โรงพยาบาล N
เวลา 20.00
“มัวทำอะไรอยู่รีบออกมาเร็วๆ จะได้นอน”วาโยตะโกนเสียงดังเข้ามาทำให้ฉันที่ยืนส่องกระจกในห้องน้ำอยู่นิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดบางทีฉันอาจตัดสินใจผิดก็ได้ที่เลือกช่วยเขาและคิดจะให้เขามาอยู่ด้วยนี่อยู่กับเขามาสามชั่วโมงฉันก็จะเป็นประสาทอยู่แล้ว
จะนอนก็นอนไปสิ!
“เดียน่าออกมาได้แล้ว..เธอตกส้วมตายแล้วหรอวะ”
ไอ้คนปากเสีย!ที่ฉันยังไม่ออกไปก็กะจะให้เขานอนก่อนไงฉันไม่คุ้นกับการนอนกับคนแปลกหน้าถึงจะนอนเตียงเล็กสำหรับญาติผู้ป่วยก็เถอะ!
“ง่วงก็นอนไปสิ” ฉันจะโกนบอกเขาจริงๆ ท้วงเวลาไม่อยากออกไปตอนนี้
“ถ้าไม่ออกมาฉันพังประตูเข้าไปแน่” เขายังไม่ยอมหยุดทำให้ฉันต้องรีบเปิดประตูออกไปท่าทางอันธพาลแบบเขาเกิดพังเข้ามาจริงคนซวยมันฉันแน่นอน
“ออกแล้วๆ” ฉันรีบออกมาจากห้องน้ำอย่างไวก่อนจะมองแรงเขาไปหนึ่งทีแต่เขากลับยกยิ้มให้แปลกๆ
“โอ๊ะ ชุดนอนสีชมพูลายหมีน้อยของเธอนี่มันอะไรกัน..โตขนาดนี้แล้วยังใส่เหมือนเด็กอีก”
“นายสิเด็กคนที่โตแล้วเขาไม่มาล้อเลียนเสื้อผ้าคนอื่นหรอก” ฉันพูดพลางนั่งลงบนเตียงนอนของตัวเองสายตาจับจ้องมองตอบเขาอย่างไม่ชอบใจ
“ล้อเลียนที่ไหนแค่จะบอกว่า..เธอใส่ชุดนี้ก็เร้าใจเหมือนกันนะโอ๊ย!”
“ไอ้บ้าจะนอนก็รีบนอนไป!”
สาบานเลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโกรธใครเท่าเขาเลยนะคำพูดคำจาลามกที่สุดรับไม่ได้!
“ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นใครเขาจะคิดอกุศลแบบนั้นกัน”
“ก็นายไม่ใช่หรอที่พูดเมื่อกี้น่ะ”
“งั้นขอถอนคำพูดแล้วกัน” เขาหัวเราะชอบใจก่อนจะล้มตัวลงนอน
“เฮอะ!”
ฉันเบะปากใส่ก่อนจะเดินไปปิดไฟและล้มตัวลงนอนบนเตียงซึ่งวางขนานกันกับเตียงของเขาเลยพอวาโยนอนลงบนเตียงและหันหน้ามาทางฉันทำให้เราสองคนสบตากันอย่างเลี่ยงไม่ได้
นัยน์ตาคมเรียวดูร้ายกาจมองฉันไม่วางตาจนฉันต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาและพลิกตัวหันหลังให้เขาไปพร้อมกับหัวใจเจ้ากรรมที่เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
ตั้งแต่เด็กจนโตมาอายุ 21 ปี ยังไม่เคยมีใครสั่นคลอนหัวใจฉันได้มากขนาดนี้มาก่อนเลยอยู่กับเสือก็ต้องระแวงบ้างละยิ่งเขาร้ายกาจแบบนี้ฉันคงต้องระวังหัวใจตัวเอง
“ฝันดี” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความมืดทำให้ฉันที่กำลังข่มตาต้องเบิกตากว้างและตอบกลับไป
“อืม ฝันดีนะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนตอบกลับมาทำให้ร่างสูงที่นอนเหงาคนเดียวมาสองสามคืนเผลอยกยิ้มมุมปากสายตาทอดมองแผ่นหลังเล็กเนิ่นนานก่อนจะข่มตาให้หลับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาวันนั้นและไร้ความทรงจำเขาสาบานเลยว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมดจนกระทั่งการมาถึงของเธอและหมอบอกว่าเธอช่วยชีวิตเขาถึงจะระแวงแต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยก็มีเธอเข้ามาในชีวิตมืดมนไร้หนทางของเขา
