ตอนที่ ๑๙ เป้ยเล่อ

1547 คำ
ตอนที่ ๑๙ เป้ยเล่อ พี่กู้เคยเปรียบนางไว้ว่าราวกับม้าพยศ ทว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกว่ากระทั่งลาพยศนางยังเทียบไม่ติดเลย ทักษะการขี่ม้าของนางย่ำแย่ถึงขั้นที่พอถูๆ ไถๆ เทียบกับคนที่ขี่ไม่เป็นตั้งแต่ต้นแล้วนางทุเรศกว่านัก สุดท้ายก็สอบเข้าสำนักบัณฑิตได้ในอันดับท้ายๆ รู้แบบนี้นางยิงธนูให้ได้คะแนนเต็มไปเลยก็ดีอยู่หรอก คนที่หัวเราะเยาะนางนอกจากจะเป็นกลุ่มคุณหนูตระกูลใหญ่พวกนั้นแล้ว กระทั่งคุณชายทั้งหลายก็ยังไม่ให้เกียรตินางเลยแม้แต่น้อย ไหนจะเป้ยเล่อซือไฉผู้สูงส่งที่เกาะติดนางแจอีกคนเล่า “น้องลู่ อย่าทำหน้างอแบบนี้สิ พรุ่งนี้ก็จะเริ่มรายงานตัวแล้ว อีกหลายวันจะมีการประลองระหว่างบัณฑิตใหม่ ทุกคนต้องลงแข่ง เพราะฉะนั้นเตรียมตัวให้ดีล่ะ” “อะไรกัน ยังไม่ทันได้ร่ำเรียนก็มีการประลองแล้วหรือ?” “แน่นอนสิ เจ้ารีบกลับหรือไม่ ข้าจะพาไปหาอะไรกิน” ไปไหนมาไหนกับคนระดับเป้ยเล่อคงไม่เหมาะนัก อีกทั้งนางยังไม่รู้ว่านิสัยที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร สนิทสนมเกินควรคงไม่ดี อีกอย่างนางสัญญากับคนผู้หนึ่งไว้ “เอาไว้คราวหน้าเถิด วันนี้ข้ามีนัด” ซือไฉเลิกคิ้ว “ไม่มีปัญหา” “ขอตัวก่อน” ซือไฉมองตามแผ่นหลังของลู่เสียนที่เดิน ดวงตาเปล่งประกายล้ำลึก มือหนาล้วงของบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ หยกสีแดงสลักลวดลายประณีต ชิ้นหนึ่งส่องประกายวาววับภายใต้แสงอาทิตย์ เพียงใช้นิ้วชี้เกลี่ยตัวอักษรบนแผ่นหยกก็มีกลิ่นประหลาดหอมฟุ้ง “หงอวี้…” รอยยิ้มอบอุ่นดุจสายลมปรากฏขึ้น ดวงตาเรียวรีทอแววอ่อนโยน เพราะขึ้นหลังม้าทำให้ลู่เสียนแข้งขาอ่อนแรง กระทั่งตอนนี้ใช้วิชาตัวเบาก็ลำบาก ได้แต่ปีนกำแพงตำหนักเฟิงหลงเพื่อลอบเข้าไป เกาะก่ายกำแพงราวกับลิงตัวหนึ่ง โชคดีที่กำแพงด้านหลังไม่มีคนผ่านไปมา นางจึงสามารถทำตามอำเภอใจได้ “เจ้าทำอะไร?” “ก็ปีนกำแพงน่ะสิ” “ไหวหรือ” “ไม่ไหวก็ต้องไหว...เอ๊ะ!” นางหันไปทางต้นเสียง เห็นองค์ชายสิบสามนั่งห้อยขาอยู่บนกำแพง ใบหน้าเรียบเฉยทั้งเย็นชาทั้งยียวนในเวลาเดียวกัน อดประชดประชันไม่ได้ “ถวายพระพรองค์ชายสิบสาม” นางทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อย จำต้องมาห้อยโหนกำแพงราวกับลิงค่าง คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังนั่งมองนางด้วยความสบายอกสบายใจเช่นนี้ แล้งน้ำใจ “นี่...ขอร้องข้าสิ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลู่เสียนต้องขยับห่างออกไป ขาข้างหนึ่งของนางกำลังเกี่ยวกำแพงอยู่ ยังต้องมาระวังเขาอีก กลั้นใจกระโดดขึ้นกำแพงก็สิ้นเรื่อง “อ๊ะ!...” มือของนางชาจนหมดแรงเกาะยึด ทว่าโชคดีที่ถูกหยางเฟิงเจี๋ยคว้าแขนเอาไว้ทัน ใบหน้าเย็นชายื่นเข้ามาอีกครั้ง “ว่าอย่างไร ให้ช่วยหรือไม่” ลู่เสียนหลับตา นับถอยหลังในใจ ลูกผู้หญิง ยืดได้หดได้ “องค์ชายสิบสาม ได้โปรด…” ดวงตากลมโตลืมขึ้นส่งสายตาอ่อนเชื่อมให้เขา หยางเฟิงเจี๋ยเห็นท่าทีออดอ้อนของนางก็เผลอลืมตัวเลอะเลือนชั่วขณะ รั้งร่างบางขึ้นจากกำแพง นางแลบลิ้นใส่เขา แล้วกระโดดลงจากกำแพง ก่อนจากไปจึงหันมาทิ้งคำพูดไว้กับเขา “พี่เจี๋ย ข้าติดค้างอาหารท่านหนึ่งมื้อ เย็นนี้มาเจอกันที่นี่นะ” พูดจบนางก็รีบเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบของเขา หยางเฟิงเจี๋ยหัวเราะในลำคอ มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจนลักยิ้มตรงแก้มบุ๋มลึก “ได้...น้องลู่” นึกว่านางจะข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน[1] เสียแล้ว “คุณหนู...แทนที่ท่านจะแต่งตัวงดงามไปกินข้าวกับองค์ชาย ทำไมต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายด้วยล่ะเจ้าคะ” “ตอนนี้ข้ามีหลายฐานะ หากแต่งตัวเต็มยศออกไปผู้คนจะสงสัยเอาได้ เพียงแค่กินข้าว จะมากพิธีการไปทำไม” “คุณหนู ท่านไม่อาศัยโอกาสนี้ในการสร้างความสนิทสนมกับองค์ชายสิบสามล่ะเจ้าคะ” โม่เอ๋อร์พูดขึ้นบ้าง ทว่านางกลับถูกลู่เสียนดีดหน้าผากหนึ่งที “เด็กโง่ เขาเป็นถึงองค์ชายสิบสาม อนาคตมีสนมชายามากมาย อีกหน่อยข้าก็ต้องออกไปมีโลกของตัวข้าเอง ตอนนี้พวกเราแค่พึ่งพาอาศัยกันเท่านั้น” “คุณหนูก็...ท่านไม่มีใจให้องค์ชายสิบสามสักนิดเลยเหรอเจ้าคะ” สิ่วเอ๋อร์ยังไม่ยอมแพ้ หากลู่เสียนได้เป็นพระชายาพวกนางก็จะสบายกันไปทั้งชาติ มีอะไรน่าอาย “หากบอกว่าไม่หวั่นไหวเลยก็คงไม่ใช่ อนาคตไม่แน่นอน ข้ายังไม่อยากผูกมัดกับใคร” ชีวิตนางตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะขึ้นหรือลง อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ตราบใดที่นางยังรู้สึกไม่มั่นคง แม้กระทั่งสนใจผู้ใดนางก็ไม่อาจปล่อยตัวปล่อยใจได้ “ข้าจะไปแล้ว พวกเจ้าก็ไปพักผ่อนเถิด” ลู่เสียนอมยิ้ม มือบางจัดแต่งทรงผมหน้ากระจกเพื่อตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง “ดูดีหรือยัง” “เจ้าค่ะ” โม่เอ๋อร์แม้จะเป็นห่วงทว่าก็ไม่กล้าท้วงลู่เสียน คุณหนูของพวกนางไม่เหมือนกับคนอื่น ความคิดคล้ายเดี๋ยวก็ลึกล้ำเดี๋ยวก็ตื้นเขิน คาดเดาสิ่งใดไม่เคยได้ ลู่เสียนแม้จะปั้นยิ้ม ทว่าเมื่อเดินออกมาสีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความกังวล นางเงยหน้ามองท้องฟ้ายามสายัณห์ นึกอิจฉาฝูงนกที่บินกลับรังเป็นครอบครัวนัก แต่เดิมเพียงใช้ชีวิตกับพ่อแม่บุญธรรมก็มีความสุขพอแล้ว มีความจำเป็นอันใดกันที่ต้องมาไขว่คว้าอนาคตครอบครัวที่มืดมนเช่นนี้ ทว่าตอนนี้มีคนผู้หนึ่งดูมืดมนยิ่งกว่านางเสียอีก เขายืนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน ไม่ปริปากพูด เพียงแต่มองมาที่นาง รอให้นางเป็นฝ่ายเดินไปหาเขา เย่อหยิ่ง ถือดี มั่นใจในตัวเอง… หรืออบอุ่นอ่อนโยน มีน้ำใจ… องค์ชายสิบสามหรือพี่เจี๋ยคนไหนคือตัวตนที่แท้จริงของเขากันแน่นะ “ท่านรอนานแล้วหรือ” “ข้าไม่ได้ไปไหน” คนแปลก...