พวกเราทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาซื้อเสื้อผ้าและของใช้ซึ่งเขาบอกว่าของใช้ค่อยซื้อแถวบ้านก็ได้เพราะขี้เกียจถือซึ่งฉันก็แอบเห็นด้วยเลยตัดสินใจเดินไปโซนเสื้อผ้าผู้ชายระหว่างทางกลับโดนมือหนาคว้าข้อมือไว้
“อะไรหรอ..”
“กางเกง” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเบาๆ
“ก็กำลังจะพาไปไง”
“หมายถึงกางเกงใน”
ฉันเบิกตากว้างทันทีก่อนจะมองไปที่ร้านชุดชั้นในผู้ชายนี่ลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่าต้องซื้อชั้นในด้วยแล้วแบบนี้ฉันต้องเข้าไปด้วยไหม
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน” ไวเท่าความคิดเขาก็กระชากลากถูฉันมาจนถึงหน้าร้านชุดชั้นในแล้วพอจะไหวตัวก็ไม่ทันเพราะพนักงานออกมาต้อนรับแล้วเลยทำได้แค่ตามน้ำไป
“รีบเลือกสิ” ฉันบอกเขาที่ยืนลังเลไม่ยอมเลือกสักที
“ช่วยเลือกหน่อย”
“จะบ้าหรอ…ใครเขาจะเลือกชุดชั้นในให้กันเล่า” ฉันถลึงตาใส่เขาอย่างคาดโทษแต่เหมือนเขาจะไม่สนใจเพราะเขายังคงหยิบกางเกงชั้นในสองตัวขึ้นมาให้ฉันเลือกอยู่ดี
“เอาอันไหนสีดำหรือขาว” ความหน้าด้านของเขาถึงขนาดที่คนในร้านต่างหันมามองกันหมดฉันได้แต่ก้มหน้าลงเพราะอายแทน
“เลือกมาเร็วๆ ก้มหน้าแบบนี้จะเลือกได้ไง”
กรี๊ด!ฉันอายแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้วเพราะอย่างออกจากที่นี่ไวๆ ฉันเลยเลือกมาแบบส่งๆ
“เอามาทั้งสองนั่นแหละ หึ่ย!”ฉันคว้าชั้นในผู้ชายในมือเขามาถือก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ทันทีขืนรอเขามีหวังฉันได้อายตายแน่!
“คิดเงินเลยค่ะเอาอย่างละ 10ตัว”
“ได้เลยครับลูกค้า”
เพราะเป็นของที่ราคาไม่ได้แพงมากฉันเลยหยิบเงินสดจ่ายให้ที่ร้านไปก่อนจะรีบออกไปยืนรอวาโยอยู่นอกร้านส่วนเขาก็รอรับของจากพนักงาน
“น่ารักเนอะ..สายเปย์ด้วย”
“เออ วาสนาไอ้หน้าดุนั่นจริงๆ เฮ้ย!”
ปึง!
ระหว่างที่ชายสองคนในร้านชุดชั้นในพูดถึงสาวน้อยน่ารักที่พึ่งเดินออกนอกร้านไปโดยไม่สังเกตเห็นว่าวาโยกำลังเดินออกมาหูของเขาได้ยินชัดเต็มสองหูว่าพวกนี้กำลังพูดถึงเธอและเขา
“มึงเตะถังขยะใส่พวกกูหรอวะ”ชายคนแรกหายตกใจแล้วหันมาเจอวาโยเลยถามพลางทำท่าทางหาเรื่อง
“...”
“ไม่ตอบสงสัยเป็นใบ้แน่เลย ฮ่าฮ่า”ผู้ชายคนที่สองหันไปหัวเราะกันกับผู้ชายคนแรกโดยไม่สังเกตคนที่ยืนนิ่งอยู่
วาโยนิ่งไปเพราะเขารู้สึกได้ถึงความกระหายอยากมุมปากยกยิ้มร้ายกาจนัยน์ตาคมกริบจ้องทั้งสองเสมือนเหยื่อความรู้สึกเหมือนอะดรีนาลินหลั่งไหลเป็นอย่างนี้นี่เอง
มือหนาปล่อยถุงชุดชั้นในที่ถือมาลงกับพื้นขาแกร่งเดินเข้าไปใกล้ทั้งคนที่ไม่ทันระวังตัวมือหนายกกำปั้นขึ้นมาง้างออกและ..
หมับ!
“วาโยทำไมทำของตกแล้วไม่เก็บล่ะ” เสียงบ่นงุ้งงิ้งเหมือนแมวลอยเข้ามาพร้อมกับมือบางจับที่ข้อมือหนาไว้
“นี่ของตัวเองเก็บเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไปร้านเสื้อผ้าต่อ” คนตัวเล็กไม่ได้ดูสถานการณ์อะไรเลยเธอยืนรอเขานานมากเลยจะเข้ามาตามแต่เจอเขาพร้อมกับถุงที่นอนแอ้งแม้งบนพื้น
“อืม” วาโยถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปเก็บของที่ตกอยู่บนพื้นตามที่เธอบอกไม่วายเหลือบตามองผู้ชายสองคนนี้ไว้เผื่อมีโอกาสเจออีกเขาจะอัดมัน
นัยน์ตาคมวาวโรจน์ภายในใจรู้สึกไม่ยินยอมให้มันจบเพียงเท่านี้เขาต้องการซัดพวกมันลงกับพื้นกระทืบมันจนของเหลวสีแดงไหลออกมาเขาถึงจะพอใจความโกรธเกลียดเครียดขึ้นมาสู่สมองก่อนจะมีภาพซ้อนขึ้นมากมายแต่ไม่ประติดประต่อกันพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง
“อ๊าา ..หัวฉัน”
“วาโยเป็นอะไรไหม..เจ็บหัวหรอ” เดียน่าวิ่งเข้ามาจับตัวของเขาไว้อย่างเป็นห่วง
“ฉะ..ฉันเจ็บหัว”
“มา..ไปนั่งตรงนู้นก่อนนะ” ร่างบางประคองร่างสูงพาเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงโถงทางเดินของห้าง
“เป็นยังไงบ้างกลับไปพักผ่อนก่อนไหม”
“ไม่..นั่งพักแป๊บอาจจะดีขึ้น”
“แน่นะ”
“อืม”
ฉันนั่งมองดูอาการเขาอยู่สักพักก่อนที่เขาจะรู้สึกดีขึ้นจริงๆ ฉันไม่อยากเดินต่อแล้วอยากพาคนป่วยกลับไปพักแต่เขาก็ดื้อเหลือเกินไม่ยอมกลับนอกจากจะซื้อของจนครบฉันเลยตามใจเขาด้วยความคุ้นชินของฉันเลยเดินนำเขาเข้าไปในร้านเสื้อแบรนด์ดังทันที
“สวัสดีค่ะ สนใจแบบไหนสอบถามได้นะคะ”
“ค่ะ ขอเดินดูเองก่อนนะคะ”
ฉันฉีกยิ้มให้พนักงานสาวสวยก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่เดินตามเข้ามาความโดดเด่นของเขาไม่เป็นสองรองใครฉันเห็นตั้งแต่ร้านอาหารจนมาถึงร้านเสื้อผ้าสายตาหลายคู่หันมามองเขาตาเป็นมันเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้เลย
ฉันเดินนำเขาไปโซนเสื้อผ้าก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสองสามตัวและยัดใส่มือเขาก่อนจะดันหลังให้วาโยเข้าไปลองเสื้อ
“ไปลองเร็ว” ท่าทางงุ้นงงของวาโยทำให้ฉันเอ่ยปากบอกก่อนจะชี้ไปที่ห้องลองชุดแต่เขากลับยืนนิ่ง
“เธอเลือก”
“ใช่ ฉันเลือกหรือนายจะเลือกเองก็ได้นะ”ฉันเอ่ยอย่างลืมตัวปกติมาซื้อของฉันก็เลือกๆ หยิบๆ อยากได้อะไรก็รูดบัตรสบายใจพอพาเขามาเลยเสียมารยาทเลือกตามใจตัวเองเลย