เวลา 9.00
ใบหน้าบึ้งตึงของคนป่วยทำให้หมอและพยาบาลถอนหายใจทุกครั้งที่เข้ามาตรวจวาโยชายหนุ่มไม่เคยให้ความร่วมมืออะไรเลยถามคำก็ตอบคำแต่วันนี้ดีหน่อยเพราะเขากำลังจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว
“เดี๋ยวหมอจะจ่ายยาให้ทานควบคู่ไปด้วยนะครับ แนะนำให้พาคนป่วยไปใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ จะช่วยให้รื้อฟื้นความทรงจำได้ครับ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”
ฉันยกมือไหว้และขอบคุณคุณหมอก่อนจะออกมานั่งรอรับยาระหว่างนั้นเลยหันไปมองวาโยที่เอาแต่เงียบ
“นาย..วาโย..เป็นอะไร”
“ฉันแค่กำลังคิดว่า..ถ้าเกิดความทรงจำของฉันไม่กลับมาล่ะ” วาโยพูดขึ้นมาแผ่วเบาก่อนจะเลื่อนสายตามาสบกับดวงตากวางของเธอ
“แต่ฉันมั่นใจว่าความทรงจำนายต้องกลับมาแน่”ฉันฉีกยิ้มอย่างให้กำลังใจ
“เธอมั่นใจขนาดนั้น” วาโยเลิกคิ้วถาม
“แน่นอนสิพอนายไปเรียน..นายอาจจะจำเรื่องราวเหล่านั้นได้ฉันจะช่วยนายเอง”
“หึ เชื่อเธอก็ได้”
“อืม” ฉันมองรอยยิ้มมุมปากของเขาแล้วอดชื่นชมในใจไม่ได้ถึงแม้รอยยิ้มจะดูร้ายไปหน่อยแต่ก็ไม่สามารถบดบังความหล่อของเขาได้เลย
คนมันหล่อเนอะ ไม่ว่าจะทำยังไงก็หล่อ!
“นั่งรอตรงนี้นะ ฉันจะไปจ่ายเงินก่อน”
“อืมรีบไปรีบมา!”
เนี่ยลูกผู้ชายตัวจริงไม่มีพูดสักคำว่าเดี๋ยวคืนให้หรือขอยืมก่อนนอกจากออกคำสั่งแล้วก็ออกคำสั่ง!
ท่าทางฮึดฮัดของเดียน่าตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดจะให้ทำยังไงก็เขาไม่อยากอยู่คนเดียวนานๆ นี่ส่วนเรื่องเงินแน่นอนถ้ากลับคืนสถานะได้เขาจะคืนให้เธอเป็นพันเท่าเลยละ
“เสร็จแล้วเดี๋ยวแวะห้างก่อนนะ” ฉันเดินกลับมาหาเขาก่อนจะเดินนำออกจากโรงพยาบาล
“ห้าง?”
“อือ ก็ซื้อเสื้อผ้าและของใช้ของนายไง..นายคงไม่ใส่ชุดนี้ทุกวันหรอกถูกไหม”
ฉันไล่สายตามองเสื้อยืดสีดำแขนสั้นกับกางเกงยีนสีเข้มเป็นชุดที่เขาใส่ในวันที่อุบัติเหตุ..อ๋อ!ยังมีเสื้อช็อปสีดำของเขาในกระเป๋าของฉันด้วย
“อืม งั้นไปกัน”
พวกเราใช้เวลาเดินทางมาที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ใกล้บ้านและฉันเคยมาเดินแล้วสมัยเรียนมัธยมก็มาเรียนพิเศษเสาร์อาทิตย์ที่กรุงเทพฯบ่อยๆ เลยคุ้นเคยบ้าง
ห้างขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าร่างสูงจ้องมองอยู่เนิ่นนานพยายามค้นในความทรงจำว่าเขาเคยมาสถานที่นี้ไหมแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า
เวรล่ะ!
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เดียน่าพูดจ้อให้ฟังไม่หยุดว่าใครก็ต้องเคยมากลับปรากฏอยู่ในความทรงจำของเขาเลยหรือว่าจริงๆ แล้วฐานะทางบ้านเขาคงจนมากสินะแม้แต่ห้างยังไม่เคยมา
“เหม่ออะไร” เธอยื่นหน้าเขามาใกล้จนเขาเผลอถอยหลังไป
“ตกใจหรอ….ขอโทษนะเห็นนายเอาแต่เหม่อหรือว่านายรู้สึกคุ้นเคยหรอ” เดียน่าเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะตื่นเต้นดีใจเมื่อคิดว่าเขาคุ้นเคยกับที่นี่
“เปล่า..”
“อ้าว..”
“แค่พยายามคิด”
“แล้วเป็นยังไง” ร่างบางถามอย่างมีความหวังนัยน์ตากวางเปล่งประกายเจิดจ้าจนเขาอดยกมุมปากไม่ได้มือหนาวางบนศีรษะเล็กแล้วส่ายหน้า
“ไม่เจออะไรเลย”
“อ่า ไม่เป็นไรนะยังมีเวลาอีกเยอะ”
“อืม”
นัยน์ตาดำมืดมองสบนัยน์ตากวางนิ่งเธอเปล่งประกายเหมือนพระอาทิตย์ไม่มีผิดมอบแสงสว่างและความอบอุ่นให้กับเขาเสมอชั่ววูบหนึ่งเขาคิดว่าถ้ามีแค่เขาที่เธอจะมอบทุกอย่างให้มันคงจะดี
“เราไปหาอะไรกินกันไหม” ร่างบางเอ่ยปากชวนแต่เห็นเขาเอาแต่จ้องมองใบหน้าเธอไม่วางตาอยู่ดีๆ ความร้อนก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้าจนคนน่ารักยกมือขึ้นมาเกาแก้มแก้เขิน
จะไม่ให้เขินได้อย่างไง เขาเล่นมองเธอตาไม่กะพริบใครเจอแบบนี้ก็เขินด้วยกันทั้งนั้น
“อืมเอาสิเธอชอบอะไร” วาโยละสายตาออกก่อนจะยกยิ้ม
“ก็ชอบทุกอย่างที่อร่อย”
“ทุกอย่างเลยงั้นหรอ” วาโยเลิกคิ้วถามหยั่งเชิงคนใสซื่อกลับพยักหน้าให้
“อืม”
“งั้นถ้าฉันอร่อยก็แปลว่าเธอ..ชอบฉันสิ”
“....” เดียน่าอ้าปากเหวอเธอไม่เคยเจอใครรุกแรงเท่าเขาเลยนี่ความจำเสื่อมจริงไหมทำไมดูเจ้าเล่ห์แบบนี้
“หึ ดูหน้าเธอสิตลกชะมัดอ้าปากกว้างจนแมลงเข้าไปไข่ใส่ได้แล้วน่ะ”
“ไอ้คนปากเสีย!”
“ฮ่า ฮ่า ก็จริงนี่”
“ไปได้แล้วยืนอยู่นี่ร้อนจะตาย”
ร่างบางสะบัดหน้าหนีก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้างทั้งเขินทั้งอายทุกอย่างเพราะวาโยคนเดียวเลย
เมื่อเห็นร่างบางเดินนำเข้าไปแล้วเขาจึงสาวเท้าตามเข้าไปในห้างโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนบังเอิญเจอเขาแต่เพราะเห็นแค่แผ่นหลังเลยไม่แน่ใจว่าใช่คนที่ตามหาอยู่ไหม
“ใช่พี่วาโยไหมว่ะ”
ร่างสูงสบถเบาๆ ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาลูกพี่อีกคนหนึ่งว่าเห็นคนที่คุ้นตาแถวห้างสรรพสินค้า
“เหมือนเจอพี่วาโยแถวห้าง..”
[ไม่ใช่หรอกพี่แกไม่ชอบไปห้าง]
“อ๋อหรอ แต่เหมือนมากเลยพี่เปรม”
[กูอยู่กับลูกพี่มานานไม่ใช่ก็คือไม่ใช่]
“ครับๆ พี่ งั้นผมจะได้ไม่ตาม”
[เออ]
มือหนากดวางสายก่อนจะยืนเกาหัวและเหลือบตามองเข้าไปในห้างอย่างไม่เข้าใจเขาคงจะตาฝาดไปจริงๆ ก่อนที่จะเดินหนีไปอีกทาง