ตอนที่ ๒๐ ดื่มด่ำบรรยากาศ
ทุกค่ำคืนในหนานจิงไม่เคยหลับใหล ทุกร้านค้าต่างประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีสดใส ลู่เสียนเดินนำชายหนุ่มไปยังเหลาสุราเล็กๆ ริมน้ำ
เถ้าแก่หยูเมื่อเห็นนางเดินเข้ามาก็รีบมาต้อนรับ ท่าทางราวกับคุ้นเคยกันมานาน
“เสี่ยวลู่ ไม่ได้พบกันนานเจ้าสบายดีนะ แล้วพ่อหนุ่มคนนี้ใคร”
“เถ้าแก่ ข้าสบายดี นี่สหายข้า พี่เจี๋ย”
เถ้าแก่หยูพยักหน้า พลางเดินนำพวกนางเดินไปยังชั้นสองของเหลาสุรา เหมาะแก่การชื่นชมบรรยากาศริมน้ำยามค่ำคืน
“เถ้าแก่หยู ท่านรู้ใจข้าที่สุด” ลู่เสียนส่งยิ้มให้เถ้าแก่หยู เขาพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินจากไป
“เจ้าดูคุ้นเคยกับที่นี่มาก”
ลู่เสียนเท้าคางมองทิวทัศน์ของแม่น้ำฉางเจียงเบื้องล่าง “ข้าเคยมาตรวจงานกับพี่กู้สองสามครั้ง เถ้าแก่หยูเป็นคนส่งอาหารประจำให้พวกเรา”
“หากบอกว่าไม่ริษยาเขา ข้าคงโดนฟ้าผ่าตาย” หยางเฟิงเจี๋ยอมยิ้ม ทอดสายตาชื่นชมทิวทัศน์ไปกับนาง
ใครจะสนว่านางคิดถึงผู้ใด ตอนนี้เขาอยู่ข้างนาง หาใช่กู้เหยียนชิง รอยยิ้มสมใจปรากฏบนมุมปากได้รูป
“มาแล้วเสี่ยวลู่ เจ้ากับสหายค่อยๆ ดื่มไปนะ เดี๋ยวข้าจะเอาอาหารมาให้”
“ขอบคุณเถ้าแก่หยู”
ลู่เสียนรินเหล้าลงในชามกระเบื้อง เหล้าสะอาดใสที่มาพร้อมกับกลิ่นหอม หยางเฟิงเจี๋ยหลับตาสูดดมกลิ่นเหล้า “เหล้าเฝิน?[1]”
“นึกไม่ถึงว่าคนอย่างท่านชอบดื่มสุรา”
“เมื่อก่อนข้าต้องออกศึกตั้งแต่ยังเด็ก ได้เหล้าพวกนี้ช่วยคลายหนาว นานแล้วที่ไม่ได้ดื่ม”
“พูดราวกับคนแก่ใกล้เกษียณ” พูดจบมือหนึ่งก็ซดเหล้าอีกมือก็เติมไม่หยุด
มือหนาคว้าแขนของลู่เสียนเอาไว้ “น้องลู่ เจ้าคออ่อนยังจะดื่มสุรา กับข้าวก็ยังไม่มา”
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าคออ่อน”
“ก็คืนนั้น…” ลู่เสียนรีบเอามือปิดปากหยางเฟิงเจี๋ย นางเขม่นตาใส่เขา เถ้าแก่หยูให้เสี่ยวเอ้อร์ยกอาหารขึ้นมาพอดี
“เสี่ยวลู่ นี่ปลาตะเพียนนึ่ง น้ำแกงพิราบเห็ดหูหนู ซุปปลาช่อนตุ๋นโสม เนื้อวัวนึ่งชงจ่าย ของพวกนี้ข้าตั้งใจทำมาบำรุงเจ้าโดยเฉพาะ หลังจากเข้าสำนักบัณฑิตได้อย่าทำเสียชื่อคุณชายกู้นา”
ลู่เสียนซาบซึ้งใจ “ขอบคุณเถ้าแก่หยู”
“ข้าไปล่ะ พวกเจ้าค่อยๆ กินนะ
“ขอบคุณเฒ่าแก่”
ลู่เสียนลอบยิ้ม หยางเฟิงเจี๋ยนอกจากจะเลิกปั้นหน้าเย็นชาแล้ว ยังส่งยิ้มให้กับเถ้าแก่หยูอีกด้วย
ลู่เสียนมองรอยยิ้มของเขาตาค้าง เกิดความรู้สึกว่าอยากเก็บรอยยิ้มนี้เอาไว้คนเดียวเสียแล้ว
“พี่เจี๋ยท่านลองกินปลานี่ดูสิ” ลู่เสียนคีบปลาให้เขา นางเคยชินกับการกินอาหารที่แม่บุญธรรมทำให้กิน เพราะเลือกกินจนได้มาเจอกับเถ้าแก่ หยูนางจึงเจริญอาหารอีกครั้ง
“เจ้าก็กินสิ” เขาคีบให้นางบ้าง “เจ้าเข้าสำนักบัณฑิตได้ต้องบำรุงสมองหนักๆ หน่อย”
“พี่เจี๋ย ท่านคิดว่าข้าโง่หรือ?”
หยางเฟิงเจี๋ยอมยิ้ม “กินซะ”
รอยยิ้มนั้นอีกแล้ว...ลู่เสียนรู้สึกราวกับตัวเบาหวิว ล่องลอยอยู่ท่ามกลางปุยเมฆ สติพร่าเลือน
นางเสพติดรอยยิ้มของเขาเข้าแล้ว
“พี่เจี๋ย”
หยางเฟิงเจี๋ยเหลือบตามองลู่เสียน ใบหน้ากลับมาเรียบตึงอีกครั้ง “มีอะไร?”
หัวใจนางพลันห่อเหี่ยว เขาเป็นบ้าหรืออย่างไร เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวไม่ยิ้ม “ท่านยิ้มบ่อยๆ สิ”
“ข้าไม่อยากยิ้มทำไมต้องยิ้ม”
“เพราะท่านเป็นแบบนี้อย่างไรเล่าถึงน่าเบื่อยิ่ง”
“ข้าไม่ใช่คนบ้า”
“นี่พี่เจี๋ย ท่านต้องเข้าใจว่ามนุษย์เรามีทั้งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา[2] จะทำหน้าตายอย่างเดียวใช้ได้ที่ไหน”
“แบบนี้พอหรือไม่” เขายิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่ ดูตลกมากกว่าน่ามองจนลู่เสียนถลึงตาใส่เขา
“ท่าน! นี่เรียกว่าประชดประชัน ท่านต้องยิ้มออกมาจากเบื้องลึกในจิตใจ อยากยิ้มก็ยิ้ม อยากหัวเราะก็หัวเราะ ไม่ใช่ปั้นหน้าเย็นชาแบบปกติ แบบนั้นสตรีที่ไหนจะชายตามองท่าน”
ลู่เสียนโวยวาย ซดเหล้าอีกชามจนเลอะเทอะ ใบหน้าของนางเริ่มแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา
“ข้าเป็นองค์ชาย ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้”
“น่าขันนัก เป็นถึงองค์ชายเพียงแค่แสดงอารมณ์ความรู้สึกตามใจตัวเองมีอันใดไม่ได้”
หยางเฟิงเจี๋ยแย่งชามเหล้าจากมือของลู่เสียน ไม่ให้นางแตะต้องกาเหล้าอีก “เจ้าเมาแล้ว”
“ข้าไม่ได้เมา เหล้าเฝินไม่ได้แรงขนาดนั้น สติข้ายังครบถ้วน”
“นี่กี่นิ้ว” เขาชูสามนิ้ว
“สาม”
“นี่กี่นิ้ว” เขาชูสองนิ้วแล้วโบกไปมา
ลู่เสียนหรี่ตามองก่อนจะตอบว่า “สอง”
“แล้วนี่ล่ะ” เขาชูหนึ่งนิ้วแล้วโบกไปมาเร็วขึ้น
ลู่เสียนมองจนตาลาย รีบจับนิ้วมือของเขาเอาไว้ “พี่เจี๋ย! ท่านแกล้งข้า!”
“ข้าทดสอบ” หยางเฟิงเจี๋ยหัวเราะ
แปะ!
ลู่เสียนใช้มือทั้งสองข้างกุมหน้าของเขาเอาไว้ ดวงตาของนางฉ่ำเยิ้ม “พี่เจี๋ย ต้องแบบนี้สิ หัวเราะแบบนี้ ยิ้มแบบนี้” ลู่เสียนหัวเราะ ใช้มือข้างหนึ่งจิ้มที่แก้มเขา “ข้าชอบลักยิ้มของท่านจังเลย อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาดนะ!” นางทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
นั่นยิ่งทำให้หยางเฟิงเจี๋ยยิ้มกว้าง “ได้”
“ดีมาก!” ลู่เสียนปรบมือชอบใจราวกับเด็กน้อย รอยยิ้มสว่างสดใส
ชายหนุ่มยื่นมือปัดเส้นผมที่ปรกหน้าของนางเบาๆ “เสี่ยวลู่ ว่ากันว่าสุราทำให้คนพูดความจริง เจ้าสัญญากับข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”
นางผงกศีรษะอย่างว่าง่าย “ได้! ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น”
หยางเฟิงเจี๋ยยิ้มเจ้าเล่ห์ อาศัยจังหวะที่นางเมามัดมือชก มือสองข้างกุมมือลู่เสียนเอาไว้ “เสี่ยวลู่ ต่อไปนี้ห้ามดื่มสุรากับบุรุษตามลำพังเข้าใจหรือไม่”
“ได้! ข้าสัญญา” นางชูสามนิ้ว ยิ้มโง่งม
“เด็กดี เจ้าเมาแล้วกลับกันเถอะ” หยางเฟิงเจี๋ยรั้งแขนลู่เสียนขึ้น เตรียมจะแบกนางกลับ ทว่าลู่เสียนกลับรั้งแขนตัวเองไว้
“เดี๋ยว...ข้าต้องจ่ายเงินก่อน” นางเดินเซไปหาเสี่ยวเอ้อร์ หยิบเงินถุงหนึ่งให้เขาแล้วเดินกลับมาหาหยางเฟิงเจี๋ย
“กลับกันเถิด”
[1] เหล้าเฝิน เป็นเหล้าจีนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านความบริสุทธิ์และกลิ่นหอมในช่วงปลายราชวงศ์หมิง
[2] เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา อารมณ์ทั้งเจ็ด ประกอบไปด้วย ยินดี เดือดดาล โศกเศร้า สุขสันต์ ความรัก ความชัง และความปรารถนา ส่วนกามคุณทั้งหกคือการรับรู้ทาง จักษุ โสต ฆาน ชิวหา กายา และใจ ก่อเกิดเป็นความต้องการต่อ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และทางมโนสำนึกขึ้น