ดวงตากวางหลุบลงเหมือนคนทำอะไรผิดทำให้เขาชะงักก่อนจะพูดเพื่อให้เธอไม่คิดมาก
“ชอบที่เธอเลือกให้อะไรก็ได้”
“งั้นหรอ” ฉันเงยหน้ามองเขา
“อืม”
“งั้นนายก็ไปลองให้ดูหน่อยเดี๋ยวฉันจะเลือกเสื้อยืดกับกางเกงไว้ให้” ฉันพยักพเยิดให้วาโยเดินตามพนักงานไปก่อนจะหันมาเลือกเสื้อผ้าชิ้นอื่นต่อ
ร่างสูงเดินตามพนักงานเข้าไปภายในห้องแต่งตัวเมื่อพ้นหลังพนักงานแล้วมือหนาก็ถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกเผยมวลมัดกล้ามตึงแน่นแต่ผิวขาวกลับเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นรอยแผลเก่าอยู่หลายรอยจนวาโยอดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาเป็นใครกันแน่..ทำไมแผลตามตัวเยอะขนาดนี้
พอคิดทบทวนแบบนี้อาการปวดหัวก็เหมือนจะกำเริบขึ้นมาอีกเขาเลยเอนตัวพิงผนังห้องลองชุดเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วถึงหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาลองใส่
ริมฝีปากบางยกยิ้มเมื่อใส่แล้วพอดีและดูเข้ากับเขามากโดยเฉพาะเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทไม่คิดว่าเธอจะตาถึงขนาดนี้
“นี่เห็นผู้หญิงคนข้างล่างไหม”
“คนตัวเล็กๆ ที่ดูเหมือนลูกคุณหนูหรอ”
“ใช่”
“เห็น ทำไม”
“แฟนนางหล่อมากน่ะสิ”
“จะหล่อขนาดไหนเชียวไม่เชื่อเดี๋ยวรอดูเลยแต่การแต่งตัวธรรมดามากดูไม่เหมือนคนรวยถึงหน้าตาให้ก็เถอะ”
“ชู่ว เบาๆ เดี๋ยวมีคนได้ยิน”
“โอ๊ย ใครจะมาได้ยิน”
“งั้นไปเม้าท์ต่อด้านนู้นกัน”
เสียงสนทนาของบุคคลภายนอกห้องเงียบหายไปสักพักก่อนที่คนในห้องจะโมโหไม่รู้ทำไมเขาไม่ชอบให้คนมาพูดถึงตัวเขาหรือเธอไม่ชอบมากจนอยากจะซัดหมัดใส่พวกปากมากยิ่งคิดกรามแกร่งยิ่งกระทบกันแน่น
ทำไมนะ! เจอใครก็พาลหงุดหงิดไปหมดต่างจากเธอที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ
เขาเดินหน้าตึงกลับไปหาเดียน่าที่ยืนรออยู่พร้อมกับเสื้อผ้ามากมายในมือของเธอนี่เดียน่าเห็นเขาเป็นไม้แขวนมีชีวิตแล้วหรอ
“หน้าบึ้งอีกแล้วใส่ไม่ได้หรอ”
“ใส่ได้”
“งั้นลองกางเกงให้หน่อยสิเสื้อยืดไม่ต้องลองก็ได้นะ จะได้กลับไปพักผ่อนเร็วๆ”น้ำเสียงอ่อนโยนและสายตาเป็นห่วงเป็นใยของเธอทำให้เขารู้สึกดีมากก่อนจะเอารับกางเกงไปลองให้เรียบร้อย
“ลูกค้าชำระทางด้านนี้เลยครับ” พนักงานเดินนำไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับเสื้อผ้าหลายตัวที่ฉันเลยให้เขา
“ทั้งหมดสี่แสนแปดหมื่นบาทค่ะ”
“นี่ค่ะ” ฉันยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานด้วยความเคยชินก่อนจะหันมายิ้มให้คนที่ยืนหน้านิ่งอยู่โดยที่ไม่รู้เลยว่าภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งกำลังคิดอะไรอยู่
“เอ่อ ขอโทษนะครับบัตรของคุณลูกค้าไม่สามารถใช้ได้นะครับ” พนักงานพูดอย่างมีมารยาทแต่น้ำเสียงกลับแข็งขึ้นจนฉันสัมผัสได้
“แต่เดือนที่แล้วยังใช้ได้ปกตินะคะ”ฉันแย้งพร้อมกับยื่นมือไปรับบัตรเครดิตคืนมา
“ไม่ทราบว่าโดนระงับรึเปล่าครับ”น้ำเสียงดูแคลนทำให้ฉันหน้าชาขึ้นมาทันที
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวชำระเงินสด” ฉันพูดอย่างจำยอมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าแอปฯธนาคารแต่โดนร่างสูงขัดขึ้นมา
“ไม่ต้อง!ฉันจะไม่ยอมให้เธอโดนดูถูกเด็ดขาด” ฉันนิ่งก่อนจะเรียกชื่อเขาแผ่วเบา
“วาโย..”
“ถ้าไม่เต็มใจทำงานก็ลาออกไปเถอะ..ส่วนเธอก็ไม่ต้องจ่าย”วาโยเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะหันไปจ้องพนักงานที่ยืนตัวสั่น
“ไม่ได้นะครับทางเราคิดเงินแล้ว”
“แล้วไงว่ะ ไม่พอใจไม่อยากจ่ายมีปัญหาอะไรไหม!” ร่างสูงตะคอกเสียงดัง
“ว่าแล้วว่าต้องไม่มีปัญญาจ่ายตั้งแต่แรก”
“นี่คุณ!” ฉันชักสีหน้าใส่พนักงานที่เริ่มทำตัวไร้มารยาทแล้วถึงวาโยจะเริ่มเสียงดังก่อนแต่ก็เพราะว่าเขาปกป้องฉัน
“ทำไมรับไม่ได้หรอบัตรรูดไม่ได้เพราะวงเงินระงับไม่รู้ไปขโมยบัตรใครมารึเปล่า”
“มันจะมากไปแล้วนะ!” ฉันเม้มแน่นจ้องมองพนักงานคิดเงินไม่วางตา
“ตบแม่งเลยไหม!”
“กรี๊ด!อย่านะไอ้กุ้ย” พนักงานรีบถอยหนีทันทีเมื่อได้ยินในสิ่งที่วาโยพูดฉันรีบคว้ามือของเขาไว้
“โชคดีจริงๆ ที่บัตรรูดไม่ได้จะได้ไม่เสียเงินให้กับคนปากไม่มีหูรูดแบบคุณขอตัวนะคะ..อ๋อขอลาขาดเลยว่างๆ จะแจ้งทางฝ่ายบุคคลถึงพฤติกรรมพนักงานด้วย ขอบคุณค่ะ!” ฉันพูดยาวเหยียดก่อนจะลากร่างสูงออกมาจากร้านนั้นทันที
“เฮ้อ เกลียดชะมัดคนแบบนี้”ฉันปล่อยมือวาโยก่อนจะกอดอกพ้นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“นาย..หัวเราะทำไม” ฉันเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นร่างสูงยกมือป้องปากหัวเราะอยู่
“ก็หัวเราะที่เธอด่าพนักงานคนนั้นแต่ก็ยังขอบคุณเขาน่ะ..”
“อ่า จริงด้วยลืมตัวไปหน่อย” ยิ่งคิดยิ่งอับอายฉันก็ไม่ใช่คนจะชอบมีปัญหากับใครแทบจะไม่เคยด่าใครเลยด้วยซ้ำ ฮือ
ฉันยกมือปิดหน้าด้วยความอับอายโดยเฉพาะกับวาโยที่หน้าบึ้งทั้งวันยังหัวเราะไม่หยุดเลย!! หึ่ย