แทนที่จะเข้าไปรอในตำหนัก เขาสะกิดเท้ากับต้นไม้เพียงครั้งเดียวก็ขึ้นไปอยู่บนกำแพง มือหนายื่นลงมาหาลู่เสียน “ยื่นมือมาสิ วันนี้เจ้าคงจะขี่ม้าจนหมดแรง” “ท่านรู้ได้อย่างไร” หยางเฟิงเจี๋ยเลือกที่จะฉุดนางขึ้นกำแพงมากกว่าตอบคำถามจนนางตกใจแทบสิ้นสติ คนบ้า! คิดจะทำอะไรก็ทำตามใจ ไม่พูดไม่จา เดี๋ยวก็เป็นก้อนน้ำแข็ง เดี๋ยวก็กลายเป็นก้อนเต้าหู้นุ่มนิ่ม อีกฝั่งของกำแพงมีม้าอยู่สองตัว ลู่เสียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ นางชี้ไปยังมาพลางมองสบตาเขาที่นั่งตีหน้านิ่งอยู่บนกำแพง เขาเลิกคิ้ว แล้วก็อมยิ้ม ลักยิ้มน่ารักนั้นโผล่ขึ้นมาอีกแล้ว เขากำลังขำนางอย่างนั้นหรือ? แม้จะหงุดหงิดทว่าเห็นแก่รอยยิ้มที่นานๆ จะโผล่มาสักที นางจะไม่เอาเรื่องเขาก็แล้วกัน “ท่านขี่ม้าไปก็แล้วกัน ข้าจะเดินจูงม้าไป” นางยอมถอยให้เขาครึ่งก้าว ทว่าไม่อาจยอมถอยทั้งหมดได้ หากยอมแล้วต้องยอมตลอด มิสู้ยอมบ้างสู้บ้าง คิดได้เช่นนี้นางก็อมยิ้ม “เดินก็เดินสิ” แม้จะคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องยอมเดิน ทว่านางก็อดหัวเราะเล็กๆ กับตัวเองไม่ได้ ทั้งสองคนเดินเคียงกันบนถนนสายเล็ก ความมืดค่อยๆ โรยตัวลงมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบ ความรู้สึกเหมือนตอนอยู่ริมทะเลสาบที่ซูโจวอีกครั้ง “น้องลู่…” “หือ?” “ให้ข้า...เรียกเจ้าว่าน้องลู่สักคืนได้หรือไม่” ลู่เสียนใบหน้าร้อนฉ่า หัวใจเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ “ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” “มะ...ไม่ใช่ องค์ชายยอมเรียกข้าสนิทสนมเช่นนี้ข้าไม่กล้า” ลู่เสียนอยากเขกหัวตัวเองจริงๆ เจอเรื่องแบบนี้ทีไรนางไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที “แล้วเหตุใดเจ้าไม่เรียกข้าว่าพี่เจี๋ยล่ะ” “…พี่เจี๋ย” “ดี...คืนนี้ไม่เมาไม่เลิกรา” หยางเฟิงเจี๋ยราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลายเป็นพี่เจี๋ยที่แสนอบอุ่นอีกครั้ง “ท่านต้องกินน้อยๆ หน่อย มิเช่นนั้นข้าอาจจะหมดตัวได้” “หมดตัวข้าก็เลี้ยงเจ้าได้” ฉ่า...ลู่เสียนหน้าร้อนวาบ คนผู้นี้...คิดจะล่อลวงนางหรือไร “พี่เจี๋ย อย่าพูดเหลวไหล” “หึ…” ชายหนุ่มไม่ต่อความ จึงได้แต่พูดลอยๆ “แตงที่ฝืนเด็ดย่อมไม่หวาน” [1] ข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม