ตอนที่สี่ ในโลกที่ไม่มีความบังเอิญ 2

1077 คำ
“น่าแปลกที่คุณพูดภาษาไทยได้...” พฤกษ์ไม่ยิ้ม แต่ตอบหน้านิ่งๆ พยายามรักษาท่าที “ฉันว่า... เราไปหาที่นั่งคุยและทานอาหารด้วยกันดีไหมคะ” “...” พฤกษ์เงียบไปครู่หนึ่ง... ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธแบบนิ่มนวล “คงจะไม่ได้ครับ... ผมมีนัดกับคนที่บ้านแล้ว นี่ต้องรีบกลับ” “คุณมีครอบครัวแล้วหรือคะ” พริสซิลล่ารู้สึกเหมือนว่าตัวเองผิดหวังครั้งแรกในชีวิตตอนที่ตั้งคำถามที่หล่อนจะได้รู้คำตอบดี “ครับ... ผมมีครอบครัวแล้ว ขอบคุณที่จำผมได้และอยากเลี้ยงมื้ออาหารแสดงความขอบคุณ แต่ผมไม่สะดวกเพราะต้องรีบไป... ผมขอให้คุณโชคดีนะครับ” คนที่ไม่เคยรู้สึกดีกับใคร ไม่เคยวิ่งตามใครมาก่อนในชีวิตถึงกับอึ้ง... หล่อนคิดว่าโชคชะตานำพาหล่อนให้ได้มาพบเขาอีกหลังจากที่เจอเขาครั้งแรกก็รู้สึกว่าหลงรักเขาจนเฝ้าอธิษฐานว่าขอให้ได้เจอกันอีก ยามเมื่อเจอหล่อนก็รู้สึกเหมือนว่าโลกหยุดหมุนและไม่หยุดคิดแม้สักวินาทีที่จะดั้นด้นตามมาทำความรู้จักเขา แต่หล่อนก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่โชคชะตา... เมื่อเขามีคนอื่นก่อนที่จะมาพบหล่อน... ความรู้สึกในคราแรกที่หล่อนคิดว่าเขาคือคนที่หล่อนตามหามานานและคิดว่าเขากับหล่อนจะต้องมีอะไรสักอย่างผูกพันกันจนคิดว่าจะต้องตามหาคู่แท้คนนี้ให้พบ... แต่ตอนนี้หล่อนกลับต้องพยายามบอกให้ตัวเองยอมรับกับสิ่งที่ได้ยิน... อยู่เป็นคนโสด เป็นหญิงแกร่งไม่ได้เคยสนใจผู้ชายหน้าไหนในโลกได้ตั้งยี่สิบสี่ปี บทจะตกหลุมรักใครสักคนก็ชอบจนลืมความเป็นตัวของตัวเอง ซ้ำเขายังไม่สนใจหล่อนอีกต่างหาก... พริสซิลล่าคิดว่าความผิดหวังครั้งนี้ดูร้ายแรงที่สุด ไม่ใช่เพียงเพราะว่ามันเป็นครั้งแรก แต่ความรู้สึกที่ว่าส่วนหนึ่งของชีวิตที่ตามหามานานหลุดลอยไป มันทำให้คนที่ไม่เคยไหวสะท้านต่อเรื่องใดเกินสามนาทีรู้สึกร้าวรานขึ้นมาเฉยๆ... รักข้างเดียว แถมยังอกหัก มีอะไรที่เจ็บกว่านี้อีกไหมหนอ... คงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะทำให้ความรู้สึกลึกซึ้งในใจค่อยๆ จางลง จนเหมือนไม่มี พริมาวางช้อนหลังจากทานอาหารไทยเลิศรสฝีมือพี่ชายของตนเองอิ่มแล้วพฤกษ์ก็เปิดประตูห้องเข้ามาทันที ห้องพักของหล่อนเป็นแบบสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นที่พริมาควักเงินซื้อไว้เพราะไม่อยากเสียค่าเช่าแพงโดยที่ไม่ได้อะไรกลับคืนมา พฤกษ์จ่ายค่าอพาร์ตเมนต์นี้ครึ่งหนึ่งและเป็นคนรับผิดชอบค่าน้ำไฟทั้งหมดเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ด้วย เขาจึงเป็นเจ้าของร่วมกับหล่อนได้โดยที่น้องสาวเต็มใจเพราะต้องการให้พี่ชายมาอยู่ใกล้ให้อุ่นใจ และต้องการคนทำอาหารไทยให้ทาน “พี่พฤกษ์ ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะคะ ไหนว่าจะออกไปทานข้าวข้างนอก” “พี่เปลี่ยนใจ เหลืออะไรไว้ให้พี่ทานบ้าง” พฤกษ์เดินเข้ามานั่งกับน้องสาวที่บริเวณโต๊ะทานอาหารที่ไม่ห่างจากมุมที่จัดเป็นห้องนั่งเล่นมากนัก.... “ไม่เหลือสิคะ พี่พฤกษ์บอกเองว่าไม่มา เค้าเลยจัดการหมด” คนเป็นน้องสาวหัวเราะแหะๆ “หืม... พะโล้เกือบครึ่งหม้อนี่นะ” เขาแกล้งตกใจทั้งที่รู้ว่าน้องสาวเป็นคนกินจุทั้งที่ตัวเล็ก แถมพริมายังชอบอาหารไทยที่เขาทำมากจนขนาดกินแต่อาหารไม่ค่อยยอมทานกับข้าว จนเขาบ่นบ่อยๆ ว่าไม่อยากทำให้ทานเพราะว่ากลัวหล่อนอ้วน “พี่เจียวไข่กับทำยำง่ายๆ กินก็ได้...” ยังมีของสดหลายอย่างในตู้เย็นเพราะพฤกษ์ยังไม่ได้ทำงานมีเวลาทำอาหารที่ห้องตลอดวัน “เผื่อพริกด้วยนะคะ” พฤกษ์หัวเราะน้องสาวจอมกินจุ ก่อนจะนึกอะไรได้ จึงหันหน้าออกมาจากตู้เย็นที่ง่วนหยิบของอยู่ในตอนแรก เพื่อบอกพริมา “พริก... ถ้ามีคนถามว่าเราเป็นอะไรกันตอนที่เราไปทำงานที่โรงแรมด้วยกัน พริกไม่ต้องบอกนะว่าเราเป็นพี่น้องกัน...” พฤกษ์กับพริมาเป็นเด็กที่โตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพ่อแม่บุญธรรมสองครอบครัวขอเขากับหล่อนมาเลี้ยงพร้อมๆ กัน โชคดีที่สองครอบครัวเป็นเพื่อนกันและดีกับเขาและหล่อนทำให้พี่น้องไม่เคยขาดการติดต่อ และเมื่อโตมาหางานหาการทำได้ก็มาอยู่ด้วยกันเหมือนตอนเด็กๆ ก่อนพ่อแม่ที่แท้จริงเสีย... ด้วยเหตุนี้นามสกุลของเขากับหล่อนจึงไม่เหมือนกัน แม้ว่าเค้าหน้าจะคล้ายกันแต่นอกจากคนสนิทแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเขากับหล่อนเป็นพี่น้องคลานตามกันมาและรักกันมากแม้ว่าจะถูกเลี้ยงแยกกันก็ตาม... “ทำไมเหรอคะ... หรือว่าพี่พฤกษ์กลัวว่าจะมีคนมาจีบ” พฤกษ์ชะงักเล็กน้อยแล้วก็หันไปหยิบของในตู้เย็นต่อ... แล้วก็ค่อยเปรยขึ้นมาเบาๆ “เปล่าหรอก มีข่าวอย่างนี้ น้องสาวพี่จะได้ไม่มีคนมาวุ่นวาย”พฤกษ์พูดน้อยแต่เขาก็แสดงออกชัดเจนตลอดมาว่าค่อนข้างห่วงน้องสาว พริมาไม่ได้เอะใจอะไรเอ่ยโอดครวญออกมา “โธ่ ถ้าพริกโสดจนขึ้นคานขึ้นมา... ความผิดของพี่พฤกษ์คนเดียวเท่านั้นนะ” “พี่เลี้ยงเราไหวน่า” พฤกษ์ยักไหล่ แกะผักออกมาหั่นเตรียมทำยำผักลวกให้คนที่ทานอาหารไปเยอะแล้วทานเล่นๆ กับเขาอีกรอบ... ในใจครุ่นคิดไปถึงพริสซิลล่า หญิงสาวงามสะพรั่ง... มันอาจจะดูเกินเหตุที่เขาถอยห่างจากหล่อนและป้องกันตัวเองอย่างแน่นหนา... หากเป็นผู้ชายคนอื่นรู้เข้าคงหาว่าเขาโง่บรม... แต่พฤกษ์ไม่ได้คิดอย่างนั้นไม่ว่าหล่อนจะสนหรือไม่สนเขาการที่ต่างคนต่างไม่ต้องผูกมิตรกันไปมากกว่านี้เป็นการดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาเขาอยู่อย่างสงบมาตลอดและไม่ต้องการให้ชีวิตมีความวุ่นวายเกิดขึ้นไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม