ตอนที่สี่ ในโลกที่ไม่มีความบังเอิญ

1800 คำ
กว่าที่พริมาจะได้ส่งแขกคนพิเศษอย่างเจ้าชายอับดุลเข้าพักในโรงแรมได้ก็ค่อนค่ำแล้ว... แม้จะเหนื่อยแต่ว่าเงินจากการทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงก็เพิ่มขึ้นหลายดอลลาร์ โดยเฉพาะทิปปึกใหญ่ที่เจ้าชายทรงประทานให้ก่อนที่พระองค์จะออกจากกาสิโนนั้นมันมากโขเพราะท่านเพิ่งเล่นได้เกือบเท่าตัวของวงเงินที่เจ้านายของหล่อนให้เป็นของกำนัล... หญิงสาวคิดว่าตัวเองช่างโชคดีที่ได้ดูแลแขกกาสิโนในวันที่เข้ามาวันแรกเพราะยังไงแขกก็ต้องเล่นได้แล้วหล่อนจะได้ทิปมากมายตามมา แต่ว่าอีกหนึ่งวันถัดไปไม่ว่าแขกคนนั้นจะดวงดีแค่ไหนเขาก็จะต้องเล่นเสียจนหมดตัวจนต้องควักเงินตัวเองออกมาถอนทุนคืน... มันเป็นธรรมดาของกาสิโน เป็นเรื่องปรกติของลาสเวกัส ดินแดนที่เจ้ามือเป็นคนคุมเกมทั้งหมด กลับเข้าห้องพักของตนเองแล้วพริมาก็เดินเข้าไปสำรวจหาของกินที่พี่ชายบอกว่าจะเก็บไว้ในตู้เย็น เห็นอาหารที่พฤกษ์ปรุงใส่ในกล่องทัพเพอร์แวร์อย่างดีแล้วก็อมยิ้ม วันนี้พฤกษ์ตั้งใจจะออกไปเที่ยวพร้อมกับหล่อน แต่ว่าหล่อนเลือกงานปล่อยให้พี่ชายออกไปเที่ยวคนเดียว แต่พี่ชายก็ใจดีไม่โกรธแถมยังเก็บอาหารไว้ให้ด้วย... “พี่พฤกษ์ อยู่ที่ไหนแล้ว... ไม่กลับมาทานข้าวที่ห้องหรือคะ” พริมาอุ่นอาหารพร้อมๆ กับที่โทรเข้าโทรศัพท์มือถือของพี่ชายเพื่อสอบถาม “พี่ว่าจะโทรหาอยู่เหมือนกัน... ตอนนี้พี่เดินเล่นแถวๆ โรงแรมปีเตอร์สันพาเลซ ไม่รู้ว่าเราเลิกงานแล้วหรือยัง รอเราโทรหาอยู่” “อ้าว แล้วกัน... พริกกลับมาที่ห้องแล้ว กำลังจะอุ่นอาหาร” “งั้นเหรอ... เปลี่ยนใจออกมาทานข้างนอกไหม พี่อยากทานสเต๊ก” “ไม่ค่ะ พริกอยากกินอาหารฝีมือพี่พฤกษ์มากกว่า... ตอนนี้อุ่นออกมาแล้วกลิ่นหอมฉุยเชียว” คนเป็นน้องไม่อยากทานอาหารข้างนอก ขณะที่คนเป็นพี่เบื่อที่จะทานอาหารฝีมือตัวเอง เป็นปัญหาที่ตกลงกันยากมาตลอดเวลาที่เจอกัน “จะไม่ออกมาข้างนอกเหรอ” “ไม่ค่ะ... เพิ่งกลับเข้ามาถึงเดินมาทั้งวันแล้วไม่อยากเดินอีกค่ะ พรุ่งนี้พริกหยุดงานจริงๆ แล้วก็ไม่มีเวรให้โทรตามด้วย พี่พฤกษ์เที่ยวคนเดียวไปก่อนนะคะ เดี๋ยวเค้าจะพาเที่ยวอีกทีพรุ่งนี้” “อืม... งั้นก็พักผ่อนไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่เดินเที่ยวแถวนี้ก่อนแล้วจะกลับ” พฤกษ์วางสายจากน้องสาวแล้วก็เดินเล่นต่อไป ผ่อนคลายตัวเองกับเรื่องที่อยู่ในหัว... ในใจมีภาพของผู้หญิงที่ช่วงเดือนก่อนหล่อนเข้ามาวนเวียนในชีวิตเขา... วาดดาว น้องสาวของรุ่งอรุณเพื่อนที่เคยสนิทกันหนีความวุ่นวายจากเมืองไทยมาพักที่ห้องพักข้างๆ เขาตอนที่เขายังอยู่แมสซาชูเซตส์ แค่เห็นหน้าวาดดาวในครั้งแรกพฤกษ์ก็รู้สึกถึงคำว่าตกหลุมรักทั้งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน... และเขาไม่ละเลยที่จะแสดงออกว่าเขาต้องตาหล่อน แต่วาดดาวรู้และบอกให้พฤกษ์ทำใจเพราะว่าหล่อนท้องอยู่... เขาอึ้งไปแต่ความสนใจในตัวหล่อนไม่ได้น้อยลงยิ่งสงสารด้วยซ้ำเมื่อรู้ว่าหล่อนท้องโดยที่พ่อเด็กไม่รับผิดชอบจนทำให้หล่อนต้องบินหนีมาหลบภัยที่อเมริกา... พฤกษ์อาสาดามอกหล่อนและประกาศชัดว่าจะดูแลหล่อนโดยไม่สนอดีตที่ผ่านมา แต่วาดดาวไม่ได้รับข้อเสนอนั้น... พฤกษ์ก็ยังเฝ้ารอ จนเมื่อวันที่ความหวังทั้งหมดของเขาพังทลายลงเมื่อสามีของวาดดาวบินตามมาง้อหล่อนที่นี่ ทั้งคู่คืนดีกันแล้วกลับเมืองไทยด้วยกัน... พฤกษ์รับรู้ได้ถึงความเสียใจของตัวเอง แต่มันไม่ได้มาก แต่ก็ยอมรับว่าเจ็บปวด เพราะเขารักใครได้อย่างยากเย็น ผู้คนรายล้อมอยู่มากมายก็ไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งสักนิด หากแต่คนที่เขารู้สึกด้วยนั้นกลับไม่ได้คิดกับเขามากเกินเพื่อนเลย พฤกษ์คงอยู่กับความเสียใจนี้อีกนานเพราะคงไม่ได้มีใครผ่านเข้ามาให้รักอีกง่ายๆ ร่างสูงเดินเตร็ดเตร่ในขณะที่สายตาทอดมองผู้คนที่เดินขวักไขว่เมืองที่มีผู้คนนับล้าน พฤกษ์กลับรู้สึกเหงาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาตัดสินใจย้ายมาอยู่ลาสเวกัส เพราะไม่อยากจมจ่อมอยู่กับคามผิดหวังและอยากใช้ชีวิตให้สดใส เขาหวังว่าการเปลี่ยนที่ทำงานครั้งนี้จะทำให้ความสุขที่หายไปกลับคืนมา... พริสซิลล่านั่งเหยียดขาเรียวของตัวเองพาดตามเบาะรถลิมูซีนโดยไม่รักษาภาพพจน์ หล่อนเหนื่อยเพราะเดินทั้งวันเพื่อทำงานหนัก... รองเท้าส้นสูงราคาหลายพันเหรียญถูกสะบัดออกจากเท้า... “เหนื่อยจริง” หญิงสาวถอนหายใจเหนื่อยๆ กับงานที่ต้องทำในวันนี้... การประสานงานของโรงแรมที่ใหญ่ระดับนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายของคนอายุยี่สิบต้นๆ เลย แต่พริสซิลล่าสามารถทำมันได้ แต่ถึงหล่อนจะเป็นเรี่ยวแรงสำคัญของโรงแรมนี้ได้ด้วยความสามารถแต่กระนั้นมันก็ทำให้หล่อนเหนื่อยลืมตายได้เหมือนกัน... รู้สึกเบื่องานได้พักเดียว หล่อนก็รู้สึกหายเหนื่อยเมื่อนึกถึงใบหน้าใจดีของใครบางคน... มือเล็กที่แต้มเล็บสีแดงคว้าโทรศัพท์มาโทรหาพี่ชายทันที “พี่นิค... ข้อมูลที่ให้ไปหาเมื่อบ่าย ได้หรือยังคะ” หญิงสาวไม่สนว่าเสียงตอบรับนั้นจะติดแววรำคาญแค่ไหน “ได้แล้ว...” อัครวินธ์ผละออกจากเจนนี่ด้วยความเสียดายแกมรำคาญที่ถูกขัดจังหวะ... “พี่จะให้คนส่งให้ตอนนี้เลย พริสซี่อยู่ไหน” “พริสซี่อยู่แถวๆ โรงแรม กำลังจะออกมา.... เอ่อ” พริสซิลล่าลืมทุกอย่างที่ต้องการพูดเมื่อมองออกไปนอกรถแล้วเห็นร่างสูงคุ้นตา เดินอยู่ตรงทางเดิน... “พี่นิค โยนข้อมูลนั่นทิ้งขยะได้เลย พริสซี่คิดว่าไม่จำเป็นแล้ว” “เฮ้ยพริสซี่...” อัครวินธ์มองซองเอกสารที่คนของเขาเอามาให้เมื่อบ่ายด้วยสายตาหงุดหงิด... ข้อมูลของผู้ชายที่พริสซิลล่าตามหาที่เพื่อนซีไอเอของเขาหามาให้พร้อมกับประวัติของครอบครัวไอ้ผู้ชายโชคร้ายที่ถูกพริสซิลล่าหลงรักโดยละเอียด แต่เจ้าตัวกลับไม่เอาบอกให้เขาโยนทิ้งแล้ววางสายไปดื้อๆ บ้าสิ้นดี... นี่น้องสาวเขากำลังทำอะไรกันแน่ อัครวินธ์คิดว่าจะลองเปิดสักหน่อยว่าผู้ชายคนไหนที่ทำให้คนที่ไม่เคยสนใจใครอย่างพริสซิลล่าสนใจได้ แต่ว่าเจ้าของร่างอิ่มเปล่าเปลือยที่เดินออกมาพิงขอบประตูยืนยั่วเขาทำให้ชายหนุ่มไม่สนใจมันอีกต่อไป... แววตาเย้ายวนจากเจนนี่บอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาไม่มีเวลามากนักสำหรับเปิดมันอ่าน... พริสซี่บอกว่าไม่ต้องการก็คงต้องทิ้ง ซองเอกสารสีน้ำตาลเจ้ากรรมจึงถูกทิ้งลงในลิ้นชักโต๊ะทำงานอย่างไม่ไยดี เพราะเขามีอย่างอื่นที่สนใจกว่าข้อมูลข้างใน... พริสซิลล่าสั่งให้คนขับรถของตัวเองจอดรถกลางถนนก่อนที่จะเปิดประตูรถแล้ววิ่งออกมาโดยไม่สนรองเท้า ในมือหล่อนมีเพียงโทรศัพท์เครื่องเดียวที่ถือไว้ติดมือ หล่อนไม่สนใจอะไรมากกว่าคนที่อยู่ในสายตาที่กำลังเดินห่างไปเรื่อยๆ จนต้องวิ่งตามให้ทัน... “คุณ” พริสซิลล่าเรียกเขาเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขาก็ไม่หันมา... จนเมื่อหล่อนวิ่งไปทันเขาและคว้าแขนเขาไว้ได้... เขาจึงหยุดเดินและหันมามองหล่อนงงๆ “คุณ” พฤกษ์ทำเสียงเหมือนจำหล่อนได้... “คุณมาทำอะไรแถวนี้เหรอ” พริสซิลล่าเริ่มกระดากอายเมื่อตนไม่ได้สวมรองเท้า... คนขับรถที่ทำงานดีสมเงินเดือนเป็นหมื่นๆ เหรียญ วิ่งเอารองเท้ากับกระเป๋าลงมาให้เจ้านายโดยไม่สนว่าบนท้องถนนที่คับคั่งนั้นรถคันที่ต่อท้ายตนจะหัวเสียขนาดไหน... “ขอบใจ ไม่ต้องรอฉัน... กลับบ้านได้เลย” หญิงสาวบอกคนขับรถที่หล่อนจะเพิ่มเงินเดือนให้ในสิ้นเดือนนี้อย่างไม่เสียดาย... หล่อนกำลังคิดว่าควรเก้อกระดากที่หล่อนวิ่งลงมาหาเขาโดยที่ไม่ยอมสวมรองเท้า... ใครที่รู้จักพริสซิลล่า ปีเตอร์สัน คงกล้าสาบานได้ว่าหล่อนจะไม่มีทางทำ “ดูท่าทางคุณรีบเร่ง... ขอให้ทำอะไรตามที่ต้องการเสร็จเร็วๆ นะครับ” พฤกษ์ไม่มีอารมณ์สนใจใคร หรือว่ามองใครมากกว่าความรู้สึกตนเอง เขาจำพริสซิลล่าได้ว่าคือคนที่จอดรถอยู่ริมถนนเหมือนว่ามีปัญหา เขาลงไปช่วยและหล่อนพยายามยัดเยียดเงินค่าช่วยเหลือให้เขา แต่เขาไม่รับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีโอกาสได้เจออีก เขาไม่ได้อยากพูดจากับหล่อนมาก เพราะดูหล่อนเร่งรีบ “ถ้าคุณอยากให้ฉันทำสำเร็จก็ไปทานอาหารกับฉัน” “ครับ” เขาเผลอพูดภาษาไทยกับหล่อนเพราะเขาต้องการให้หล่อนทวนใหม่ เมื่อหล่อนบอกว่าเขาต้องไปทานอาหารกับหล่อน พริสซิลล่าตาเป็นประกายวาววับ... “คุณพูดไทยได้ ฉันแอบหวังอยู่แล้วว่าคุณต้องเป็นคนไทย ดีใจจังค่ะ” หญิงสาวพูดรัวเป็นภาษาไทย แม้จะฟังค่อนข้างยากแต่พฤกษ์ก็เข้าใจ... เขามองหน้าหล่อนเต็มๆ เห็นดวงหน้าสวยสดใสมองเขาพร้อมๆ กับยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทรงผมเกล้าสวยที่ถูกแต่งทรงอย่างดีจนเนี้ยบกับชุดหรูหราราคาไม่เบาที่พ่วงพร้อมกระเป๋าและรองเท้าแบรนด์เนมของหล่อน... เป็นภาพของหล่อนที่เขาจำได้ เขาค่อนข้างฉงนใจที่หล่อนดูเหมือนตื่นเต้นที่เจอเขา และหล่อนแสดงความสนใจที่มีต่อเขามากอย่างไม่น่าเชื่อ... พฤกษ์รู้ว่าตัวเองไม่ได้ไร้เสน่ห์ แต่ก็ไม่ได้คิดถึงไปว่าผู้หญิงที่ดูไม่ติดดินอย่างหล่อนจะสนใจเขา... เขาช่วยหล่อนเมื่อเช้าเพราะหวังดีกับหล่อน ตอนนี้เขาคงจะต้องหวังดีกับหล่อนอีกครั้งด้วยการทำให้หล่อนเลิกสนใจเขา เพราะเขาไม่ได้มีหัวใจและสายตาไว้สนใจใครแล้วในตอนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม