บทที่ 6ดูถูกผิดคน

1913 คำ
พวกเราทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาซื้อเสื้อผ้าและของใช้ซึ่งเขาบอกว่าของใช้ค่อยซื้อแถวบ้านก็ได้เพราะขี้เกียจถือซึ่งฉันก็แอบเห็นด้วยเลยตัดสินใจเดินไปโซนเสื้อผ้าผู้ชายระหว่างทางกลับโดนมือหนาคว้าข้อมือไว้ “อะไรหรอ..” “กางเกง” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเบาๆ “ก็กำลังจะพาไปไง” “หมายถึงกางเกงใน” ฉันเบิกตากว้างทันทีก่อนจะมองไปที่ร้านชุดชั้นในผู้ชายนี่ลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่าต้องซื้อชั้นในด้วยแล้วแบบนี้ฉันต้องเข้าไปด้วยไหม “อ๊ะ เดี๋ยวก่อน” ไวเท่าความคิดเขาก็กระชากลากถูฉันมาจนถึงหน้าร้านชุดชั้นในแล้วพอจะไหวตัวก็ไม่ทันเพราะพนักงานออกมาต้อนรับแล้วเลยทำได้แค่ตามน้ำไป “รีบเลือกสิ” ฉันบอกเขาที่ยืนลังเลไม่ยอมเลือกสักที “ช่วยเลือกหน่อย” “จะบ้าหรอ…ใครเขาจะเลือกชุดชั้นในให้กันเล่า” ฉันถลึงตาใส่เขาอย่างคาดโทษแต่เหมือนเขาจะไม่สนใจเพราะเขายังคงหยิบกางเกงชั้นในสองตัวขึ้นมาให้ฉันเลือกอยู่ดี “เอาอันไหนสีดำหรือขาว” ความหน้าด้านของเขาถึงขนาดที่คนในร้านต่างหันมามองกันหมดฉันได้แต่ก้มหน้าลงเพราะอายแทน “เลือกมาเร็วๆ ก้มหน้าแบบนี้จะเลือกได้ไง” กรี๊ด!ฉันอายแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้วเพราะอย่างออกจากที่นี่ไวๆ ฉันเลยเลือกมาแบบส่งๆ “เอามาทั้งสองนั่นแหละ หึ่ย!”ฉันคว้าชั้นในผู้ชายในมือเขามาถือก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ทันทีขืนรอเขามีหวังฉันได้อายตายแน่! “คิดเงินเลยค่ะเอาอย่างละ 10ตัว” “ได้เลยครับลูกค้า” เพราะเป็นของที่ราคาไม่ได้แพงมากฉันเลยหยิบเงินสดจ่ายให้ที่ร้านไปก่อนจะรีบออกไปยืนรอวาโยอยู่นอกร้านส่วนเขาก็รอรับของจากพนักงาน “น่ารักเนอะ..สายเปย์ด้วย” “เออ วาสนาไอ้หน้าดุนั่นจริงๆ เฮ้ย!” ปึง! ระหว่างที่ชายสองคนในร้านชุดชั้นในพูดถึงสาวน้อยน่ารักที่พึ่งเดินออกนอกร้านไปโดยไม่สังเกตเห็นว่าวาโยกำลังเดินออกมาหูของเขาได้ยินชัดเต็มสองหูว่าพวกนี้กำลังพูดถึงเธอและเขา “มึงเตะถังขยะใส่พวกกูหรอวะ”ชายคนแรกหายตกใจแล้วหันมาเจอวาโยเลยถามพลางทำท่าทางหาเรื่อง “...” “ไม่ตอบสงสัยเป็นใบ้แน่เลย ฮ่าฮ่า”ผู้ชายคนที่สองหันไปหัวเราะกันกับผู้ชายคนแรกโดยไม่สังเกตคนที่ยืนนิ่งอยู่ วาโยนิ่งไปเพราะเขารู้สึกได้ถึงความกระหายอยากมุมปากยกยิ้มร้ายกาจนัยน์ตาคมกริบจ้องทั้งสองเสมือนเหยื่อความรู้สึกเหมือนอะดรีนาลินหลั่งไหลเป็นอย่างนี้นี่เอง มือหนาปล่อยถุงชุดชั้นในที่ถือมาลงกับพื้นขาแกร่งเดินเข้าไปใกล้ทั้งคนที่ไม่ทันระวังตัวมือหนายกกำปั้นขึ้นมาง้างออกและ.. หมับ! “วาโยทำไมทำของตกแล้วไม่เก็บล่ะ” เสียงบ่นงุ้งงิ้งเหมือนแมวลอยเข้ามาพร้อมกับมือบางจับที่ข้อมือหนาไว้ “นี่ของตัวเองเก็บเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไปร้านเสื้อผ้าต่อ” คนตัวเล็กไม่ได้ดูสถานการณ์อะไรเลยเธอยืนรอเขานานมากเลยจะเข้ามาตามแต่เจอเขาพร้อมกับถุงที่นอนแอ้งแม้งบนพื้น “อืม” วาโยถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปเก็บของที่ตกอยู่บนพื้นตามที่เธอบอกไม่วายเหลือบตามองผู้ชายสองคนนี้ไว้เผื่อมีโอกาสเจออีกเขาจะอัดมัน นัยน์ตาคมวาวโรจน์ภายในใจรู้สึกไม่ยินยอมให้มันจบเพียงเท่านี้เขาต้องการซัดพวกมันลงกับพื้นกระทืบมันจนของเหลวสีแดงไหลออกมาเขาถึงจะพอใจความโกรธเกลียดเครียดขึ้นมาสู่สมองก่อนจะมีภาพซ้อนขึ้นมากมายแต่ไม่ประติดประต่อกันพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง “อ๊าา ..หัวฉัน” “วาโยเป็นอะไรไหม..เจ็บหัวหรอ” เดียน่าวิ่งเข้ามาจับตัวของเขาไว้อย่างเป็นห่วง “ฉะ..ฉันเจ็บหัว” “มา..ไปนั่งตรงนู้นก่อนนะ” ร่างบางประคองร่างสูงพาเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงโถงทางเดินของห้าง “เป็นยังไงบ้างกลับไปพักผ่อนก่อนไหม” “ไม่..นั่งพักแป๊บอาจจะดีขึ้น” “แน่นะ” “อืม” ฉันนั่งมองดูอาการเขาอยู่สักพักก่อนที่เขาจะรู้สึกดีขึ้นจริงๆ ฉันไม่อยากเดินต่อแล้วอยากพาคนป่วยกลับไปพักแต่เขาก็ดื้อเหลือเกินไม่ยอมกลับนอกจากจะซื้อของจนครบฉันเลยตามใจเขาด้วยความคุ้นชินของฉันเลยเดินนำเขาเข้าไปในร้านเสื้อแบรนด์ดังทันที “สวัสดีค่ะ สนใจแบบไหนสอบถามได้นะคะ” “ค่ะ ขอเดินดูเองก่อนนะคะ” ฉันฉีกยิ้มให้พนักงานสาวสวยก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่เดินตามเข้ามาความโดดเด่นของเขาไม่เป็นสองรองใครฉันเห็นตั้งแต่ร้านอาหารจนมาถึงร้านเสื้อผ้าสายตาหลายคู่หันมามองเขาตาเป็นมันเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้เลย ฉันเดินนำเขาไปโซนเสื้อผ้าก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสองสามตัวและยัดใส่มือเขาก่อนจะดันหลังให้วาโยเข้าไปลองเสื้อ “ไปลองเร็ว” ท่าทางงุ้นงงของวาโยทำให้ฉันเอ่ยปากบอกก่อนจะชี้ไปที่ห้องลองชุดแต่เขากลับยืนนิ่ง “เธอเลือก” “ใช่ ฉันเลือกหรือนายจะเลือกเองก็ได้นะ”ฉันเอ่ยอย่างลืมตัวปกติมาซื้อของฉันก็เลือกๆ หยิบๆ อยากได้อะไรก็รูดบัตรสบายใจพอพาเขามาเลยเสียมารยาทเลือกตามใจตัวเองเลย ดวงตากวางหลุบลงเหมือนคนทำอะไรผิดทำให้เขาชะงักก่อนจะพูดเพื่อให้เธอไม่คิดมาก “ชอบที่เธอเลือกให้อะไรก็ได้” “งั้นหรอ” ฉันเงยหน้ามองเขา “อืม” “งั้นนายก็ไปลองให้ดูหน่อยเดี๋ยวฉันจะเลือกเสื้อยืดกับกางเกงไว้ให้” ฉันพยักพเยิดให้วาโยเดินตามพนักงานไปก่อนจะหันมาเลือกเสื้อผ้าชิ้นอื่นต่อ ร่างสูงเดินตามพนักงานเข้าไปภายในห้องแต่งตัวเมื่อพ้นหลังพนักงานแล้วมือหนาก็ถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกเผยมวลมัดกล้ามตึงแน่นแต่ผิวขาวกลับเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นรอยแผลเก่าอยู่หลายรอยจนวาโยอดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาเป็นใครกันแน่..ทำไมแผลตามตัวเยอะขนาดนี้ พอคิดทบทวนแบบนี้อาการปวดหัวก็เหมือนจะกำเริบขึ้นมาอีกเขาเลยเอนตัวพิงผนังห้องลองชุดเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วถึงหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาลองใส่ ริมฝีปากบางยกยิ้มเมื่อใส่แล้วพอดีและดูเข้ากับเขามากโดยเฉพาะเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทไม่คิดว่าเธอจะตาถึงขนาดนี้ “นี่เห็นผู้หญิงคนข้างล่างไหม” “คนตัวเล็กๆ ที่ดูเหมือนลูกคุณหนูหรอ” “ใช่” “เห็น ทำไม” “แฟนนางหล่อมากน่ะสิ” “จะหล่อขนาดไหนเชียวไม่เชื่อเดี๋ยวรอดูเลยแต่การแต่งตัวธรรมดามากดูไม่เหมือนคนรวยถึงหน้าตาให้ก็เถอะ” “ชู่ว เบาๆ เดี๋ยวมีคนได้ยิน” “โอ๊ย ใครจะมาได้ยิน” “งั้นไปเม้าท์ต่อด้านนู้นกัน” เสียงสนทนาของบุคคลภายนอกห้องเงียบหายไปสักพักก่อนที่คนในห้องจะโมโหไม่รู้ทำไมเขาไม่ชอบให้คนมาพูดถึงตัวเขาหรือเธอไม่ชอบมากจนอยากจะซัดหมัดใส่พวกปากมากยิ่งคิดกรามแกร่งยิ่งกระทบกันแน่น ทำไมนะ! เจอใครก็พาลหงุดหงิดไปหมดต่างจากเธอที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เขาเดินหน้าตึงกลับไปหาเดียน่าที่ยืนรออยู่พร้อมกับเสื้อผ้ามากมายในมือของเธอนี่เดียน่าเห็นเขาเป็นไม้แขวนมีชีวิตแล้วหรอ “หน้าบึ้งอีกแล้วใส่ไม่ได้หรอ” “ใส่ได้” “งั้นลองกางเกงให้หน่อยสิเสื้อยืดไม่ต้องลองก็ได้นะ จะได้กลับไปพักผ่อนเร็วๆ”น้ำเสียงอ่อนโยนและสายตาเป็นห่วงเป็นใยของเธอทำให้เขารู้สึกดีมากก่อนจะเอารับกางเกงไปลองให้เรียบร้อย “ลูกค้าชำระทางด้านนี้เลยครับ” พนักงานเดินนำไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับเสื้อผ้าหลายตัวที่ฉันเลยให้เขา “ทั้งหมดสี่แสนแปดหมื่นบาทค่ะ” “นี่ค่ะ” ฉันยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานด้วยความเคยชินก่อนจะหันมายิ้มให้คนที่ยืนหน้านิ่งอยู่โดยที่ไม่รู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งกำลังคิดอะไรอยู่ “เอ่อ ขอโทษนะครับบัตรของคุณลูกค้าไม่สามารถใช้ได้นะครับ” พนักงานพูดอย่างมีมารยาทแต่น้ำเสียงกลับแข็งขึ้นจนฉันสัมผัสได้ “แต่เดือนที่แล้วยังใช้ได้ปกตินะคะ”ฉันแย้งพร้อมกับยื่นมือไปรับบัตรเครดิตคืนมา “ไม่ทราบว่าโดนระงับรึเปล่าครับ”น้ำเสียงดูแคลนทำให้ฉันหน้าชาขึ้นมาทันที “งั้นไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวชำระเงินสด” ฉันพูดอย่างจำยอมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าแอปฯธนาคารแต่โดนร่างสูงขัดขึ้นมา “ไม่ต้อง!ฉันจะไม่ยอมให้เธอโดนดูถูกเด็ดขาด” ฉันนิ่งก่อนจะเรียกชื่อเขาแผ่วเบา “วาโย..” “ถ้าไม่เต็มใจทำงานก็ลาออกไปเถอะ..ส่วนเธอก็ไม่ต้องจ่าย”วาโยเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะหันไปจ้องพนักงานที่ยืนตัวสั่น “ไม่ได้นะครับทางเราคิดเงินแล้ว” “แล้วไงว่ะ ไม่พอใจไม่อยากจ่ายมีปัญหาอะไรไหม!” ร่างสูงตะคอกเสียงดัง “ว่าแล้วว่าต้องไม่มีปัญญาจ่ายตั้งแต่แรก” “นี่คุณ!” ฉันชักสีหน้าใส่พนักงานที่เริ่มทำตัวไร้มารยาทแล้วถึงวาโยจะเริ่มเสียงดังก่อนแต่ก็เพราะว่าเขาปกป้องฉัน “ทำไมรับไม่ได้หรอบัตรรูดไม่ได้เพราะวงเงินระงับไม่รู้ไปขโมยบัตรใครมารึเปล่า” “มันจะมากไปแล้วนะ!” ฉันเม้มแน่นจ้องมองพนักงานคิดเงินไม่วางตา “ตบแม่งเลยไหม!” “กรี๊ด!อย่านะไอ้กุ้ย” พนักงานรีบถอยหนีทันทีเมื่อได้ยินในสิ่งที่วาโยพูดฉันรีบคว้ามือของเขาไว้ “โชคดีจริงๆ ที่บัตรรูดไม่ได้จะได้ไม่เสียเงินให้กับคนปากไม่มีหูรูดแบบคุณขอตัวนะคะ..อ๋อขอลาขาดเลยว่างๆ จะแจ้งทางฝ่ายบุคคลถึงพฤติกรรมพนักงานด้วย ขอบคุณค่ะ!” ฉันพูดยาวเหยียดก่อนจะลากร่างสูงออกมาจากร้านนั้นทันที “เฮ้อ เกลียดชะมัดคนแบบนี้”ฉันปล่อยมือวาโยก่อนจะกอดอกพ้นลมหายใจอย่างหงุดหงิด “นาย..หัวเราะทำไม” ฉันเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นร่างสูงยกมือป้องปากหัวเราะอยู่ “ก็หัวเราะที่เธอด่าพนักงานคนนั้นแต่ก็ยังขอบคุณเขาน่ะ..” “อ่า จริงด้วยลืมตัวไปหน่อย” ยิ่งคิดยิ่งอับอายฉันก็ไม่ใช่คนจะชอบมีปัญหากับใครแทบจะไม่เคยด่าใครเลยด้วยซ้ำ ฮือ ฉันยกมือปิดหน้าด้วยความอับอายโดยเฉพาะกับวาโยที่หน้าบึ้งทั้งวันยังหัวเราะไม่หยุดเลย!! หึ่ย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม