่มไวน์ด้วยกันไหม” ปกติแล้วคณินมักจะดื่มไวน์ก่อนเข้านอนเวลาที่รู้สึกว่ามีเรื่องเครียดแล้วอยากจะผ่อนคลาย
“ฉันไม่ชอบดื่ม”
“งั้นก็ตามใจ”
“ดื่มก็ได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอเปลี่ยนคำตอบของตัวเอง หากดื่มแล้วทำให้นอนหลับลงได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะลองดูสักครั้ง
ตู้ไวน์ที่ตั้งอยู่ภายในห้องทำงานมีขวดไวน์หลากหลายยี่ห้อวางเรียงกันนับไม่ถ้วน เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่ชอบดื่มไวน์มาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะชอบถึงขนาดลงทุนซื้อตู้แช่ไวน์มาไว้ในห้อง
“ไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แล้วทำไมถึงมาเป็นบาร์เทนเดอร์ได้”
“ก็งานดี เงินดี แล้วก็ไม่ได้ถึงกับไม่ชอบดื่ม แต่จะเรียกว่าชอบก็ไม่ได้” คำพูดที่ดูจะซับซ้อนแต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะเข้าใจ พราวมุกนั่งมองของเหลวสีแดงอมม่วงในแก้ว แล้วจรดริมฝีปากดื่มเข้าไปในคราวเดียว
รสชาติเฝื่อนจนหนักไปทางขมดูเหมือนจะเข้ากับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ไม่น้อย ความแรงของแอลกอฮอล์ทำให้เธอรับรู้ได้ในทันที แต่ก็แฝงไปด้วยความนุ่มละมุนลิ้นที่บ่งบอกถึงคุณภาพของมัน
“ขออีกแก้วสิ” เธอบอกกับคณิน ก่อนที่เขาจะรินไวน์ให้เธอโดยไม่ลังเล
ไวน์แก้วที่สองหมดไปภายในรวดเดียวอีกครั้ง และตามมาด้วยแก้วที่สาม แก้วที่สี่ จนกระทั่งขวดไวน์ว่างเปล่าพร้อมกับหญิงสาวที่นั่งหน้าแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
“อยากนอนหรือยัง”
“ไม่ นอนไปก็นอนไม่หลับ” พราวมุกปฏิเสธ ในขณะที่เขากำลังนั่งจ้องเธอพร้อมกับไวน์ในมือที่จิบไปได้เพียงไม่กี่ครั้งและเขาดื่มไปไม่ถึงหนึ่งในสี่ของปริมาณไวน์ในขวดเลยด้วยซ้ำ
“ถ้ามีเรื่องอะไรอยากจะระบาย ก็ระบายออกมาสิ เก็บเอาไว้แบบนั้นก็อึดอัดใจเปล่าๆ”
“...” พราวมุกนิ่งงัน ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของเธอสักคำ จะว่าไปแล้วการพูดหรือระบายออกไป สำหรับเธอมันไม่ต่างจากการที่ทำให้ตัวเองต้องรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าไม่สบายใจก็ไม่เป็นไร”
“ฉันมีเรื่องอยากให้คุณช่วย” พราวมุกเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ช่วย?”
“ก่อนตายแม่ขอให้ฉันตามหาพ่อ”
“จะให้พี่ช่วยตามหาเหรอ” หญิงสาวพยักหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะพูดต่อ
“ก็คุณน่าจะพอมีเส้นสายอยู่บ้าง ช่วยตามหาคนน่าจะไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่”
“ก็ได้อยู่ แต่ว่าเธอจะให้อะไรเป็นค่าตอบแทนล่ะ” แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่ก็น่าเสียดายเล็กน้อยหากไม่ได้อะไรตอบแทน
“ได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“...” เมื่อได้คำตอบจากพราวมุก เขาก็แทบจะไม่กล้าเอ่ยออกไป เพราะสิ่งที่เขาต้องการนั้นอาจจะทำให้เธอไม่เต็มใจที่จะให้นัก
“คุณอยากได้อะไร”
“ให้โอกาสพี่ได้ไหม”
“...”
“พี่ไม่มีอะไรที่ต้องการหรืออยากได้นอกเสียจากโอกาสจากเธอ” คณินเอ่ยจากใจจริง เพราะตอนนี้เขาอยากจะได้โอกาสแก้ไขความผิดในอดีตของตัวเอง
“ก็ได้ ฉันไม่ติดเรื่องนี้ แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยถ้าฉันไม่อนุญาต”
“ได้ เรื่องนั้นพี่ไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นก็ตกลง” ข้อตกลงระหว่างเธอกับเขาเป็นไปได้ด้วยดี
พอมาคิดๆ ดูแล้ว สิ่งที่เขาขอนั้นน้อยกว่าสิ่งที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก อย่างน้อยก็บอกได้ว่าคณินยังคงเป็นผู้ชายคนเดิมในอดีตที่เคารพและให้เกียรติเธอเสมอ ถึงแม้ตอนนี้จะรุกเข้าหาเธอหนักไปหน่อย
“ฉันไปนอนดีกว่า” พราวมุกตัดบทขึ้น เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วและตอนนี้ก็เกือบจะตีห้าแล้ว ถ้าหากไม่นอนก็เห็นทีว่าพรุ่งนี้จะไปทำงานไม่ไหว แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้น...
“ขอนอนด้วยคนได้ไหม”
“ไหนบอกว่านอนข้างนอกได้”
“ก็ขออยู่นี่ไง” คณินจ้องหน้าเธออย่างรอคอยคำตอบ แล้วมีหรือที่คนใจอ่อนอย่างเธอจะกล้าปฏิเสธคำขอของเขา
“เห้อ คุณเป็นเจ้าของห้อง ฉันจะปฏิเสธอะไรได้”
“ก็ตอบมาสิ”
“ได้ แต่ห้ามแตะต้องตัวฉันเด็ดขาด” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเธอเข้ามาในห้องนอน
หมอนข้างถูกนำมาใช้เป็นที่กั้นระหว่างคนสองคนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ส่วนผ้าห่มก็กลายเป็นว่าต้องแบ่งกันคนละครึ่งทำให้ต้องเขยิบเข้ามานอนใกล้กันยิ่งกว่าเดิม
แม้จะมีหมอนข้างกั้นอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยไม่ได้สักเท่าไหร่ เพราะคณินนั้นนอนจ้องหน้าเธอตลอดเวลา จนเธอต้องพลิกตัวหันหน้าไปฝั่งระเบียงแล้วข่มตาหลับ
เพียงไม่นานคณินก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนตัวเล็ก เป็นสัญญาณว่าพราวมุกได้หลับไปแล้ว เหลือเพียงแต่เขาที่ยังคงนอนไม่หลับ